รับมือขาดแคลนน้ำาภาคตะวันออก
เมื่อวันที่ 11 ต.ค. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายเกิดชัย ธัญวัฒนกุล ผู้ อา�นวยการสา�นกังานชลประทานที่9 กรมชลประทาน นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อา�นวย การใหญ่ บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน ้�า ภาคตะวันออกจ �ากัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ นายธีระศักดิ์ ผดุงตันตระกูล รองประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันน้�าเพื่อความ ยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมเเห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการ จังหวัดระยอง ร่วมประชุมเพื่อหารือแผนการบริหารจัดการนา้�ในปี 60 เตรียมพร้อมป้องกันการ ขาดแคลนน า้� ในพื้นที่ภาคตะวันออกอย่างบูรณาการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้นา้�ทั้งภาค อุตสาหกรรมและอุปโภคบริโภค โดยนายเกิดชัย เปิดเผยว่า สภาพปริมาณน้�า ในอ่างเก็บน้�า ขนาดใหญ่และขนาดกลาง เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ในเขตส า�นักงานชลประทานที่ 9 มีอ่างเก็บนา้� ขนาดใหญ่ 6 แห่ง ปริมาณนา้�ในอ่างเก็บนา้�ปัจจุบันรวม 773 ล้าน ลบ.ม. อ่างเก็บนา้�ขนาดกลาง 51 แห่ง ปริมาณนา้�ในอ่างเก็บนา้�ปัจจุบันรวม 393 ล้าน ลบ.ม. โดยอ่างเก็บนา้�ที่มีปริมาณนา้� มากที่สุดในปัจจุบัน คืออ่างเก็บนา้�ประแสร์ จ.ระยอง ที่ผ่านมาแหล่งนา้�ในภาคตะวันออกจะมี ปริมาณนา้�เกินร้อยละ 50 ในทุกอ่างเก็บนา้� แต่ในปีนี้ปริมาณฝนตกน้อยทา�ให้มีปริมาณนา้�ที่ไหล เข้าอ่างเก็บนา้�น้อย เจ้าหน้าที่ยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ปริมาณนา้�ไหลลงอ่างเก็บนา้�อย่าง ใกล้ชิดเนื่องจากในเดือนตุลาคมคาดว่าจะมีปริมาณฝนที่ตกเพิ่มขึ้นอีก
ด้านนายจิรายุทธ กล่าวว่า จังหวัดในภาคตะวันออกมีบทบาทสา�คัญต่อเศรษฐกิจของ ประเทศ มีปริมาณการใช้นา้�ค่อนข้างสูง จา�เป็นต้องวางแผนในการบริหารจัดการนา้�เพื่อรับมือ ปัญหาการขาดแคลนน้�าในอนาคตอย่างเป็นระบบซึ่ง อีสท์ วอเตอร์ ได้บริหารจัดการน้�าผ่าน โครงข่ายท่อส่งนา้�เชื่อมโยงแหล่งนา้�หลักเข้าด้วยกัน ทา�ให้การบริหารจัดการนา้�มีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้นสามารถผันนา้�ไปช่วยพื้นที่ ที่อ่างเก็บนา้�มีนา้�เหลือน้อยได้ ล่าสุดโครงการท่อส่งนา้�ดิบ เชื่อมโยงอ่างเก็บน้�าประแสร์และอ่างเก็บน้�าหนองปลาไหลเส้นที่ 2 แล้วเสร็จพร้อมส่งน้�าได้ ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการสูบจ่ายน า้� ประมาณ 0.26 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 70 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี เพื่อให้เป็นเครื่องมือสา�คัญในการช่วยลดปัญหาการ ขาดแคลนน ้�า ในพื้นที่ ช่วยลดปัญหาอุทกภัยที่บริเวณท้ายน้�าสร้างเสถียรภาพให้แหล่งน้�าภาค ตะวันออกมากขึ้น และเพิ่มพื้นที่ชลประทานตามแนวท่อน้�าได้ รวมทั้งสามารถส่งจ่ายน้�าให้ ชุมชนเพื่อการอุปโภคบริโภคตามแนวท่อได้อีกกว่า 2,200 ครัวเรือน และยังช่วยส่งเสริมภาค การเกษตรและภาคอุตสาหกรรมให้มีศักยภาพไปพร้อม ๆ กัน ทั้งนี้ต้องขอบคุณการไฟฟ้าส่วน ภูมิภาคที่ช่วยเร่งดา�เนินการส่งจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบส่งน้า�ของโครงการฯ ทา�ให้สามารถเดินหน้า ได้อย่างรวดเร็วเตรียมความพร้อมกรณีหากเกิดภัยแล้งขึ้น.