Daily News Thailand

ลิตเติ้ล เคท

-

ลง รียกว่าเป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ สำ�หรับ ภาพยนตร์โรแมนติกทริลเลอร์จากค่าย

และ ที่มีคิวเข้าฉายวันที่ 14 มี.ค.นี้ กำ�กบัโดย ที่หยิบ ผีในตำ�นานที่อยู่คู่ความเชื่อคนไทยมาช้านาน มาตีความในแบบ ที่ยังไม่เคยมีใครทำ�มาก่อน พร้อมลุ้นไปกับรักต่างสายพันธุ์ระหว่างคนกับ อมนุษย์ โดยได้นางเอกน้องใหม่ มาถ่ายทอด บทบาทกระสือ ประกบ 2 หนุ่มฮอต และ วันนี้ ไม่รอช้า พาแฟน ๆ มาเปิดใจ หรือ สุดเอ็กซ์คลูซีฟถึงบทบาทที่ท้าทาย เรื่อง ราวสนุก ๆ ในกองถ่าย รวมถึงประสบการณ์ที่ได้รับจากการแสด­งครั้งนี้

“สายเป็นเด็กสาวชาวบ้านธรรมดา นิสัยร่าเริงสดใส และมี ฝันอยากทำ�อาชีพพยาบาล แต่พออายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ ก็ตื่นมา พร้อมกับคนในหมู่บ้านที่โวยวายเรื่องกระสือ ชีวิตเริ่มเกิดปัญหา เรื่อง เหล่านี้หล่อหลอมนิสัยให้ “สาย” กลายเป็นคนขี้กลัว แต่ตอนนั้นยัง ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นกระสือรึเปล่า ก็พยายามค้นหา ซึ่งกระสือเวอร์ชั่นนี้ มินตีความว่าเป็นโรคที่ติดต่อกันทางน้ำ�ลาย พอตกกลางคืนก็เหมือน มีอีกตัวตนขึ้นมา ถอดหัวกินของสด ทั้งที่เราไม่อยากเป็น ไม่ได้ตีความ ว่าเป็นผีอย่างที่คิดเลย คือ “แสงกระสือ” เล่าเรื่องไปอีกแบบนึง ของ เดิมเป็นสิ่งที่น่ากลัว ทำ�ร้ายคนอื่น แต่ในเรื่องคือเรื่องราวของคน­ที่ไม่ อยากเป็นและแค่กินของสดเฉย ๆ ไม่อยากทำ�ร้ายคนอื่นค่ะ”

“ต่นืเต้นนะ มินมีความฝันอยากเล่นหนังมานานแล้ว มินทำ� การบา้นทกุวนั เราเปน็ตวัเดนิเรอื่งดว้ย กอ็ยากทำ�ใหด้ทีสี่ดุ มนัเปน็ ประสบการณ์ใหม่ที่มินชอบมาก มินเคยเล่นมาทั้งโฆษณา เอ็มวี และ ละคร ซึ่งไม่เหมือนกันเลย อย่างในละครถ้าตัวละครคิดก็จะพูดออก มา แต่ภาพยนตร์จะพูดผ่านทางสายตา ถ้าเราไม่เชื่อ ไม่รู้สึกแบบ ตัวละคร คนที่เข้าไปดูเราก็จะไม่เชื่อเราด้วย เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก สนุกและทำ�ให้มินอัพฝีมือการแสดงไป­ได้หลายระดับเลย”

“ได้หลายด้าน แต่ด้านความเชื่อชัดที่สุด ค่ะถ้าเราเชื่อในสิ่งที่ตัวละครเป็น เอาเขามาใส่ใน เรา ทุกอย่างจะมาเองอัตโนมัติ ทั้งความรู้สึกผ่าน ทางสายตาที่สื่อสารได้โดยไม่ต้องพูด รวมไปถึง เรื่องการขยับร่างกายตอนถอ­ดหัว ตอนนั้นเราเล่น ให้พี่โดมดูหลายรอบ แต่พี่เขาบอกยังดูไม่เจ็บปวด มินเครียดมาก กลับบ้านไปร้องไห้เลย แต่พอตัดต่อ เสร็จ เห็นที่ตัวเองเล่นก็คิดว่า เออ! เราก็ทำ�ได้” “ยากตรงที่พอตัวละครนี้เจอปัญหาปุ๊บ ชีวิตดาวน์ จะมีตอนที่เราไม่ตั้งใจทำ�ให้ใครตาย ดังนั้นมันต้อง ถ่ายทอดความรู้สึกผิด ไม่อยากเป็นกระสือ เริ่ม เก็บกดขึ้นเรื่อย ๆ และที่ยากอีกอย่างคือการ ที่เราต้องมากินอะไรแปลก ๆ ในเรื่องเรา ต้องกินว่านกระสือ ที่เหมือนเป็นยาช่วยให้ ไม่กลายร่าง แล้วทีมงานเอากระ­ชายมา ย้อมเป็นสีเขียวให้เราเคี้ยว พอคัตเราก็ คายออก มินรู้เลยว่าสมุนไพรไทยนี่แสบ ร้อนมาก ขมคอไปทั้งวัน (หัวเราะ) ส่วนซีนที่ มินประทับใจเป็นซีนท่เีราด่มืนำ�้แล้ววางไว้และมี คนมาดืม่ตอ่ ซึง่กระสอืตดิเชือ้ทางนำ้�ลาย และเขากโ็ดน ล่าเพราะเรา มันเป็นความรู้สึกผิด เหมือนเราฆ่าเขากลาย ๆ ซีนนี้มินกลับบ้าน ไปฝึกคิดเล่นเช้าเย็น พอไปเล่นอารมณ์มันได้ เลยประทับใจตัวเองที่ทำ�ได้ค่ะ” “มินทำ�การบ้านหนักมากค่ะ เราต้องเน้นเรื่อง ร่างกายด้วย เวลาถอดหัวโพสซิชั่นร่างกายต้องเป็นยัง ไง ซีนถอดหัวเป็นลองเทค ตอนนั้นนอนเกร็งจนเป็น ตะคริวเลย (หัวเราะ) และมีอีกหลายซีนที่ยาก แต่ มันทำ�ให้เราได้ประสบการณ์มากขึ้น ทำ�ให้มินชอบ การถ่ายทำ�หนังไปเลย พอแสดงเรื่องนี้เสร็จมิน ตัดสินใจเลือกเรียนคณะดิจิทัล มีเดีย และศิลปะ ภาพยนตร์ ที่ ม.กรุงเทพ เราชอบวิธีการถ่ายทำ� ของหนัง เราไปเรียนเพราะอยา­กรู้ว่าเบื้องหลัง การถ่ายทำ�หนังเป็นยังไง อยากลองเขียนบท” “ตอนเดก็มนิกเ็ชอื่วา่กระสอืเปน็ผทีมี่หีวักบั ไส้ เป็นภาพฝังหัวคนไทย ตอนเด็กเคยถูกพี่ยามใน หมู่บ้านหลอกว่า ถ้าไม่รีบกลับบ้าน ตอนกลางคืน ผีกระสือจะมากินไส้ แต่พอได้มาเล่นเรื่องนี้ มุมมองกระสือ เปลยี่นไป คอืเขาไมไ่ดอ้ยากเปน็แบบนี้ แตอ่ยู่ ๆ กโ็ดน เลือก ติดโรคแบบนี้ขึ้นมา เราไม่ได้อยากเป็น มีคนอยากฆ่า เรา สำ�หรับหนูกระสือเวอร์ชั่นนี้น่าสงสารนะ เราเล่นแล้ว ยังสงสาร “สาย” มีช่วงนึงที่เราเล่นไปแล้วตัวละครเริ่มดาวน์ เพราะกดดัน ตอนที่โดนล่า พอกลับบ้านมาเราร้องไห้ ตัวละครเครียด แล้วเราดึงความเครียดนั้นมา ซึมไปอยู่พักนึงค่ะ” “หนเูปน็คนกลวัผี ตอนทไี่ปถา่ยทำ�จะมโีลเกชนั่ทเี่ปน็ปา่ชา้หลงัวดั เรา เดินพนมมือตลอดทาง บอกว่ามาถ่ายหนัง หนูไม่ลบหลู่นะคะ (ยิ้ม) หนูไม่เจอ อาถรรพณ์เลย ส่วนตัวมินเชื่อว่ามีกระสือจริง สมัยนี้ก็อาจยังมีอยู่ก็ได้ เพราะ เหมือนคนเป็นโรคที่รักษาไม่หายและเป็นความเชื่อที่อยู่กับคนไทยมานา­นค่ะ” “สอนหลายอย่างค่ะ มีเรื่องครอบครัว ในเรื่องคุณพ่อ “สาย” เป็น กำ�นันผู้ใหญ่บ้าน ที่ดูแลคนในหมู่บ้าน พอเราเป็นกระสือ ก็เป็นตัวปัญหา ตอนนั้นกระสือเป็นปัญหาที่ใหญ่หลวงมาก ต้องฆ่าทิ้ง เราเลยเลือกไม่บอก พ่อแต่มินรู้สึกว่าถ้าในเรื่องตัวละครนี้เลือกบอกพ่อ ปัญหาคงไม่เกิด พ่อคงช่วย และสอนเรื่องความสัมพันธ์ เรื่องเพื่อน ได้พิสูจน์มิตรภาพและคว­ามรักด้วย”

“มินได้อะไรจากพี่โดมเยอะมาก พี่โดมเป็นผู้กำ�กับที่เข้าใจนักแสดง ที่สุด เขาจะคอยบอ­กตลอด บางซีนที่ในบทให้เราจับมือปลอบเพื่อน แต่เรา รู้สึกว่ามันหนักขนาดนี้ เขาทำ�เพื่อเราได้ขนาดนี้ เราอยากกอด­ปลอบมากกว่า พี่โดมก็จะรับฟัง เราแชร์ไอเดียกันได้ ในเรื่องนี้ซีนอารมณ์เยอะ พอได้พี่โดม มาช่วยก็ดีขึ้นเยอะค่ะ มินโชคดีที่ได้เจอแต่คนน่ารักร่วมงานด้วย ประทับใจใน ทุกอย่าง ประทับใจพี่ทุกคนในกอง ทุกคนทุ่มเทหมด ตั้งใจทำ�เรื่องนี้มาก”

“พี่เกรทเป็นรุ่นพี่ที่ช่อง 7 เคยเรียนการแสดงม­าด้วยกัน เวลาคุยกันก็ เข้าใจกัน มีอะไรคอยแชร์กัน ส่วนพี่โอบตอนแรกคิดว่าเขาจะเงียบ ๆ แต่พอเปิด กองมา มินโดนพี่โอบต่อยแขน เล่นแรงเหมือนมินเป็นเด็กผู้ชาย แต่พี่โอบน่ารัก มาก เขารู้ว่าพอเราเล่นจะเครียด เวลาเข้าซีนด้วยกันก็ชอบแกล้งให้เราหลุด แต่ พอสั่งแอ๊คชั่นเล่นจริงเขาเล่นได้ไง แต่เราไม่ได้ (ยิ้ม) เขาพยายามช่วย เรามีซีน จูบกับพี่โอบ ซึ่งเป็นสิ่งใหม่สำ�หรับเรา ก็หลายเทค พี่โอบคอยช่วยบิลต์และทีมงาน มากระซิบว่า เดี๋ยวให้คุณพ่อไปรอตรงโน้นก่อน กลัวพ่อเห็นแล้วรู้สึกไม่ดี พอถ่าย เสร็จก็ถามว่าป๊าไปเดินเล่นที่ไหนมา ป๊าก็ตอบว่ากลับมาเห็นแกเล่นซีนจูบ หน้าแก ก็ตึง ๆ (หัวเราะ) บอกไม่ค่อยชอบ เป็นพ่อแล้วมาเห็นลูกสาว จูบ เราก็บอกว่าอย่ามองเป็นมินสิ ให้มองเป็นตัวละคร”

“มินคาดหวังว่าคนที่มาดูแล้วจะอินไปกับเรา สงสาร “สาย” และมองกระสือในมุมที่เปลี่ยนไป อยากให้มาลองดูเพราะมันเป็นการตีความ แบบที่ไม่น่ารังเกียจ มินไม่ได้คาดหวังเรื่องรายได้ ถ้าคนดูแล้วชอบใน อารมณ์ของเรื่อง ความอบอุ่น ส่วนตัวละครเราก็ต้องมาลุ้นกัน บอกหมด ไม่ได้ (ยิ้ม) แต่อยากให้ทุกคนชอบ อยากให้เห็นว่าหนังไทยดี ผีไทยสื่อออก มาได้ขนาดนี้ หนังไทยก็ทำ�แบบสไตล์ฮอลลีวูดได้ค่ะ”

“มินถ่ายละครเรื่อง “ปีศาจหรรษา” เป็นลูกคุณหนูคนเล็กในบ้าน เอาแต่ใจ กับละคร “มธุรสโลกันตร์” เป็น “พลอยนำ้�ค้าง” ผู้หญิงที่เก็บ ไปเลี้ยงในวัง ถ่อมตัวเรียบร้อย ส่วนหนังเรื่องใหม่ก็รอดูบทอยู่เพราะมิน ติดใจงานหนัง ส่วนเป้าหมายในวงก­าร คือมินอยากดูแลครอบครัวได้ มิน ชอบการแสดง­เพราะสนุก อยากเล่นบทที่ท้าทายที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่มิน อยากเลี้ยงน้องได้ แม่มินไม่อยู่แล้ว มินเป็นพี่คนโต ก็อยากช่วยคุณพ่อใน การดแูลครอบครวั เราไม่อยากขอเงนิคุณพ่อ อยากแบ่งเบาภาระทา่นค่ะ”

“เวลาเราคุยกับใครก็เปิดรูปให้ป๊าดูว่าคนน้ดีีม้ยัแล้วพามาเจอป๊า (ยิ้ม) แต่ตอนนี้ไม่มีเลย มินโฟกัสทุกอย่าง เรารักตัวเองและคนร­อบข้างมาก ที่สุด แล้วคนที่รักเราคงเข้ามาเอง ส่วนสเปกผู้ชาย มินขอคนที่ศีลเสมอกัน ดีกว่า ส่วนสไตล์ถ้าเลือกได้ชอบผู้ชายเข้ม ๆ สูงเกิน 180 ซม. และต้องรัก ครอบครัวเหมือนเรา ถ้ารักแค่เราแต่ไม่รักครอบครัวเรา มินก็ไม่เอา มินชอบ คนนอกวงการ­มากกว่า ถ้าเขาทำ�งานเหมือนเรา ต่างคนคงต่างไม่ว่าง แล้ว มินก็ขี้หึงและคิดมากด้วย ณ วันนี้มินเปิดใจ ยังรอคนที่ศีลเสมอกันค่ะ”

“ขอฝาก “แสงกระสือ” ในอ้อมอกอ้อมใจคนไทยด้วย เป็นตำ�นาน ผีไทยแนวใหม่ที่ไม่มีใครเคยเห็นและเป็นความรักที่สอนหลายอย่าง จะได้เห็น ภาพซีจีที่สวยงาม และมีเซอร์ไพร้ส์ในหนังด้วย บอกเลยว่าตื้นตันแน่นอนค่ะ”

 ??  ??

Newspapers in Thai

Newspapers from Thailand