สิ่งที่น่าจับตา‘การปฏิรูปไม่เหมือนเดิม’
ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นมา มีการวิพากษ์ วิจารณ์เรื่องรัฐธรรมนูญอย่างหลากหลาย
นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. ให้เวลาในการถกรัฐธรรมนูญตั้งแต่20-26 เม.ย. 7 วันเต็มเพื่อให้อภิปรายกันอย่างละเอียดรอบ คอบ ซึ่งก็พอจะรู้กันว่า
ที่แน่นอนว่า หลาย ฝ่ายไม่อยากให้ถอยหลังเข้าคลอง
การเรียกร้องนายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้งเป็นเหตุการณ์ที่ เคยเกิดขึ้นในช่วงพฤษภาทมิฬมาแล้ว จนเราได้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ที่ กา�หนดให้นายกฯ มาจากการเลือกตั้ง และรัฐธรรมนูญ 2550 ก็กา�หนดไว้ เช่นกัน เมือง แต่ยังไม่ชัดเจนเรื่องขอบเขตการทา�งาน
การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ทา�ได้ยาก เพราะ มีด่านสา�คญัคือเมื่อแก้ไขแล้วต้องผ่านด่านศาล รัฐธรรมนูญอีกครั้งหนึ่ง ประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ กลายเป็นสิ่งที่ฝ่ายการเมืองออกมาแสดงความ เห็น อาทิ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกน นา�พรรคเพื่อไทย ระบุถึง
ทา�ให้ นายภูมิธรรม เวชชยชัย เลขาธิการ พรรคเพื่อไทย ต้องออกโรงเบรกว่า
หรือไม่ เพราะ รัฐธรรมนูญก็ยังไม่ชัดเจน บางประเด็นก็เป็นแค่ การ “โยนหินถามทาง” ส่วนด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กลับมีท่าทีไม่สนใจ
แถมยังบอกว่า ถ้าเถียงกันมาก ๆ อาจต้อง ล้มกระบวนการทั้งหมดแล้วเริ่มใหม่ ซึ่งทา�ให้เสีย เวลาเสียสมอง วันนี้ร่างรัฐธรรมนูญยังไม่เสร็จก็ทะเลาะกัน เพราะทุกคน ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง การปฏิรูปต้องไม่เหมือนเดิมบ้าง ซึ่งจะไม่ยอมให้ การปฏิรูปเสียเปล่า..แค่นี้ก็เห็นท่าทีของนายกรัฐมนตรีว่า พร้อมเดินหน้า โดยไม่สนเสียงฝ่ายการเมือง
สิ่งที่น่าสนใจคือ คา�พดูของนายกฯ ที่ว่า “การปฏิรูปต้องไม่เหมือน เดิมบ้าง” ว่าจะหมายถึงการ “ยอมรับในสาระสา�คญั” ของเนื้อหาที่ออก มาก่อนหน้านี้หรือไม่ ก็ทา�ให้ต้องจับตาดูกันในช่วงเดือน เม.ย. นี้ เมื่อ รัฐธรรมนูญเข้าสู่แม่น้า� 5 สาย ว่า หรือ มี “สัญญาณ” ไปยัง สปช. อย่างไร ส่วนฝ่ายการเมือง ยังพอเชื่อได้ว่า เมื่อถึงเวลา
หรืออาจเว้นวรรคเพียงไม่กี่คน ประเด็นเรื่องสัญญาณเว้นวรรคยังไม่เข้มข้นในเวลานี้.