จุดแข็งที่แตกต่าง
การสร้างความเข้มแข็งจากภายใน มีการพูดถึง
อยู่บ่อยครั้ง รัฐบาลได้กา�หนดรูปธรรมแล้ว โดย พล.ท.สรรเสริญ แก้ว ก�าเนิด โฆษกประจ �าส�านักนายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลจะผลักดัน การขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ สร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจใน ประเทศ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้น�าการพัฒนาตามแนวทาง ประชารัฐ เป็นหัวหอกน�าทุกภาคส่วน สร้างศักยภาพในพื้นที่สร้าง จุดแข็งของตนเองสร้างจุดขายที่แตกต่าง เพื่อยกระดับการผลิต และคุณภาพสินค้าตั้งแต่ชุมชน สนับสนุน รัฐบาลจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อ
โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า ผู้ว่าฯคือตัวแทนรัฐบาลใน
พื้นที่ จึงต้องใช้ศักยภาพที่มี เชื่อมโยงนโยบายรัฐบาลและการพัฒนา โดยสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพราะเรามีทรัพยากรอุดม สมบูรณ์ หากสร้างความเข้มแข็งภายใน ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง ไม่พึ่งพา การส่งออกอย่างเดียว ประเทศก็จะรอดพ้นความผันผวนจากเศรษฐกิจ ภายนอก โดยกา�หนดจะเริ่มเดือน ก.พ.ปี 2560 ทั้งนี้การเชื่อมโยงความ ร่วมมือของทุกฝ่ายเพื่อสร้างจุดแข็งหรือจุดขายในระดับจังหวัดที่แตก ต่าง แม้จะไม่ใช่ความคุ้นเคยของระบบราชการ ก็เชื่อว่าผู้ว่าฯจะสามารถ เชื่อมโยงให้เกิดขึ้นได้แน่นอน
นับเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการ
ราชการระดับภูมิภาค ที่ผ่านมา การริเริ่มโครงการขนาดใหญ่ โอกาส ที่หน่วยงานจะเสนอให้เกิดมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะก �า หนดจาก หน่วยงานระดับกระทรวง กรม ทิศทางการพัฒนา หรือการจัดการปัญหา จึงเป็นรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ อาทิ การฝึกอาชีพที่ชาวบ้าน ทุกต�าบลต้องทอผ้าเหมือนกันหมด ท �าขนมชนิดเดียวกัน เอามา ขายแข่งกันบนถนนคนเดินสายเดียวกัน ปลูกพืชอย่างเดียวกัน หรือเปิดพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเหมือนกัน โดยหาความแตกต่าง ไม่ได้
การที่รัฐบาลก�าหนดให้แต่ละพื้นที่สร้างจุดแข็ง
เป็นจุดขายของแต่ละพื้นที่จึงเป็นสิ่งที่ดี และรัฐบาลควรก �าหนด บทบาทของระดับนโยบาย พร้อมกับวางกฎให้ปฏิบัติตาม ไม่ด่วน ปฏิเสธค้านขวางแนวคิด ข้อเสนอที่เกิดจากแนวคิดร่วมกันระหว่าง ประชาชนและหน่วยงานรัฐระดับพื้นที่ นอกจากนี้ ควรส่งเสริมให้เกิด ระบบการลงทะเบียน การจัดการข้อมูลด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศที่มี ประสิทธิภาพ ตรวจสอบได้โดยง่าย เพื่อใช้ประโยชน์กับทุกกิจกรรม เช่น จัดการพื้นที่เพาะปลูก หรือการก า�หนดจ า�นวนนักท่องเที่ยว เพื่อ ทา�ให้การใช้จ่ายงบประมาณ การลงทุนต่าง ๆ ไม่สูญเปล่า หรือทุ่มงบ ประมาณลงไปโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์เลย.