‘เสธ.หิ-เสธ.แอ๊ป’เฮได้รับอภัยโทษ
เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 20 ธ.ค. ที่เรือนจำาพิเศษกรุงเทพฯ พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ และ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร หรือ เสธ.แอ๊ป ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำา หลังได้รับการอภัยโทษจาก พ.ร.ฎ.อภัยโทษ เนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติ วงศ์ โดยทั้งสองถูกคุมขังในคดีรื้อบาร์เบียร์ สืบเนื่องจากการมีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายร้อยคน พร้อมรถแบ๊กโฮบุกทำาลายบาร์เบียร์ย่านสุขุมวิท ซึ่งเป็นคดีเดียวกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ได้ รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำาไปเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา
สำาหรับ พ.ท.หิมาลัย และ พ.ต.ธัญเทพ ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำาคุกในข้อหาทำาให้เสีย ทรัพย์และใช้กำาลังประทุษร้ายตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค. 2559 โดยรับโทษจำาคุกเกือบ 1 ปี ก่อนได้ รับการพิจารณาเข้าหลักเกณฑ์การอภัยโทษดังกล่าว เนื่องจากมีคุณสมบัติเข้าตามหลักเกณฑ์ พ.ร.ฎ.อภัยโทษคือเป็นผู้ต้องขังชั้นดีขึ้นไปและไม่เป็นผู้ที่กระทำาผิดซ้ำา ไม่ใช่ผู้ต้องโทษคดีฆ่า ข่มขืนฉ้อโกงประชาชน หรือค้ายาเสพติดโทษสูง โดยคาดว่าทั่วประเทศมีผู้ต้องโทษที่เข้าข่าย ได้รับอภัยโทษปล่อยตัวประมาณ 30,000 คน ทั้งนี้ในการปล่อยตัว พ.ท.หิมาลัย และ พ.ต.ธัญ เทพ พบว่ามีญาตินำาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนก่อนเดินทางกลับออกจากเรือนจำา. มาศาลจังหวัดเพชรบุรีนัดพิจารณาคดีฆ่าผู้อื่น กะลาและนายโย่งสอดคล้องกัน นอกจากนี้ผล แต่ พ.ต.อ. นพ.สุพัฒน์ไม่ได้มาศาลทั้งยังไม่ได้ การตรวจสอบนิติวิทยาศาสตร์พบว่ากะโหลกที่ ให้ตัวแทนมาแสดงเหตุผลต่อศาลว่าผิดนัดด้วย ขุดพบในจุดที่นายกะลาชี้ว่าฝังศพนายอีต้ามี เหตุใดศาลจึงออกหมายจับและให้ยึดหลัก รอยกระสุนปืนและพบเศษชิ้นส่วนกระสุนปืน ทรัพย์ประกันขอปล่อยตัวชั่วคราว 3 ล้านบาท เมื่อนำากะโหลกไปตรวจสอบดีเอ็นเอเทียบกับ และอ่านคำาพิพากษาลับหลังจำาเลยซึ่งศาล บิดาและลูกชายนายอีต้าพบว่าตรงกันจึงยืนยัน พิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งของโจทก์และ ว่าเป็นกะโหลกของนายอีต้าที่ถูกฆาตกรรมโดย จำาเลยรวมทั้งพยานคือนายสรพงษ์หรือกะลา การยิงที่ศีรษะตรงกับคำาให้การนายกะลา และนายโย่ง ชาว เมียนมา คนงานในไร่ ศาลจึงพิพากษาประหารชีวิต พ.ต.อ. พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ให้การตรงกันว่าเหตุการณ์ นพ.สุพัฒน์ และบุตรชาย ในข้อหาร่วมกันฆ่า ฆาตกรรมนายอีต้าเกิดเมื่อ ประมาณเดือน ก.พ. แรงงานชาวเมียนมาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วม 2547 เนื่องจาก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่พอใจ กันฝัง ปิดบัง ซ่อนเร้นศพเพื่อปิดบังการตาย หรือ ที่นายอีต้าสนิทสนมกันนางวิลสา จันทรบัญชร เหตุแห่งการตายและการกระทำาใด ๆ แก่ศพก่อน ภรรยาคนที่ 3 ของตัวเองจึงให้นายกะลาจับกุม มีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำาพรางคดี นายอีต้าไปไว้ในไร่ แล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงก่อน ส่วนบุตรชายที่ร่วมก่อคดี ขณะเกิดเหตุ ขุดหลุมฝังโดยมีนายเอกร่วมอยู่ในเหตุการณ์ อายุ 19 ปีเศษ ยังไม่บรรลุนิติภาวะศาลลดโทษ ส่วนนายโย่งหลบหนีมาได้ ให้กึ่งหนึ่ง พิพากษาลงโทษจำาคุก 25 ปี 3 เดือน
ทั้งนี้ศาลพิจารณาว่าคำาให้การของนาย ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานพินิจ.
จากกรณีเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดมีนบุรีมีคำาพิพากษาในคดีร่วมกันฆ่า นายจักรกฤษณ์ หรือเอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย จ้างวานใช้ ยุยง ส่งเสริมให้ฆ่า มีและพกพาอาวุธปืน ยิงปืนใน ที่ทางสาธารณะ โดยมีคำาสั่งให้ประหารชีวิต พญ.นิธิวดี หรือหมอนิ่ม ภู่เจริญยศ อายุ 40 ปี อดีตภรรยา นายจักรกฤษณ์ และนายสันติ หรือ อี๊ด ทองเสม อายุ 30 ปี ทนายความ ผู้จ้างวาน และติดต่อหามือปืน ส่วน นายจิรศักดิ์ หรือจี กลิ่นคล้าย อายุ 35 ปี มือปืน นายธวัชชัย หรือ อ้น เพชรโชติ อายุ 35 ปี คนขี่รถ จยย.จำาคุก ตลอดชีวิต ขณะที่ น.ส.สุรางค์ ดวงจินดา อายุ 74 ปี มารดา พญ.นิธิวดี ยกฟ้อง พร้อมกับสั่ง ให้ร่วมกันชดใช้เงิน 2.5 ล้านบาทให้กับมารดา นายจักรกฤษณ์ โดย พญ.นิธิวดี ได้ใช้เงินสด และหลักทรัพย์รวม 2.5 ล้านบาท ยื่นขอ ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี ซึ่งศาลอุทธรณ์ จะใช้เวลาพิจารณา 2-3 วัน ระหว่างนี้ พญ.นิธิ วดี จึงถูกควบคุมตัวเข้าเรือนจำาพิเศษมีนบุรี ตามที่เสนอข่าวไปให้ทราบนั้น
ต่อมา เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 20 ธ.ค. นายชำานาญ ชาดิษฐ์ ทนายความของ พญ. นิธิวดี หรือ หมอนิ่ม ภู่เจริญยศ เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการยื่นประกันตัวว่า ตนได้เดิน ทางมาฟังคำาสั่งศาลอุทธรณ์แล้ว ศาลมีคำาสั่ง อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว พญ.นิธิวดี จำาเลย แล้ว โดยตีราคาประกัน 1 ล้านบาท พร้อม กำาหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ โดยขณะนี้ศาลจังหวัดมีนบุรี กำาลังออกหมาย ปล่อยตัวจำาเลย ซึ่งจะส่งไปยังเรือนจำาพิเศษ มีนบุรีในทันที ส่วนเรือนจำาจะปล่อยตัวเวลาใด ยังไม่ทราบ ซึ่งก่อนหน้านั้นเมื่อตอนเที่ยงวัน เดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ย้ายหมอนิ่ม ไปควบคุมตัวที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ถนน งามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ จึงต้องนำาหมายปล่อยตัวหมอนิ่มไป ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฟังคำาสั่งปล่อย ตัวชั่วคราวของศาลอุทธรณ์นี้น้องสาวของ พญ. นิธิวดี ก็ได้เดินทางมาฟังคำาสั่ง ซึ่งศาลเห็นว่า จำาเลยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีหน้าที่การงาน อีกทั้งจำาเลยไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนี ชั้นนี้จึง อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำาเลยระหว่าง อุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกัน1 ล้านบาท พร้อม กำาหนดเงื่อนไข ห้ามจำาเลยเดินทางออกนอก ราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล