สิ่งใดไม่ชอบต้องปฏิรูป
ท่ามกลางกระแสความรู้สึกที่หลากหลายต่อบท
บาทการแสวงหาแนวทางปกป้องกิจการพระพุทธศาสนา ที่สุดก็ต้อง ยอมล่าถอย โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการปฏิรูป แนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภา ปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แถลงว่า ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง สำานักงานพระพุทธศาสนา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ฟอกเงิน(ปปง.) ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญทางด้านศาสนา เข้าชี้แจงและ ศึกษาปัญหาจนเสร็จสิ้นแล้ว ถือว่าภารกิจบรรลุเป้าหมาย ทำาให้ พุทธศาสนิกชนและพุทธบริษัทตื่นตัว มีส่วนร่วมในการออกมาปก ป้องพระพุทธศาสนาแล้ว ถือว่าได้ผลเกินความคาดหมาย คณะกรรม การทำาหน้าที่สมบูรณ์แล้ว จะเน้นไปที่การบังคับใช้กฎหมายและปรับ ปรุงกฎหมายให้ถูกต้องมากขึ้น
นายไพบูลย์ ระบุด้วยว่า
ถือว่าปิดจ๊อบ หรือจบ
ภารกิจแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมามีแรงทักท้วงมาก แม้ประธาน สนช. จะให้เดินหน้าต่อ แต่คณะกรรมการเห็นว่า เมื่อทำางานบรรลุเป้าหมาย ก็ไม่ควรเดินหน้าต่อ โดยจะสนับสนุนทำาหน้าที่ติดตามตรวจสอบต่อ ไป ในรูปแบบเครือข่ายในฐานะกรรมาธิการ และ สปช. ทำาหน้าที่ ของฆราวาส ส่วนเรื่องสงฆ์ก็ให้สงฆ์ว่ากันไปทั้งจะยังติดตามกรณี ยักยอกเงินสหกรณ์แห่งหนึ่งที่กระทบถึงวัดบางแห่งด้วย อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ สมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) เรียก ร้องให้ยุบคณะกรรมการปฏิรูปฯ พระพุทธศาสนา มิฉะนั้นจะนิมนต์ พระสงฆ์และฆราวาสร่วมชุมนุมในวันที่12 มี.ค. ทำาให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องกราบนมัสการไม่ให้มีการเคลื่อนไหว ดังกล่าว
การจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตร
การปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ของ สปช. นั้น ทราบกัน ดีว่ามีปัญหาเกิดขึ้นกับกิจการที่เกี่ยวข้องวงการพระพุทธศาสนา ที่ สปช. เห็นว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องศึกษาหาทางปฏิรูป สอดคล้องกับ ความรู้สึกของประชาชน ดังที่นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร ศาสตร์ สำารวจความคิดเห็นประชาชนพบว่า ร้อยละ 52.60 เห็นว่า การปฏิรูปพุทธศาสนาทั้งระบบต้องทำาอย่างเร่งด่วน มีเพียงร้อยละ 19.30 ที่เห็นว่าไม่จำาเป็น
การปฏิรูปที่ดำาเนินการโดยคณะ สปช.
ซึ่งเกิดขึ้น
โดยอาศัยอำานาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือเป็น โอกาสสำาคัญ เพราะในยามปกติที่การดำาเนินการต่าง ๆ อยู่ในระบบ พรรคการเมืองที่ต้องระวังกระทบต่อฐานเสียง จึงแก้ปัญหาได้ยาก เมื่อ มีการยึดอำานาจ แม้ไม่เป็นที่ยอมรับในบางด้าน แต่ก็มีจุดเด่นที่จะใช้ ช่วงเวลานี้เพื่อจัดการแก้ไขปัญหาที่เรื้อรัง ค้างคาให้ทุเลาเบาบางลง ดังนี้ ในสิ่งที่จะเข้าสู่กระบวนการปฏิรูป ถึงจะไม่ถูกใจบางฝ่าย ต้อง ฝ่าทลายกระแสต่อต้าน แต่ สปช. ก็ต้องเดินหน้าต่อไป อย่างน้อยก็ อย่าให้สิ่งไม่ถูกต้องมีอิทธิพลเหนือความดีงามของบ้านเมือง.