…ประชาชนเลือกเขามา
…ดูจะได้รับก้อนอิฐมากกว่าดอกไม้ ส�าหรับแนวคิดเรื่องการจัดเก็บภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้าง หรือที่ชาวบ้านเรียกกันสั้น ๆ แต่ บาดหัวใจเหลือเกินว่า “ภาษีบ้าน” เป้าหมาย จะเพื่อลดความเหลื่อมล้�า หาเงินเข้ารัฐหรือ อะไรก็แล้วแต่
คุณสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ยืนยันจะ เสนอร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ วิจารณ์กันให้แซดเข้าสู่การพิจารณาของคณะ รัฐมนตรี ในเดือน มี.ค. นี้ ก่อนจะเข้าสู่ที่ประชุม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณาและลงประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา มีผลบังคับใช้ในอีก 1-2 ปี ก่อนบังคับใช้ก็จะประเมินที่ดินรายแปลงของ กรมธนารักษ์กันใหม่ คาดว่าจะทา�ให้รัฐมีรายได้ ราว 2 แสนล้านบาทต่อปี จากปัจจุบันเก็บภาษี โรงเรือนได้แค่ 2.5 หมื่นล้านบาท
สา�หรับอัตราการจัดเก็บภาษีที่จะประกาศ ออกมา จะเป็นอัตราที่ตา่�กว่าเพดานที่กฎหมาย ก�าหนด โดยที่ดินเพื่อการเกษตรเก็บที่ร้อยละ 0.05, บ้านที่อยู่อาศัยอยู่เก็บที่ร้อยละ 0.1 และ ที่ดินเชิงพาณิชย์และรกร้างว่างเปล่าเก็บที่ร้อย ละ 0.2 จากอัตราเพดานตามกฎหมายกา�หนดให้ ที่ดินที่ใช้เพื่อเกษตรกรรม เก็บในอัตราสูงสุดไม่ เกินร้อยละ 0.25 ของมูลค่าราคาประเมินหักค่า เสื่อม, ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อการอยู่อาศัย จัดเก็บสูงสุดไม่เกินร้อยละ 0.5 และที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างอื่นนอกจากนี้ เช่น ที่ดินเพื่อใช้ใน เชิงพาณิชย์ และที่ดินรกร้างว่างเปล่าไม่ได้ใช้ ประโยชน์ตามควร จัดเก็บในอัตราร้อยละ 2
หลังวิจารณ์กันอื้ออึง กระทรวงการคลัง ก็บอกว่าจะทบทวนอัตราการลดหย่อนภาษีใหม่ จากเดิมจะยกเว้นภาษีให้กับที่ดินและบ้าน ที่ราคา ประเมินไม่เกิน 1 ล้านบาท อาจปรับใหม่เป็น 1.5 ล้านบาท ส่วนบ้านราคาเกินกว่า 1.5 ล้านบาทลด หย่อนได้ร้อยละ 50 ของภาระภาษีที่ต้องจ่าย บ้าน ที่จากเดิมกา�หนดไว้ 3 ล้านบาท ลดหย่อนได้ร้อย ละ 50 ก็จะขยายเป็น 4-5 ล้านบาท แถมการลด หย่อนที่ร้อยละ 50 นั้นเดิมกา�หนดใช้เฉพาะปีแรก ที่จัดเก็บภาษี แต่แนวคิดใหม่นี้จะให้ลดหย่อนถาวร เพื่อช่วยเหลือคนที่มีบ้าน
ส่วนอัตราเชิงพาณิชย์ ที่จะประกาศใช้ ในอัตราร้อยละ 0.2 คุณสมหมายมองว่า จะไม่ เป็นภาระให้กับภาคธุรกิจ เช่น ธุรกิจโรงแรม มากไปกว่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน ที่ปัจจุบันจัด เก็บในอัตรา ร้อยละ 12.5 ของรายได้จากค่าเช่า เพราะภาคธุรกิจ ที่จ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ไปแล้ว สามารถนา�รายจ่ายภาษีนี้ ไปหักออกจาก รายได้ ก่อนคา�นวณภาษีได้ด้วย
ขออนุญาตแปลง่าย ๆ เอาเฉพาะคนที่ มีบ้านมีคอนโดฯ ละกัน คือใครมีบ้านมีคอนโดฯ ราคาไม่ถึง 1.5 ล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษี ใครที่มี ราคา 1.5-5 ล้านบาท ต้องจ่าย 750-2,500 บาท ส่วนใครมีราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป 5 ล้านแรกจ่าย 2,500 ส่วนที่เกินกี่ล้านก็ตาม จ่ายล้านละ1,000 ถ้า มีบ้านราคา 10 ล้านบาท ก็จ่าย 2,500 บวก 5,000 เบ็ดเสร็จต้องจ่ายภาษี 7,500 บาทต่อปี
นี่กระทรวงการคลังใจดีลดให้แล้วนะเนี่ย ปกติตั้งใจจะเก็บภาษีบ้านราคา1 ล้านบาทขึ้นไป นี่ปรับใหม่เก็บที่1.5 ล้านบาทขึ้นไป แล้วที่ตั้งใจ จะลดหย่อนให้แค่ปีแรก ปีต่อ ๆ ไปเก็บเต็ม ๆ ก็ อุตส่าห์ปรับให้ลดหย่อนเลยตลอดชีพ
“คนเถรตรง” บอกตรง ๆ ไม่รู้จะซาบซึ้ง หรือเศร้าใจดี เพราะไม่มีปัญญาซื้อบ้าน ปัจจุบัน ยังต้องอาศัยบ้านพ่อบ้านแม่ซุกหัวนอนอยู่เลย จะบังคับให้เข้าใจก็ต้องเข้าใจล่ะครับว่า รัฐบาล เขาเอาภาษีเราไปพัฒนาประเทศ ไปท�าถนน ไปทา�สะพาน ไปทา�อะไรที่เป็นประโยชน์ แต่ ขอโทษจะบังคับให้เห็นด้วย ทา�ใจไม่ได้จริง ๆ
คนมีบ้านมีคอนโดฯ จากปกติต้องจ่าย ค่ายาม ค่าส่วนกลาง ค่าจอดรถ และอีกสารพัด ต้องจ่ายเพิ่ม, คนที่อยู่ตึกแถวในกรุงเทพฯ หรือ ต่างจังหวัดราคาเข้าหลักเกณฑ์ก็ต้องจ่าย,ต “ผู้ เช่า” ยิ่งอ่วม เช่าบ้าน คอนโดฯ อพาร์ตเมนต์ หอพัก เช่าที่ค้าขายในห้างหรือศูนย์การค้า มี หวังถูกผลักภาระต้องจ่ายค่าเช่าเพิ่ม, โรงแรม ก็คงขึ้นราคาค่าห้องพัก โรงงานทุกแห่งถูกขึ้น ภาษีโรงเรือนในตัวโรงงานและเครื่องจักร ก็ ต้องผลักภาระภาษีไปสู่ลูกค้า ราคาสินค้าจะสูง ขึ ขึ้น ชาวบ้านก็เดือดร้อนอีก
อย่างที่คุณพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต รมช.คลัง เตือนล่ะครับว่า มันเดือดร้อนไปทุก หย่อมหญ้า ผลักภาระภาษีไปให้ประชาชนทุก ระดับชั้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะ ชนชั้นกลาง
“คนเถรตรง” แนะว่าหาเงินวิธีอื่นดีกว่า ไหม แล้วที่ว่ากันว่านักการเมืองเขาไม่ทา� ไม่ ยอมทา� ไม่กล้าทา�เพราะกลัวเสียฐานเสียง กลัว ไม่ได้กลับมาเป็น ส.ส. เป็นรัฐมนตรี เป็นรัฐบาล อีกน่ะ คิดลบไปรึเปล่า “คนเถรตรง” กลับมอง ว่าพวกเขาเข้าใจมากกว่า ว่าอะไรคือความ เดือดร้อนของประชาชน เพราะพวกเขามาจาก ประชาชน ประชาชนเลือกเขามา?!.