‘เนื้องอก’ ทำาร้ายเขาไม่ได้
ผมมีหลักคิดประจำาใจอยู่ข้อหนึ่งที่มักใช้ เสมอ ไม่ว่าปลอบใจคนอื่นหรือปลอบใจตัวเอง เมื่อถึงเวลาที่ต้องเผชิญกับความยากลำาบาก
นั่นคือ “ถ้าเจอปัญหาหรืออุปสรรคที่ บางครั้งแสนสาหัสจนไม่รู้จะผ่านไปได้อย่างไร แต่ที่จริงแล้ว มันอาจจะมีคนอื่นที่อาจเจอเรื่อง เลวร้ายเสียยิ่งกว่าเรา และที่สำาคัญหากเขาผ่าน อุปสรรคนั้นไปได้ เราเองก็ต้องผ่านไปให้ได้เช่นกัน
“หลู่ เหว่ย ฉี” โปรกอล์ฟชาวไต้หวัน คืออีกหนึ่งคนพิเศษที่เราสมควรยกย่องและ เรียนรู้บทเรียนจากเขา
เหว่ย ฉี เริ่มเทิร์นโปรเล่นกอล์ฟอาชีพ เมื่อปี ค.ศ. 2003 หรือตอนอายุ 24 ปี ประเดิม คว้าแชมป์ เมอร์คิวรีส์ ไต้หวัน มาสเตอร์ส เป็น แชมป์ระดับเอเชี่ยนทัวร์ รายการแรกในชีวิต เมื่อ ปี ค.ศ. 2005 จากนั้นทิ้งช่วง 6 ปีกว่าจะได้แชมป์ ที่ 2 ในศึกเหยียงเต๋อ ทัวร์นาเมนต์ เพลเยอร์ แชมเปี้ยนชิพ และเบิ้ลแชมป์เมอร์คิวรีส์ฯ เป็น ครั้งที่ 2 ของตัวเองในปีเดียวกัน
แค่ปี ค.ศ. 2011 เพียงปีเดียว เขาทำา เงินรางวัลจากการแข่งขันไปเกือบ 10 ยังไม่รวมเงินจากผู้สนับสนุนต่าง ๆ
ทุกอย่างดูสดใส กระทั่งฝันร้ายมาเยือน เมื่อเขาถูกตรวจพบ “เนื้่องอกในสมอง”
ไม่ว่าใครเจอเรื่องแบบนี้ก็ย่อมต้องรู้สึก ช็อกกลัวตายกันทั้งนั้น เหว่ย ฉี ตัดสินใจเข้ารับ การผ่าตัด เมื่อกลางปี ค.ศ. 2012 ล้านบาท
การผ่าเอาเนื้องอกออกประสบความ สำาเร็จ แต่เขาก็ใช้เวลาพักฟื้่นอยู่นาน กว่าจะกลับ มาลงแข่งได้อีกครั้งก็ปาเข้าไปช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ของปี ค.ศ. 2013
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เหว่ย ฉี ได้ สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน ด้วยการคว้าแชมป์ เมอร์คิวรีส์ฯ เป็นครั้งที่ 3 ของตัวเอง แต่เป็น แชมป์แรกในรอบ 4 ปี นับแต่ผ่าตัดเนื้องอก
“มันมีความหมายมากสำาหรับผม หลัง ผ่าตัด ผมเคยคิดว่าคงเล่นกอล์ฟไม่ได้อีกแล้ว แต่ การคว้าแชมป์นี้มันสุดวิเศษ คุณนึกออกมั้ยว่า ตอนเพิ่งผ่าตัดเสร็จ ผมถูกห้ามแม้กระทั่งจาม ผมจึงต้องเริ่มทุกอย่างช้าๆ ผมหวดบอลสัก 100 ลูก แล้วก็เป็นลมหมดสติไปเลย”
“ผมเคยคิดว่าคงต้องเลิกเล่นกอล์ฟ แต่ ครอบครัวช่วยผลักดัน ภรรยา พ่อ แม่ ทุกคน ช่วยกันผลักดันผม ทำาให้มีแรงใจสู้ต่อ ผมมาถึง ตรงนี้ในวันนี้ได้ก็เพราะพวกเขา ของพวกเขาทั้งหมด”
สำาหรับใครที่กำาลังมีปัญหา สำาหรับใคร ที่กำาลังป่วย และสำาหรับใครที่กำาลังทุกข์ทรมาน ไม่ว่าจะด้วยปัญหาใดก็ตาม นี่เป็นชัยชนะ