ธนธร เสู่นงคนิกร
ผู้้i(เคย)สนุุกอย้hกับส้ตรเคมีีและห้iองแล็บ
คุณไตเตลิ -ธนธร เสนางคนกิ ร นกั แสดงนำาจากซรี ส่ี วาย ‘Lapluie The Series ฝนตกคร้ังน้ันฉันรัก เธอ’ ซง่ึ รบั บทนายเอกคกู่ บั คณุ พ-ี พรี วชิ ญ์ พลอยนาำ พล คณุ ไตเตลิ เกดิ และโตทห่ี าดใหญ่ เพยี งแคจ่ บชน้ั ประถม ก็ลุยเด่ียวไปเรียนมัธยมท่ีโรงเรียนเซนต์ ฟรานซิส เมโธดสิ ต์ ประเทศสงิ คโปร์ ตง้ั แตย่ งั เลก็ เขาใหเ้ หตผุ ล ท่ชี วนขำาในตอนน้นั ว่า เป็นการไปเพ่อื แลกกับไอโฟน 4S กบั โนต้ บกุ๊ อกี เครอ่ื ง แตท่ ม่ี ากกวา่ นน้ั คอื มนั เปน็ การ เรม่ิ ตน้ ชวี ติ ทใ่ี หป้ ระสบการณแ์ ละการเตบิ โตทค่ี มุ้ คา่
เปิิดตำำรเรียน
“คณุ พอ่ บอกตงั้ แตเ่ รยี น ป.4 แลว้ วา่ จะใหไ้ ปเรยี น เพราะคุณพ่อมีเพื่อนอยู่ที่นั่นเยอะ ผมก็ย้ำมาตลอด ตงั้ แต่ ป.4 จนถึง ป.6 ว่ายังไงก็ไม่ไป แต่ตอนนั้นยอม ไปเพราะเรายังไม่มีสมาร์ตโฟน (หัวเราะ) อายุแค่ สิบเอ็ดย่างสิบสอง ไปถึงตอนแรกร้องไห้ทุกวัน ภาษา อังกฤษก็เข้าใจศัพท์แค่บางคำ พูดทั้งประโยคไม่ได้ ต้องไปเรียนภาษาหนึ่งปีเต็มเพื่อเตรียมตัวก่อนเข้า โรงเรียน แล้วผมก็คิดถึงเพื่อน คิดถึงคุณแม่ ผมเป็น เด็กติดแม่มากในตอนนั้น”
หลกั สตู รมธั ยมของสงิ คโปรใ์ ชเ้ วลา 4 ปี เทา่ กบั วา่ คณุ ไตเตลิ ตอ้ งใชช้ วี ติ 5 ปี กบั การเ์ ดยี นชาวสงิ คโปร์ ใน หอพักซึ่งมีเด็กต่างชาติจากหลายที่มา
“ทุกเช้าต้องตื่นหกโมง หกโมงครึ่งนั่งรถตู้ของ หอพกั ทจี่ ะไปสง่ ตามโรงเรยี นตา่ งๆ โรงเรยี นของผมอยู่ ยา่ นถนนอพั เปอร์ บกู ติ ตมิ าห์ ไกลจากตวั เมอื งเหมอื น กัน เรียนที่นี่สี่ปี แล้วเข้ามหาวิทยาลัยได้เลย”
ปีแรกที่ต้องต่อสู้กับความคิดถึงบ้าน และการ สื่อสารที่ต้องใช้ภาษาใหม่ คุณไตเติลเล่าว่าต้อง ปรับตัวขนานใหญ่ แต่เมื่อปรับตัวได้แล้ว ความสนุก ก็เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาสี่ปีที่เหลือ กระทั่งปีสุดท้ายที่ ความรู้สึกไม่อยากกลับบ้านเข้ามาแทนที่
“โรงเรียนที่ผมเรียนเป็นโรงเรียนเอกชน และเป็น โรงเรียนสหศึกษา คนไทยที่นั่นส่วนใหญ่จะสนิทกับ คนอินโดฯ มาก ผมก็สนิทกับเพื่อนอินโดฯ ทั้งที่หอ และที่โรงเรียน การเรียนก็ยากตรงที่เป็นศัพท์อังกฤษ ล้วน ถึงเราจะเรียนภาษามาแล้ว แต่บางวิชาก็มีศัพท์ เฉพาะ เรากต็ อ้ งปรบั ตวั ใหไ้ ด้ แลว้ ผมเปน็ คนทเี่ รยี นใน โรงเรยี นไมพ่ อตอ้ งไปเรยี นกบั ตวิ เตอรอ์ กี เพราะอยาก มั่นใจว่าสิ่งที่เราเข้าใจ เราเข้าใจมันจริงหรือเปล่า ผม เรียนทุกวิชา พ่อยิ้มเลย ต้องจ่ายค่าติว (หัวเราะ)
“การเรียนของผม ถ้าวิชาไหนดีก็ดีไปเลย ได้ A อยา่ งคณติ ศาสตร์ เคมี ฟสิ กิ ส์ ถา้ ไมด่ กี F เลย อยา่ งวชิ า ชวี วทิ ยา แยม่ าก สมองไมร่ บั เลย สว่ นการสอบกเ็ หมอื น เมืองไทย คือมีมิดเทอมกับไฟนอล คะแนนไฟนอล 40 เปอร์เซ็นต์ มิดเทอม 30 เปอร์เซ็นต์ แล้วคะแนนเข้า เรียนอีก 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผมไม่เคยขาดเลยเพราะหนี ไม่ได้ การ์เดียนเข้มงวดมาก ทุกเช้าจะมาเช็กว่าเราไป โรงเรยี นหรอื เปลา่ แตถ่ งึ เขาเขม้ งวดกใ็ จดนี ะ (หวั เราะ)
“ที่หอพักการ์เดียนจะจัดให้มีกิจกรรม มีชมรม ให้เข้าสี่ชมรม คือชมรมเต้น บาสเกตบอล ฟุตบอล แบดมินตัน ผมชอบเล่นบอลกับแบดมินตัน เป็น นักแบดของหอและของโรงเรียนด้วย แต่ละเดือนจะ จัดแข่งทัวร์นาเมนต์ ของหอพักผมได้รางวัลที่สาม” คุณไตเติลเล่าอย่างสนุกเมื่อนึกไปถึงวัยนั้น
“การเรียนที่สิงคโปร์กับไทยต่างกันเมื่อเทียบกับ น้องที่เรียนในไทย เช่น วิชาคณิตศาสตร์ที่สิงคโปร์ ม.4 เขาจะสอนให้เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ใน ชีวิตจริง แต่น้องสาวผมที่ เรียน ม.4 ในไทย เขาเรียน แคลคลู สั กนั แลว้ เพอ่ื ใชส้ อบ เข้ามหาวิทยาลัย
“ตอนเรยี นจบผมขอทาง บ้านว่าเรียนต่อที่สิงคโปร์ ได้ไหม หรือไปอังกฤษก็ได้ เพราะเพื่อนส่วนใหญ่ไปต่อ กัน ผมเลือกมหาวิทยาลัย เอาไว้แล้ว และคะแนนเรา ก็เพียงพอที่จะยื่นเข้า คือที่ University of Nottingham กบั University of Manchester โดยเฉพาะ University of Manchester ผมอยาก เรียนดาราศาสตร์ ชอบตดิ ตาม นาซ่า ชอบเรื่องดวงดาว แต่ พอ่ อยากใหม้ สี งั คมทไี่ ทยบา้ ง ให้กลับมาเรียนที่เมืองไทย ก่อน ซึ่งผมก็โอเค เพราะ มหาวิทยาลัยที่ไทยก็มีคณะ ที่อยากเรียนเหมือนกัน”
นั่นเป็นเหตุผลที่ ทำให้คุณไตเติลได้เข้า เรียนสาขาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ โดยใช้ คะแนน O-Level จากสิงคโปร์ยื่นสมัคร
“เพราะคะแนนได้แล้ว เลยไม่ต้องเรียน A-Level อีกสองปี ผม fast track เข้ามหาวิทยาลัยเลยเพราะไม่ อยากเสียเวลา และการได้เรียนพื้นฐานตอนปี 1 ทำให้ เรารู้ว่าเราชอบเคมีมากกว่าไฟฟ้า และเป็นวิชาที่ผม เรยี นไดด้ ที สี่ ดุ ในสายวทิ ยต์ ง้ั แตม่ ธั ยม และเกรดเรากถ็ งึ
“ก่อนเรียนผมก็คิดว่าเราต้องอยู่ในห้องแล็บ แต่ ความจริงวิศวกรรมเคมีจะต่างจากนักวิทยาศาสตร์ สายเคมี การทดลองการผสมสูตรเป็นสเกลเล็กมากๆ สูตรเคมีหนึ่งสูตร กับประโยคแค่สองประโยค เรา สามารถคำนวณออกมาได้เป็นสองหน้ากระดาษเลย เป็นความท้าทายมากในการผ่านตรงนั้นมาได้
“วิศวกรเคมีเป็นสายงานที่โรงงานอุตสาหกรรม ตอ้ งการ และสามารถไปตอ่ ดา้ นธรุ กจิ ไดง้ า่ ย ตอนเรยี น ผมไดฝ้ กึ งานในหอ้ งแลบ็ ของมหาวทิ ยาลยั ทบี่ รษิ ทั ตา่ งๆ เวลามโี ปรเจกตก์ จ็ ะขอใหแ้ ลบ็ นชี้ ว่ ยคดิ สตู รเคมใี ห้ เปน็ แลบ็ ทคี่ อ่ นขา้ งมชี อื่ เสยี ง ไดร้ างวลั มาเยอะ ผมเขา้ แลบ็ ตงั้ แตแ่ ปดโมงเชา้ ถงึ หกโมงเยน็ บางวนั กโ็ อเวอรไ์ ทมไ์ ป ถงึ สามสที่ มุ่ เวลาทำงานผมจะชอบอยขู่ า้ งๆ พหี่ วั หนา้ แลบ็ ทสี่ นทิ กนั คอยดวู า่ เขาทำยงั ไง เขากช็ ว่ ยสอน ทำให้ ผมไดเ้ รยี นรจู้ ากตรงนนั้ เวลาทเี่ ขามอี บรมการใชเ้ ครอื่ งมอื ผมไมต่ อ้ งอบรมแลว้ เพราะไดล้ องใชก้ บั พๆี่ แลว้ ”
การอยกู่ บั หอ้ งทดลองคอื ความสนกุ ของคณุ ไตเตลิ แต่ใช่ว่าการเรียนสี่ปีในมหาวิทยาลัยจะราบรื่นไปเสีย ทั้งหมด เพราะระหว่างน้ันเส้นทางบันเทิงได้โคจรมา พบกับเขาเข้าโดยบังเอิญ และมันได้เปลี่ยนชีวิตเขา ให้มายืนอยู่อีกจุดหนึ่งในวันนี้
ดวงเดือนสู่่Òดร
ช่วงที่ยังเป็นนักศึกษาปี 1 กิจกรรมท่ีสืบเนื่องกัน มาเปน็ ประเพณคี อื นกั ศกึ ษาวศิ วะกบั วารสารจะมงี าน สังสรรค์กัน เดือนวิศวะจะได้พบปะกับดาววารสาร ในปีนั้นเองที่หน้าตาและบุคลิกของคุณไตเติ้ลเข้าตา แมวมอง และชักชวนเขาเข้าสู่วงการบันเทิง
“คิดในใจว่าเขาจะมาหลอกอะไรเราหรือเปล่า (หัวเราะ) เพราะสมัยนั้นมีข่าวเรื่องคนโดนหลอกเข้า วงการเยอะ สุดท้ายก็ลองทำดู แต่ยังไม่ได้คิดจริงจัง ในตอนนั้น”
การแคสต์งานเกิดขึ้นหลังจากน้ัน “สองปีแรกไม่ ผ่านเลย รู้สึกท้อว่าคงไม่มีพื้นที่สำหรับเราในวงการ แล้ว แต่ผมก็ไม่ได้โฟกัสมาก ตัวเองจะโฟกัสกับสิ่งที่ เป็นไปได้มากกว่า นั่นก็คือเรอื่ งเรียน แต่พอเข้าปีสาม ผมก็ได้งานเรื่องแรกคือ TharnType The Series ซีซั่น สอง เรอื่ งนกี้ ระแสคอ่ นขา้ งดี ทำใหเ้ รามกี ำลงั ใจในการ ทำงานวงการนี้ขึ้นมา
“แต่พอได้งานแสดงก็มีเรื่องให้ผมต้องตัดสินใจ เพราะคณะที่ผมเรียนเป็นการเรียนแบบสองปีในไทย และสองปที อี่ งั กฤษนนั่ คอื ปสี ามกบั ปสี ผี่ มตอ้ งไปเรยี น ที่ University of Nottingham ซงึ่ เปน็ มหาวทิ ยาลยั ทผี่ ม เคยอยากไปเรียน แต่ความคิดในตอนน้ันคือเราก้าว เข้ามาในวงการก้าวหนึ่งแล้วนะ ถ้าจะเปลี่ยนก้าวไป อีกทางมันเสียดายโอกาส ผมคิดว่าในอนาคตถ้ามอง กลับมาผมจะเสียดายมากๆ ถ้าไม่ได้ทำงานในวงการ ต่อ เลยตัดสินใจไม่ไปนอตติ้งแฮม เรียนที่เมืองไทยนี่
แหละ แลว้ ทำงานบนั เทงิ ควบคไู่ ปดว้ ย ไวเ้ ราพรอ้ ม เมื่อไรถึงค่อยไปก็ได้
“พอทำงานด้วย การเรียนของผมก็ไม่ชิลล์ ละ (หัวเราะ) เพราะต้องจัดการเร่ืองเวลา แล้ว ปีสามผมเป็นเชียร์ลีดเดอร์ด้วย เลิกเรียนท่ีรังสิต สี่โมงครึ่ง ต้องไปซ้อมลีดที่ท่าพระจันทร์ให้ทัน ห้าโมงครึ่ง เป็นช่วงที่เรียนหนักมาก แต่สนุกมาก อะไรเข้ามาเราก็เปิดรับหมด เหนื่อยก็ยอม แต่ มันทำให้ผมขาดคะแนนเช็กชื่อไป เลยต้องทำ พรเี ซนตเ์ พมิ่ เพอื่ แลกกบั คะแนนสว่ นทเ่ี หลอื กเ็ ปน็ ทางออกทแี่ ฟรก์ บั คนอน่ื ทอ่ี าจารยแ์ นะวธิ ใี ห”้
นอกจากเรยี นในคลาสซอ้ มลดี ของมหาวทิ ยาลยั คณุ ไตเตลิ ยงั ตอ้ งเรยี นการแสดงควบคไู่ ปดว้ ย โดยมี ครูร่ม-ร่มฉัตร ธนาลาภพิพัฒน์ ทำเวิร์กช็อปเร่ือง TharnType ให้ และครลู กู แกว้ -วรศิ รา บำรงุ เวช สอน พนื้ ฐานการแสดง สว่ นคณุ ชายอดมั (ม.ล.เฉลมิ ชาตรี ยคุ ล) มาเจาะลกึ เรอื่ งการแสดง รวมทงั้ วเิ คราะหแ์ ละ ตคี วามภาพยนตรด์ ว้ ยกนั
“ผมเขนิ ทกุ อยา่ งเวลาแสดง ไมใ่ ชเ่ ขนิ เพราะเปน็ ซรี สี่ ว์ าย ชว่ งแรกผมไมค่ อ่ ยกลา้ แสดงออกนกั เวลา จะแสดงอะไรมนั เหมอื นมกี ำแพงตลอดเวลา แตส่ ง่ิ สำคญั คอื ประสบการณ์ มนั ทำใหเ้ ราทลายกำแพง ตรงนั้นไปได้ หลังจบเรื่องแรกเราก็มาดูตัวเองว่า ตรงไหนต้องปรับปรุง ตรงนี้ต้องเล่นได้ดีกว่านี้อีก ซมึ ซบั ไปเรอื่ ยๆ แลว้ มนั ทำใหเ้ ราพฒั นาตวั เองได้
“ตอนนี้สนุกมากกับงานวงการ ถ้านับการ เป็นนักแสดงรับเชิญด้วยผมเล่นไปแล้ว 8 เร่ือง Lapluie เป็นละครที่ฟีดแบ็กดีที่สุดจากที่เล่นมา และได้เล่นเป็นตัวเมน จากปกติเป็นตัวรอง ตอน แรกกังวล เพราะถ้ามีกระแสอะไร ตัวเมนจะเป็น คนแบกความกดดันมากว่าเป็นตัวรอง แล้วเราจะ สามารถทำให้ละครเรื่องนี้ไปได้ไกลแค่ไหน และ มหี นา้ ทตี่ อ้ งรบั ผดิ ชอบเยอะไปหมด เครยี ดอยชู่ ว่ ง หนึ่งเลย (ยิ้ม)
“แต่ความสบายใจคือคุณพ่อคุณแม่ซัพพอร์ต เราทุกอย่าง ผมเคยถามเขาว่าป๊ากับม้าโอเคม้ัย ที่ลูกต้องเล่นซีรี่ส์วาย เขาบอกว่าโอเค ถ้ามันเป็น ความสุขของลูก ตอนน้ีไปเดินท่ีไหนก็เร่ิมมีคนเข้า มาทัก แต่งตัวชิลล์ๆ ขาส้ันเสื้อยืดรองเท้าแตะเขา ก็จำได้ (หัวเราะ) มีน้องมัธยมมาขอถ่ายรูป เราอยู่ ในลุคทไี่ ม่พร้อมเลย แต่ผมก็ปฏิิเสธไม่ได้” เขาเล่า ด้วยน้ำเสียงทไี่ ม่ปกปิดความสุข
คุณไตเติลเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยเมื่อเดือน ตุลาคมปีที่แล้ว แน่นอนว่าการเรียนต่อปริญญา โทยังอยู่ในแผนทวี่ างไว้ แต่ระหว่างนี้ขอเก็บเกี่ยว ประสบการณ์จากงานในวงการก่อน
“ตอนนี้งานหลักคือนักแสดง เรื่องเรียนโทยัง ไม่รู้เมื่อไร คิดว่าจะเรียนด้าน MBA และอยากไป เรยี นตา่ งประเทศ จากไลฟส์ ไตลท์ ด่ี มู าคดิ วา่ องั กฤษ น่าจะเหมาะกับเรา แต่ยังไม่รีบ อายุสามสิบก็ยัง เรียนได้ เพราะอยากโฟกัสกับงานแสดงก่อน ขอทำสิ่งที่ชอบไปจนรู้สึกพอหรืออ่ิมตัว แล้วค่อยไปเรมิ่ กับเส้นทางใหม่”
‘ผม fast track เข้้มหวิทยลััย เลัย เพระไมÒอยกเสู่ียเวลั แลัะ กรได้เรียนพืนฐนตำอนปิี 1 ทำให้ เรร่้วÒเรชอบเคมีมกกวÒไฟฟ้ แลัะเปิ็นวิชที¬ผมเรียนได้ดีท¬สู่ี ุด ในสู่ยวิทย์ตำังแตำÒมัธยม’