ส่งกีฬา
และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้านการ ปฏิรูปการกีฬา” ครั้งที่ 3 ที่สถาบันการพลศึกษา ว่า ในภาพรวมมีความเห็นที่สอดคล้องกันว่าจะ ต้องมีการบรรจุบทบัญญัติเรื่องการกีฬาไว้ในร่าง รัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและ ประชาชนในเรื่องการพัฒนาคุณภาพประชาชน และควรมีกฎหมายที่บัญญัติเพื่อให้เกิดความ สัมฤทธิผลในเชิงรูปธรรม
สำาหรับข้อสรุปในแต่ละกลุ่มมีดังนี้ กลุ่มที่ 1 เรื่องโครงสร้างการกีฬา ส่วนใหญ่เห็น ว่าสมควรมีหน่วยงานระดับกระทรวงกีฬา ที่รับ ผิดชอบด้านการกีฬาเป็นการเฉพาะ แต่ในเรื่อง โครงสร้างว่าควรกำาหนดรูปแบบใหม่หรือควรใช้ รูปแบบเดิมนั้นเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาถึงความ เหมาะสมต่อไป แต่ควรตระหนักเรื่องการ ปรับปรุงโครงสร้างภายในกระทรวง เพื่อรองรับ ภารกิจตามที่รัฐธรรมนูญกำาหนด กลุ่มที่ 2 เรื่อง กฎหมายการกีฬาและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วน ใหญ่เห็นว่าควรบัญญัติกฎหมายในเรื่องของการ เพิ่มชั่วโมงวิชาพลศึกษาในสถานศึกษาระดับ พื้นฐานอย่างน้อย 2 คาบเรียนต่อสัปดาห์ การ กำาหนดมาตรการดูแลนักกีฬาทีมชาติที่ได้รับ บาดเจ็บระหว่างการฝึกซ้อมและแข่งขัน การ กำาหนดเรื่องสวัสดิการให้กับนักกีฬาและ บุคลากรทางการกีฬาทุกคน การจัดทำาระเบียบ คุ้มครองส่งเสริมนักกีฬาคนพิการให้มีความ มั่นคงในชีวิต การส่งเสริมมาตรการทางภาษี สำาหรับนักกีฬาและสโมสรกีฬา การมีพระราช บัญญัติจัดตั้งกระทรวงกีฬาเพื่อให้โครงสร้าง ในการทำางานด้านการกีฬาเป็นไปในทิศทาง เดียวกัน และการมีกฎหมายรองรับหน่วยงาน ปกครองส่วนท้องถิ่นในการสนับสนุนด้านการ กีฬาให้เกิดความชัดเจน
กลุ่มที่ 3 เรื่องการพัฒนาการกีฬา ส่วน ใหญ่เห็นว่า การกีฬาขั้นพื้นฐานถือเป็นปัจจัย สำาคัญในการส่งต่อไปสู่การกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ และกีฬาเพื่อการอาชีพ แต่ในปัจจุบันขาดแคลน บุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านการ กีฬาอย่างถูกต้องแท้จริง จึงควรเน้นพัฒนา บุคลากรอย่างเป็นระบบตั้งแต่การกำาหนด หลักสูตรการศึกษา สมาคมกีฬาควรมีมาตรฐาน และแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนานักกีฬา อย่างเป็นระบบ และภาครัฐควรกำาหนดแนวทาง ในการส่งเสริมนักกีฬาเป็นรายบุคคลสำาหรับผู้ที่มี ศักยภาพทางการกีฬาโดยไม่ควรใช้วิธีจัดสรรงบ ประมาณไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดความ สิ้นเปลืองและไม่ส่งตรงถึงตัวนักกีฬา และกลุ่ม ที่4 เรื่องการบริหารจัดการด้านการกีฬา ส่วนใหญ่ เห็นว่า โครงสร้างพื้นฐานทางการกีฬาควร ครอบคลุมไปถึงการส่งเสริมการออกกำาลังกาย และการเล่นกีฬาให้ทั่วถึงในทุกท้องถิ่น ทุกสถาน ศึกษา และอำานวยความสะดวกให้แก่คนพิการ และผู้บกพร่องทางร่างกาย โดยสนับสนุนเรื่อง ของสถานที่ อุปกรณ์ และสิ่งอำานวยความสะดวก ทางการกีฬา ในส่วนสถาบันวิทยาศาสตร์ทางการ กีฬา ควรมีการกระจายไปทั่วทุกภูมิภาคอย่างครบ วงจร ทั้งในเรื่องอัตรากำาลังของผู้เชี่ยวชาญ ทางการกีฬา นักกายภาพบำาบัด แพทย์ และ บุคลากรประจำาศูนย์ รวมทั้งเชื่อมโยงไปสู่ อุตสาหกรรมการกีฬา ทั้งในเรื่องการผลิตอุปกรณ์ การกีฬาให้มีคุณภาพ มาตรฐานเพียงพอ สอดรับ กับมาตรฐานสากล ซึ่งจะต่อยอดไปสู่การสร้าง เศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม. ออกมาได้พร้อมกับสาวเจ้าถิ่นอีก 3 คน รวม เป็น 5 คน และผลัดกันนำาผลัดกันตาม จนต้อง มาวัดแชมป์กันหน้าเส้น และเป็น ศุภักษร ที่ อาศัยจังหวะและตำาแหน่งที่ดีกว่าเร่งฉีกหนีเข้า เส้นชัยประเดิมแชมป์สเตจแรก ส่งผลให้ ศุภักษร เป็นผู้นำาเวลารวม พร้อมรับเสื้อเหลือง เพื่อใส่แข่งขันในสเตจที่ 2 ส่วนพันวราภรณ์ คว้าที่ 5 ของสเตจแรก
สำาหรับสเตจสองซึ่งจะแข่งขันจาก เมือง ลาหงา ไปเข้าเส้นชัยที่เมืองเบาร็อค ระยะทาง 90 กม. จะแข่งขันวันที่ 29 ก.พ. ซึ่งนักปั่นทีม ชาติไทยขอแรงเชียร์จากแฟนกีฬาชาวไทยด้วย จุฑาธิปหันหลังปั่นทีมชาติไทย
จา ก ก ร ณีที่ส มา ค ม จัก ร ยา น แห่ง ประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถอนชื่อ “บีช”จุฑาธิป มณีพันธ์ุ นักปั่นสาวประเภทถนน ดีกรีเหรียญทองกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่ เกาหลีใต้ เมื่อปีที่แล้ว ออกจากทีมชาติไทย ชุด ทำาศึกกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 28 วันที่ 5-16 มิ.ย. ที่ สิงคโปร์ เนื่องจากจุฑาธิปไม่ได้รายงานตัวเข้า แคมป์ฝึกซ้อมนั้น ล่าสุด จุฑาธิป กล่าวว่า การถูก ตัดชื่อออกครั้งนี้ไม่รู้สึกอะไรเพราะตอนนี้ตัดสินใจ เลิกเล่นทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการแล้ว
จุฑาธิป ให้เหตุผลว่า ไม่ใช่ไม่รักชาติ ไทย แต่มีปัญหาเล็กน้อยซึ่งจะไม่ขอกล่าวถึงดี กว่า บอกได้แต่เพียงว่าไม่สบายใจที่จะต้องรับใช้ ทีมชาติไทยต่อไป หลังจากนี้จะมุ่งไปที่การทำา ธุรกิจส่วนตัวซึ่งไม่ขอเปิดเผยว่าทำาอะไร แต่ถึง อย่างไรขอยืนยันว่าได้ตัดสินใจดีแล้วที่จะเลิกปั่น จักรยานแข่งขันและหันมาปั่นเพื่อสุขภาพแทน ส่วนการรับใช้สโมสรต้นสังกัดหากเป็นรายการ แข่งขันของสมาคมจะไม่ลงแข่งขันแน่นอน.