จีสินค้ารับมือหมดจีเอสพี เร่งหาจีน-อินเดียทดแทน ตลาดอียู723รายการปี58
เหรียญสหรัฐ ยูโร ปอนด์สเตอร์ลิง เยน (ต่อ100เยน) เหรียญฮ่องกง ริงกิต เหรียญสิงคโปร์
(บาท/นา้� หนักบาท)
(เหรียญ/เอานซ์)
(เหรียญ/เอานซ์) เบนซิน 95 แก๊สโซฮอล์ 91 เเก๊สโซฮอล์ 95 เเก๊สโซฮอล์ อี20 ดีเซล
(ไม่รวมค่ากา� เหน็จ)
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่ง ประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาคเอกชนเป็นห่วงสถานการณ์การส่งออกไทย ปี 58 อย่างมาก เนื่องจากวันที่ 1 ม.ค. 58 จะมีสินค้าไทย 723 รายการ จะถูกตัดออกจากบัญชีสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ของ สหภาพยุโรป จากเดิมที่ถูกตัดสิทธิไปแล้ว 50 รายการ ส่งผลให้ไทยต้อง เสียเปรียบทางการแข่งขันการค้าแก่ประเทศคู่แข่งมากขึ้น เพราะผู้ส่ง ออกไทยจะมีต้นทุนการส่งออกที่สูงขึ้น จากปัจจุบันที่สินค้า 723 รายการ ได้รับการลดภาษีภายใต้สิทธิจีเอสพีอยู่ในระดับ 2-8% ก็จะต้องเสียภาษี เพิ่มเฉลี่ย 7-10%
“แม้สิทธิพิเศษจีเอสพี จะไม่ได้ลดภาษีเป็น 0% แต่ก็ช่วยลด อัตราภาษีได้พอสมควร ซึ่งมีผลต่อต้นทุนของผู้นา� เข้า เช่น รองเท้าผ้าใบ อัตราภาษีที่ได้จากจีเอสพีคือ 7.8% แต่เมื่อไม่มีสิทธิพิเศษจีเอสพีต้อง จ่ายภาษีที่ 17.8% ซึ่งถือว่าการแข่งขันหรือการส่งออกของไทยไปยุโรป 48.75 38.28 40.73 35.78 29.85 นั้น โอกาสที่จะเพิ่มขึ้นยาก”
นายวัลลภ กล่าวว่า นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังกังวลปัจจัยเรื่อง ของการเจรจาเขตการค้าเสรีเอฟทีเอไทย-อียู ซึ่งไทยมีการเจรจาเป็น ทางการ และไม่เป็นทางการแล้ว 4 ครั้ง และล่าสุด สหภาพยุโรปยัง ประกาศไม่ให้ความร่วมมือกับไทย ทั้งทางการค้าและอื่น ๆ จนกว่าไทย จะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นในระหว่างนี้ ต้องการให้เจ้าหน้าที่ ฝ่ายไทย ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรปอย่างต่อเนื่อง ใน เรื่องของการเจรจา และเมื่อไทยมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะสามารถ เจรจาได้ทันที และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
สา� หรับกรณีที่สหรัฐอเมริกา ปรับอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ ของไทยให้อยู่ในระดับเทียร์ 3 นั้น ยังไม่ได้มีผลต่อการส่งออกมากนัก แต่ก็มีผลด้านภาพลักษณ์สินค้าของไทยมากกว่า โดยเรื่องนี้ หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ต้องพยายามชี้แจงท�าความเข้าใจเรื่องค้ามนุษย์ให้ชัดเจน และทุกอย่างต้องจัดให้อยู่ภายใต้กฎหมาย ทั้งหมด ส่วนการประกาศของสหหภาพ ยุโรปเรื่องนี้ มีผลต่อรัฐบาล ดังนั้นรัฐบาลก็ ต้องให้เร่งแก้ไขเช่นกัน
ด้านนายคงฤทธ์ิ จันทริก ผู้อา� นวย การบริหาร สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่ง ประเทศไทย กล่าวว่า การส่งออกของไทย ในปี 58-59 จะได้รับผลกระทบจากการถูก ตัดสิทธิจีเอสพีในกลุ่มสินค้าต่าง ๆ เช่น วัลลภ วิตนากร ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์และสินค้าประมง แปรรูป ปลาทูน่ากระป๋อง กุ้งแปรรูป น้า� ตาลและขนมที่ทา� จากน้า� ตาล โกโก้ และของปรุงแต่งจากโกโก้ ของปรุงแต่งจากธัญพืช แป้งสตาร์ช นม ของปรุงแต่งจากพืช ผัก ผลไม้ ลูกนัต หรือส่วนอื่นของพืช เครื่อง ดื่ม สุรา น้า� สม้ สายชู อาหารสัตว์ อาหารแปรรูป ไข่มุก รัตนชาติ โลหะ มีค่า อัญมณีและเครื่องประดับเหรียญกษาปณ์ เป็นต้น
สา� หรับทางเลือกในการส่งออกไทยหลังจากนี้ จา� เป็นต้องมุ่งมั่น ไปยังตลาดอาเซียน จีน และอินเดีย ซึ่งแม้ว่าการส่งออกไปยังอาเซียน และจีนที่ผ่านมา จะมีตัวเลขส่งออกติดลบอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การส่ง ออกไปยังอินเดีย จะยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย แต่เป็นตลาดที่มีโอกาส และความต้องการสูง รวมถึงต้นทุนโลจิสติกส์ไม่สูงมาก โดยเฉพาะ ประเทศอินเดีย ที่มีการพัฒนาท่าเรือ และโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งใน เมืองท่าสา� คญั ดีขึ้นอย่างมากในขณะนี้
ส่วนมาตรการอื่น ๆ เช่น ภาครัฐจา� เป็นต้องสนับสนุนการดา� เนิน งานด้านตลาดของภาคเอกชน และลดต้นทุนการส่งออก ด้วยการ สนับสนุนงบประมาณ และเร่งรัดการแก้ไขปัญหาต้นทุนโลจิสติกส์ที่ ส�าคัญ พร้อมทั้งจัดสรรงบประมาณส�าหรับโครงการใหม่ โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าไทย ให้มีความ เข้มแข็ง ทั้งในส่วนของกระบวนการภายใน
พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการ และผู้ประกอบ การในประเทศเป้าหมาย สร้างความรู้ความเข้าใจในกฎระเบียบและ สถานการณ์ และพฤติกรรมการบริโภคภายในประเทศคู่ค้า เพื่อให้ สามารถปรับกลยุทธ์ และวางแผนทางธุรกิจให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และการแข่งขันรวมถึงการแก้กฎระเบียบต่าง ๆ