Daily News Thailand

ที่สอนเรามั้ย?

-

“คือเราเข้าวงการในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่มีพื้นฐานเลย ดังนั้นคง เป็นเรื่องการปรับตัวเข้าสังคม เราเป็นคนสาธารณะ­แต่ก็ไม่รู้ต้องทำ�อะไร ยังไง รวมถึงเรื่องที่คนจับตามองมากที่สุดนั่นคือเรื่องความรัก เรื่องส่วน ตวั แตเ่ราจะท�ำยงัไงใหม้นัไม่เกดิความเดอืดรอ้นทัง้กบัเราเองหรอือกีฝ่าย เราไม่สามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้คนเดียวทั้งหมด แต่สิ่งที่เราทำ�ได้คือต้อง รับมือและไปต่อกับมันให้ได้ โดยต้องเริ่มจากตัวเรา นี่เป็นสิ่งที่กรีนได้เรียน รู้ ถ้าย้อนไปเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว เรารู้สึกว่ามีอารมณ์เวลาโดนสัมภาษณ์แต่ ไม่ได้แสดงออก แต่เรารู้สึกแบบทำ�ไมไม่เข้าใจเรา ทำ�ไมมองแต่ในมุมตัว เอง แต่พอเราเริ่มโตขึ้น ย้อนกลับไปคิดถึงตรงนั้น ก็ทำ�ให้เรารู้สึกว่าเรา ก็มองแต่ในมุมเราเหมือนกัน เขาก็มองในมุมเขา นี่คือโลกใบนี้ เรารู้เลย ว่าสิ่งที่เราทำ�ได้คือต้องอยู่ตรงกลาง อยู่กับมันอย่างเข้าใจและปล่อยวาง อย่าทำ�ให้สภาพจิตใจตัวเองย่ำ�แย่เพราะความคิดที่ว่าทำ�ไมไม่มองมุมเรา ซึ่งเราเห็นแก่ตัวที่มองแต่มุมเราเหมือนกัน ที่กรีนคิดได้แบบนี้มาจากที่ กรีนได้อ่านหนังสือจิตวิทยา ปรัชญา รวมถึงหนังสือแนวธุรกิจ ที่มีเรื่อง จติเข้ามาเกีย่วขอ้ง พวกนีม้นัสอดแทรกกนัอยู่ หนงัสอืเหล่ามแีกนทีค่ล้าย กัน นั่นคือหลักการใช้ชีวิต เราเลยได้ยกระดับความคิด สิ่งเหล่านี้ทำ�ให้ กรีนเย็นลง พอเรามีแนวทางตรงนี้และไปปฏิบัติธรรม มันคือแนวเดียวกัน นั่นคือสมาธิ สติต้องไปด้วยกัน และทำ�ให้เราเกิดปัญญา สามารถแก้ไข ทุกปัญหาได้ ณ วันนี้ถ้าใครมาวิจารณ์กรีนรับฟังได้ แต่ไม่โกรธ มันเป็น ข้อคิดเห็น เราห้ามไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก่อนเราอารมณ์ร้อนมากแต่เดี๋ยวนี้ คือพลิกจริง ๆ จากการที่เราได้อ่านหนังสือ เราโตขึ้นด้วยประสบการ­ณ์ สิ่งผิดพลาดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาทำ�ให้เราได้เรียนรู้มาก แต่ดีแล้วที่ผิดพลาด เพราะถ้าไม่ผิดพลาดเลยเร­าจะไม่ได้เรียนรู้ แทนที่เราอยากย้อนเวลากลับ ไปได้ แต่ไม่นะ กรีนรู้สึกว่าอยู่กับปัจจุบันและต้องขอบคุณอดีตที่ทำ�ให้เรา ไดเ้รยีนรูม้ากกว่า ทีท่�ำใหเ้รามวีนันี้ พอเรามวีนันีน้น่ัหมายความว่าอนาคต เราไม่ทำ�ผดิซ้ำ�ทเดิี่มแน่นอนค่ะ”

Newspapers in Thai

Newspapers from Thailand