Safety, The Top Priority ผ่าตัดปอดส่องกล้องแผลเดียว นวัตกรรมรักษาโรคปอดแนวใหม่
ก้าวสู่ปีที่สองแล้วสำหรับการทำงานในประเทศไทยของศัลยแพทย์ทรวงอกส่องกล้องไฟแรงอย่าง นพ.ผดุงเกียรติ ตั้งพิรุฬห์ธรรม นอกจากดีกรีแพทย์เฉพาะทางด้านการผ่าตัดปอดทรวงอก จาก Harvard Medical School และประสบการณ์การทำงานจาก Brigham and Women’s Hospital มลรัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เขายังเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นในการดูแลผู้ป่วยโดยยึด ความปลอดภัยเป็นหลักสำคัญ “ย้อนกลับไปก่อนที่จะเรียนแพทย์เฉพาะทาง ผมสูญเสียคุณแม่จากโรคมะเร็ง ปอด ส่วนคุณพ่อเสียชีวิตทั้งที่อายุยังไม่มากจากภาวะหัวใจหยุดเต้นฉับพลัน ทำให้ผมมีความสนใจในโรคปอดและหัวใจเป็นพิเศษ อยากจบออกมาแล้วได้ ช่วยเหลือคนไข้โรคนี้ เมื่อถึงช่วงเลือกเรียนเฉพาะทางที่ศิริราช ผมจึงเลือก ด้านการผ่าตัดหัวใจและปอด และมีโอกาสได้ไปดูงานที่ Brigham and Women’s Hospital ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ร่วมมือกับ Harvard Medical School เนื่องจากทำผลงานได้ดี ศาสตราจารย์หัวหน้าสาขาได้ชวนให้ผม สมัครเรียนและทำงานต่อเฉพาะทางด้านผ่าตัดส่องกล้องปอดที่นั่น
“หลังจากที่กลับมาจากอเมริกาก็มาทำงานที่โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพและเป็น อาจารย์พิเศษที่โรงพยาบาลศิริราช สิ่งที่ได้ติดตัวกลับมาคือการผลักดันตัวเองให้ก้าว ไปข้างหน้าเสมอ เนื่องจากการเข้าเรียนที่ฮาร์วาร์ดมีการแข่งขันสูง ซึ่งการแข่งขันมี ข้อดีในตัวของมัน ทำให้เราไม่หยุดพัฒนาตัวเอง นอกจากนี้ยังมีเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ให้เรียนรู้เยอะมาก ทำให้ได้นำกลับมาใช้เพื่อช่วยดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่ แต่ถึงจะมี ความครบครันของวิทยาการด้านการแพทย์มากแค่ไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความ ปลอดภัยของคนไข้ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง มากไปกว่านั้นคือการดูแลด้านจิตใจ ไม่ใช่ แค่ตัวผู้ป่วย แต่เป็นญาติของพวกเขาด้วย ผมเข้าใจดีว่าผู้ป่วยมะเร็งปอดและญาติ รู้สึกอย่างไร ทุกวันทุกนาทีที่ต้องรอตรวจหรือรอผ่าตัดมีความกังวลใจมากแค่ไหน กลัวว่าโรคจะลุกลาม กลัวว่ารักษาแล้วโรคจะกลับมา ซึ่งส่วนนี้ไม่ใช่แค่ทีมแพทย์ เท่านั้น ทั้งทีมพยาบาล ผู้ช่วย และบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมดต้องช่วยกัน”
ที่โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ นายแพทย์ผดุงเกียรติได้ใช้ความเชี่ยวชาญในการ รักษาโรคที่เกิดในบริเวณทรวงอก เช่น โรคมะเร็งปอด โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอ็มจี โรคลมรั่วในปอด โรคถุงลมโป่งพอง เป็นต้น โดยใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดที่ทันสมัย อย่าง Video-assisted Thoracic Surgery หรือ VATS เป็นตัวช่วยสำคัญ
“VATS เป็นการผ่าตัดส่องกล้องในช่องอก ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีกล้องและ อุปกรณ์ผ่าตัดที่ก้าวหน้าขึ้น จากที่ต้องผ่าตัดแบบเปิดก็เปลี่ยนมาสู่การผ่าตัดแผล ขนาดเล็กหลายแผล และปัจจุบันเราก้าวเข้ามาสู่การผ่าตัดแผลเดียว ซึ่งในปัจจุบันวิธี การนี้รักษาได้เกือบทุกโรคไม่ต่างจากแบบเปิดแผลใหญ่หรือส่องกล้องหลายแผล และแน่นอนว่ามีข้อดีให้เห็นอย่างชัดเจน อย่างแรกคือความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดที่ น้อยกว่า ใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยกว่า หลังผ่าตัดคนไข้สามารถเดินได้เลย ไม่ ถึงสัปดาห์กลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ และไม่เกินสองสัปดาห์สามารถกลับไปออก กำลังกายแอโรบิกได้เหมือนเดิม โดยเฉพาะคนไข้ผู้หญิงจะได้ประโยชน์ในด้านความ งาม เนื่องจากแผลเล็กและแพทย์จะซ่อนแผลไว้บริเวณใต้ราวนม และสำคัญที่สุดคือ เราไม่ต้องใช้การถ่างขยายช่องอกหรือต้องตัดกระดูกออกเพื่อทำการผ่าตัด เพราะ อุปกรณ์ในการผ่าตัดสามารถทำงานโดยลอดผ่านช่องระหว่างซี่โครงได้”
แม้ VATS จะสามารถช่วยให้แผลผ่าตัดเล็กลงและมีประสิทธิภาพดีเพียงใด สิ่งที่ ดีที่สุดคือการตระหนักถึงความสำคัญในการตรวจหาความเสี่ยงแต่เนิ่นๆ
“คนไข้ที่ผมทำการผ่าตัดส่องกล้องมากกว่า 80% เป็นมะเร็งปอด เกือบครึ่งหนึ่ง ของผู้ป่วยเป็นระยะแรกที่มีโอกาสหายได้สูงถึง 90% ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการป้องกัน การเกิดมะเร็งปอด แต่สิ่งที่ช่วยได้คือการตรวจคัดกรองโดยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ใน คนที่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดสูง ซึ่งคือคนที่สูบบุหรี่มากกว่า 30 Pack-year เช่น สูบบุหรี่เฉลี่ยวันละ 1 ซองมามากกว่า 30 ปี และยังสูบอยู่หรือหยุดสูบไม่ถึง 15 ปี รวมถึงมีความเสี่ยงอื่นๆ เช่น มีญาติในครอบครัวเป็นมะเร็งปอด ก็ควรมาตรวจ โดย แพทย์จะวินิจฉัยให้เป็นรายบุคคล หากพบความผิดปกติก็จะสามารถเริ่มขั้นตอนการ
VATS เป็นการผ่าตัดส่องกล้องอย่าง หนึ่งซึ่งเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้น จากที่ต้อง ผ่าตัดแบบเปิด ก็เปลี่ยนมาสู่การผ่าตัดที่มีแผล ขนาดเล็กลง จนทำให้เราคุ้นหูมากขึ้น กับการ ผ่าตัดแผลเดียว
รักษาได้เลย คนไข้ที่มารับบริการกับเรา หลังจากพบจุดที่น่าสงสัย เราสามารถให้การ วินิจฉัยและทำการรักษาทั้งหมดจนไปถึงการผ่าตัด ใช้เวลาภายในหนึ่งสัปดาห์”
ไม่เพียงแต่ดูแลร่างกาย สังเกตความเปลี่ยนแปลง และเลือกสถานพยาบาลที่ได้ มาตรฐานเพื่อเข้ารับคำปรึกษา จิตใจก็เป็นสิ่งที่ควรดูแลให้ดีด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะ ความเครียดที่มีส่วนในการก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้
“อย่างตัวผมเป็นศัลยแพทย์ก็ต้องเจอกับความเครียดบ้าง สิ่งที่ช่วยให้ผ่อนคลาย คือ การเล่นกีฬา สมัยเรียนแพทย์ผมชอบเล่นบาสเกตบอล รู้สึกว่าเวลาเล่นทีมกับ เพื่อนแล้วสามารถคลายความเครียดทุกอย่างได้เลย แต่ปัจจุบันจะเน้นตีกอล์ฟ เพราะสามารถออกกำลังกายคนเดียวได้ ไม่ต้องรอรวมทีมกับเพื่อนๆ นอกจากจะ ผ่อนคลายยังได้ฝึกสมาธิไปในตัว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ในทุกๆ วันผมจะหาเวลาเล่นกับลูก สุดสัปดาห์ไหนไม่มีงานก็พาไปเที่ยว สำหรับผม แล้วนี่เป็นการเติมพลังที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่อยากส่งเสริมให้ทุกคนทำเช่นเดียวกัน”