แรงต้านเริ่มก่อตัว
ตลอดเดือนเศษในการควบคุมอำานาจของคณะ
รักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปรากฏว่า ผลสำารวจความพึงพอใจที่ มีต่อผลงาน เป็นไปในทางบวกแทบทุกเรื่อง จนกระทั่งบริษัท ปตท. จำากัด (มหาชน) แต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการ ได้แก่ นายปิยสวัสด์ิ อัม ระนันทน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายคุรุจิต นาครทรรพ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน นายพรชัย รุจิประภา รองปลัดกระทรวง พลังงาน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ และนางนันท วัลย์ ศกุนตนาค เพื่อทดแทนผู้ที่ลาออก ก็ได้เกิดกระแสต่อต้านกรรมการ 3 ราย ได้แก่นายปิยสวัสด์ิ นายคุรุจิตและนายพรชัย มีทั้งการแสดงตัว เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกขอให้ทบทวน การนัดแต่งกายชุดดำาประท้วง และการสื่อสารแสดงปฏิกิริยาคัดค้านในสังคมออนไลน์
ประเด็นที่กลุ่มผู้คัดค้านกล่าวอ้างถึง
ปัญหาพลังงาน
ก็คือ ภาพ
ลักษณ์ของบุคคลกลุ่มนี้ มีปัญหาในสายตาประชาชน ไม่เป็นที่ยอมรับ และไม่เหมาะจะเป็นกรรมการของบริษัท ปตท. โดยระบุถึงบางคนขณะ มีอำานาจได้อนุญาตสัมปทานสำารวจนำ้ามันมากเป็นประวัติการณ์ ทั้งยัง อ้างว่าจะทำาให้เป็นที่ครหาแก่ คสช. ว่ามีพฤติการณ์สมบัติผลัดกันชม จึงควรทบทวนเพื่อให้ความศรัทธาที่มีต่อ คสช. คงอยู่ต่อไป และหาก ยังคงยืนยันในคำาสั่งดังกล่าวไว้ ทางกลุ่มก็จะนัดรวมตัวประชาชนที่มี แนวคิดเหมือนกันออกมาต่อต้านต่อไป
ที่ผ่านมา มีประชาชนบางกลุ่ม นักการเมืองบาง
ราย ร่วมแสดงออกเรียกร้องเกี่ยวกับปัญหาพลังงานและกล่าวหา ปตท. อยู่หลายประเด็น โดยเฉพาะการทำาให้ประชาชนต้องบริโภคนำ้ามันราคา แพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน การให้สัมปทานที่เสียเปรียบ ถึงขั้นการ พยายามทวงคืน ปตท. ประเด็นเหล่านี้ มีมาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุด คือ การต่อต้านผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ ปตท. แสดงให้เห็นว่า ปัญหา พลังงาน และ ปตท. มีความซับซ้อน คาบเกี่ยวผลประโยชน์หลายด้าน ขณะที่ประชาชนก็ให้ความสนใจติดตาม ตรวจสอบการดำาเนินการของ ปตท. อยู่ตลอดเวลาและเผยแพร่ต่อสาธารณะอย่างแพร่หลาย และน่า จะมีคนคล้อยตาม อาจด้วยความคาดหวังให้นำ้ามันลดราคาลงมาอีก
เป็นหนึ่งในเรื่องหลักที่ คสช.
กำาหนดเป็นนโยบายที่ต้องปฏิรูปให้สำาเร็จภายใน 300 วัน โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. กล่าวว่า จะดำาเนินการระยะที่ 2 โดยปฏิรูปทั้งระบบที่มีความซับซ้อน ทั้งการให้สัมปทาน การแข่งขัน อย่างเสรี รัฐจะไม่อุดหนุนอย่างไร สัดส่วนค่าตอบแทนรัฐที่เหมาะสม ซึ่งเท่ากับว่า แนวทางการปฏิรูปนั้น คสช. ได้ตั้งโจทย์ไว้แล้ว การดำาเนิน การจำาต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย และที่ผ่านมา ก็ได้เปิดเวทีรับ ฟังความเห็นรอบด้านแล้ว อย่างไรก็ตาม การจะปฏิบัติให้เกิดผล ด้วย ความรอบคอบเกิดผลเสียน้อย จำาต้องอาศัยคนที่รู้ระบบงานมาทำา ดังนี้ แทนที่จะคัดค้านหรือปฏิเสธเสียแต่ต้น กลุ่มที่ไม่เห็นด้วย หรือไม่เชื่อ มั่นในบางบุคคล ควรเป็นตัวช่วยของ คสช. หากเห็นว่า จะมีการปฏิบัติ หรือข้อเสนอที่ทำาให้เสียหาย ก็แสดงออกให้รับทราบน่าจะได้ผลกว่า.