แนะเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด รวมกลุ่มต่อรองราคา
นายคมสัน จา�รูญพงษ์ รองเลขาธิการ ส�านักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผล วิเคราะห์ข้อมูลด้านอุปสงค์และอุปทาน ของ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่น 1 ปี 2559 ของจังหวัด ชัยภูมิ โดยสา�นกังานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5 จังหวัดนครราชสีมา (สศท.5)
พบว่าด้านอุปทาน สต๊อกต้นปีของ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่น 1 มีประมาณ 1,000 ตัน ซึ่งในปี 2559 คาดว่า จะมีผลผลิตภายในจังหวัด 58,752.51 ตัน และมีการนำาเข้าผลผลิตจาก จังหวัดใกล้เคียง 6,528.06 ตัน รวมผลผลิต 66,280.57 ตัน ซึ่งช่วงระยะที่มีผลผลิตออกสู่ ตลาดมากสุด คือ พฤศจิกายน-ธันวาคม 2559
ด้านอุปสงค์ คาดว่า จากผลผลิตมี ประมาณ 66,280.57 ตัน จะมีการส่งออกผลผลิต ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไปยังแหล่งรับซื้อรวมถึงโรงงาน อาหารสัตว์ และโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปเพื่อ การบริโภค 64,193.26 ตัน และเป็นส่วนผสมใน อาหารสัตว์แก่เกษตรกรรายย่อยและกลุ่มผู้เลี้ยง ปศุสัตว์ (โคนม ไก่พื้นเมือง และไก่ชน) เพื่อใช้ใน จังหวัด จำานวน 1,958.40 ตัน โดยแหล่งรับซื้อ ภายในจังหวัดชัยภูมิยังคงมีการชะลอการขายเพื่อ เก็งราคา (สต๊อกปลายปี) ซึ่งมีความต้องการอยู่ที่ ประมาณ 128.91 ตัน
ส่วนช่องทางการส่งออกผลผลิตข้าวโพด เลี้ยงสัตว์ ของจังหวัดชัยภูมิ มี 3 ช่องทาง ได้แก่ ช่องทางที่ 1 เกษตรกรนำาผลผลิตไปขายให้กับ พ่อค้ารวบรวมในท้องถิ่น (ลานรับซื้อ) คิดเป็นร้อย ละ 50 ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด ช่องทางที่ 2 เกษตรกรนำาผลผลิตไปขายให้กับสหกรณ์ การเกษตร คิดเป็นร้อยละ 19 ของปริมาณผลผลิต ทั้งหมด และ ช่องทางที่ 3 เกษตรกรจะนำาไปขาย ให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ คิดเป็นร้อยละ 31 ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด
จากผลการศึกษาในเรื่องของการกำาหนด ราคาของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผู้ที่มีอำานาจในการ กำาหนดราคา คือ โรงงานอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และโรงงานแปรรูปเพื่อการบริโภค ซึ่งในประเทศ ไทยมีไม่กี่บริษัท ดังนั้น หากมีการรวม กลุ่ม ของเกษตรกรในรูปแบบของสหกรณ์ กลุ่ม เกษตรกร หรือพันธสัญญา ในการผลิตข้าว โพดเลี้ยงสัตว์ในปริมาณที่ตลาดต้องการ จะ สามารถสร้างอำานาจในการต่อรองกับผู้ประกอบ การได้
รวมถึงการแปรรูปเป็นอาหารสัตว์เพื่อ ใช้เองก็จะเป็นการช่วยลดต้นทุนในการเลี้ยง สัตว์ของเกษตรกร และเป็นการเพิ่มอุปสงค์ ภายในจังหวัดเพิ่มขึ้นซึ่งความต้องการรับซื้อ ผลผลิตก็จะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง.