พุทธศาสนากับการปฏิรูปประเทศ
กลายเป็นประเด็นร้อนแรง พลุแตกอีกครั้งสำาหรับ ปมวัด พระธรรมกาย ที่ถึงแม้จะเป็นเรื่องเก่าถูกนำาขึ้นมารื้อใหม่ แต่ดูท่า สังคมกำาลังจับตาว่าเรื่องนี้จะออกหัวหรือก้อย ไปถึงไหนอย่างไร จึง ถึงเวลาต้องจับเข่านั่งคุยกับ อดีตส.ว.นักพูด เจ้าสำาบัดสำานวนอย่าง ’ประสาร“ประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะกรรมาธิการปฏิรูปค่านิยม ศิลปะ วัฒนธรรม จริยธรรม และ ศาสนา สปช. ถึงแนวทางการปฏิรูปวงการพระพุทธศาสนาเพื่อให้ คืนความสุขให้กับคนไทย
มหาเถรสมาคมต้องบอกว่าเป็นองค์กรของพระที่ไม่มี บทบาทสำาคัญอะไรเลยต่อพระสงฆ์ทั่วประเทศ วัดทั้งหลายจะทำา อะไรมีอิสระที่จะทำาตามวิถีทาง พระที่ใช้วัดทำาคุณไสย หา สตางค์ มหาเถรสมาคมก็ทำาอะไรไม่ได้ หรือที่เป็นปัญหา ในขณะนี้และเป็นปัญหาใหญ่ คือ แนวทางวัตรปฏิบัติ รวมทั้งการเงินของวัดพระธรรมกาย ที่เป็นความขัดแย้ง ใหญ่ และเป็นความขัดแย้งหลักของวงการศาสนาคือผู้ ที่ศรัทธาในวัดพระธรรมกาย และผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับวัด พระธรรมกาย นี่เป็นตัวอย่างที่สามารถอธิบายความขัด แย้งได้ว่า 40 กว่าปีที่ผ่านมานั้น วัดพระธรรมกายนำาสังคมไปในทิศทาง ที่ไม่ถูกหลักศาสนาหรือไม่ เพราะประกาศว่าพระไตรปิฎกบกพร่อง และ อ้างอิทธิปาฏิหาริย์ รวมถึงใช้วิธีโฆษณาในทางที่บอกให้ประชาชนเอาเงิน มากองไว้ที่วัดเยอะ ๆ จะได้ไปสวรรค์
คำาพูดวาทกรรมที่บอกว่า ทุ่มสุดฤทธ์ิ ปิดเจดีย์ คือการเอาเงินมา ให้วัด เพื่อให้มีชื่อตัวเองอยู่ที่เจดีย์ เดี๋ยวนี้ทำาได้ถึงขนาดที่ให้มีการกู้เงิน ทำาบุญ หรือทำาบุญผ่อนส่ง ถ้าทำาบุญน้อยขึ้นสวรรค์ชั้นตำ่า ทำาบุญมากขึ้น สวรรค์ชั้นสูง สิ่งนี้เป็นเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์และการลวงโลกอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ เรื่องของวัดพระธรรมกายจะเป็นประเด็นยืดเยื้อไปอีกยาวนานตราบ ใดที่ยังไม่มีการปลดพระเทพญาณมหามุนี(ไชยบูลย์ ธัมมชโย) เจ้าอาวาส วัดพระธรรมกายให้พ้นไปจากการเป็นเจ้าอาวาส ตราบนั้นปัญหาก็ยังอยู่ และถ้าวัดพระธรรมกายยังไม่มีการตรวจสอบจากภาคสังคม ภาคประชาชน จะก่อให้เกิดปัญหาการแตกแยกใหญ่ทางสังคม
เนื่องจากเวลานี้ปัญหาวงการศาสนา โดยเฉพาะพุทธศาสนามี ปัญหาหลายอย่าง ทั้งพระสงฆ์ สถานที่ของพระสงฆ์ก็คือวัดเป็นธรรมสถาน ที่เป็นฐานธรรมของพระสงฆ์ แต่เวลานี้พระสงฆ์จำานวนมาก วัดจำานวน มากมีปัญหา แทนที่วัดจะเป็นแหล่งปฏิบัติธรรม แต่กลับกลายเป็นที่ทำาคุณ ไสย ทำาเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ เรื่องของการขอดลบันดาลให้เกิดผลต่อผู้ที่ไป กราบไหว้ เลยทำาให้พุทธศาสนากลายเป็นพุทธพาณิชย์ นอกจากนี้ ตามวัด ต่าง ๆ ถ้าไปดูจะเห็นว่ามีการแข่งขันกันสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุด ในโลก สร้างอาคารสวยที่สุดในโลก สร้างลานอาคารจานบินที่แปลก ประหลาดที่สุดในโลก รวมถึงการสร้างอะไรที่ไม่ใช่วิถีพุทธแต่เป็นวิถี บริโภคนิยม เพื่อการประกวดแข่งขัน เพื่อการแสดงอานุภาพแสดงความ ยิ่งใหญ่ ขณะเดียวกันก็ดูดเงินจากผู้คน องค์กรต่าง ๆ มากองรวมกันไว้ ในวัด จนกระทั่งวัดกลายเป็นขุมสมบัติมหาศาล มีการเอาเงินไปใช้จ่าย จนกระทั่งพระบางรูปต้องออกจากตำาแหน่งก็มี
เมื่อเป็นเช่นนี้แปลว่ากิจการด้านศาสนาต้องมีการปรับปรุง ปฏิรูปขนานใหญ่ ทั้งเรื่องคา�สอน เรื่องสมบัติของสงฆ์ เรื่องการห่าง เหินไปจากสังคม ขณะนี้ผู้คนจา�นวนมากห่างเหินไปจากวัด ละทิ้งวัด โรงเรียนที่เคยอยู่กับวัดก็ไม่มีความผูกพันกับวัด ท�าให้วัดกลายเป็น สถานที่ซึ่งห่างไกลไปจากสังคม ผู้คนนึกถึงวัดก็ต่อเมื่อมีพิธีกรรม จึง เห็นควรว่าสังคมควรมีส่วนร่วมตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของวัด และ เป็นเรื่องที่ต้องปฏิรูป เพราะวัดซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งประเทศ กา�ลงัแปรเปลี่ยนตามวิถีที่ไม่ถูกต้อง และมีแนวโน้มไปสู่พุทธพาณิชย์ และบริโภคนิยมอย่างที่แข่งขันกันอยู่ และวิถีการปฏิบัติ เช่น การเดินธุดงค์กลางเมือง เป็นสิ่งที่สังคมยอมรับไม่ ได้ ถ้าวัดพระธรรมกายทำาแบบนี้แล้วปล่อยให้ทำาต่อไปเรื่อย ๆ จะกลาย เป็นไม่มีใครสามารถหยุดยั้งความผิดได้หรืออย่างไร
ดังนั้นเรื่องวัดพระธรรมกายจึงเป็นประเด็นปัญหาสำาคัญที่จะ ต้องหยิบยกมาเป็นกรณีศึกษาว่าคือสิ่งที่ต้องปฏิรูป ถ้าไม่ปฏิรูปศาสนา ในประเทศไทยก็จะเป็นปัญหา ผมขอยืนยันว่าไม่ใช่ความจงใจที่จะกลั่น แกล้ง แต่เนื่องจากกลายเป็นประเด็นสาธารณะขึ้น มา จึงหลีกไม่พ้นที่ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ และจะ เห็นว่าเมื่อมีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาคนไทยโดยเฉพาะคน ชั้นกลางก็ขานรับทั้งประเทศ ไม่เว้นแม้แต่กระทั่ง บรรดาพระที่เป็นผู้รู้ และพระสงฆ์องค์อื่น ๆ ก็ล้วน ออกมาบอกว่าเป็นเรื่องที่ผิดพลาด
ความแตกแยกถ้าอยู่ในขอบเขต ส่วนตัวผมเห็นว่าเป็นโอกาส ที่ดีถ้าบอกว่าวัดพระธรรมกายผิด คำาสอนผิด อีกฝ่ายก็จะบอกว่าผิดตรง ไหน นั่นก็เท่ากับว่าเป็นการเรียนรู้สิ่งที่เป็นความรู้ สติปัญญาให้มาแลก เปลี่ยนกันในสังคม จะทำาให้เราเรียนรู้กันมากขึ้น เหมือนการอภิปรายใน เวทีต่าง ๆ ซึ่งในเรื่องการบิดเบือนคำาสอนในพระพุทธศาสนา ในเรื่องวัด พระธรรมกาย เรื่องนี้คือการที่สังคมได้เรียนรู้ในทิศทางที่ตรงกันข้ามสอง ฝ่าย ผมไม่คิดว่าสิ่งนี้คือการแตกแยกกันภายใน แต่คิดว่านี่คือการเปิด โอกาสทางสติปัญญาให้ทั่วทั้งสังคมได้เรียนรู้ร่วมกัน เพียงแต่จะจัดการ อย่างไรให้เหมาะสมไม่นำาไปสู่ความรุนแรง เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่นำาไปสู่ ความรุนแรง หรือใช้ความรุนแรงมาแก้ปัญหา เมื่อนั้นก็จะกลายเป็นปัญหา แต่ถ้าอยู่ในขอบเขตของการแก้ปัญหา การโต้แย้งกันทางปัญหาผมถือว่า ไม่เป็นอะไรและไม่ใช่ปัญหา
การปฏิรูปศาสนาต้องมองใน3 ประเด็น คือ1. ต้องมีการไปสา�รวจ ตรวจสอบดูว่าพ.ร.บ.สงฆ์ ปี 2505 สมัยจอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต์ อดีต นายกรัฐมนตรี ที่ทา�ให้เกิดมีมหาเถรสมาคม เป็นผลบวกหรือเป็นผลลบ ต่อสังคมไทย2. ต้องสา�รวจสภาพความเป็นจริงของวัดที่มีอยู่ในประเทศ ทุกวันนี้ว่าวัดที่มีคา�สอนผิดทิศผิดทาง สอนเรื่องปาฏิหาริย์ สอนให้ทา�บญุ มากน้อยไปสวรรค์ชั้นสูงชั้นต่า�ต่าง ๆ และ 3. เรื่องการเงินของวัดต้อง ให้สังคมร่วมกันตรวจสอบอย่างจริงจัง รวมถึงนา�เสนอทิศทางที่ถูกต้อง ของการดา�เนินการของศาสนาที่จะสามารถหยิบยกเป็นตัวอย่างได้ เพราะ ฉะนั้นต้องแยกแยะให้เห็นว่าอะไรเป็นเรื่องที่ผิด อะไรเป็นเรื่องที่ถูก มี การนา�เสนอสิ่งที่ถูกต้องทั้งเรื่องแนวทาง และการปฏิบัติหรือไม่.