เกรกิ พล - อชริ วตั ติ์ มสั ยวาณชิ สำเนาถกู ตอ้ ง ‘สง่ิ ทผ่ี มอยากใหล้ กู มากทส่ี ดุ คอื เวลา’
ลูกชายที่ถอดแบบพ่อทุกกระเบียดนิ้ว
ภาพจำของผู้ชายชื่อฟลุค-เกริกพล มัสยวาณิช คือคาสโนวาเจ้าเสน่ห์ บุคลิกคล่องแคล่ว มั่นใจในตัวเอง พูดจาฉะฉาน ตรงไปตรงมา แต่งตัว เนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รักการเดินทาง และโปรดปรานการรับประทานอาหาร นั่นคือสิ่งที่ คุ้นตากันดีมาแต่ไหนแต่ไร แต่หลายคนอาจนึก ไม่ถึงว่าผู้ชายคนเดียวกันนี้ เมื่อสวมบท ‘พ่อ’ เขาจะ โหยหาความรักและปรารถนาอ้อมกอดจากลูกชาย คนเดียวอย่างน้องอชิ-อชิรวัตติ์ มัสยวาณิชได้มาก ขนาดนี้ ยิ่งน้องอชิเติบโตขึ้นเท่าไหร่ คุณพ่ออย่าง คุณฟลุคก็ยิ่งใจหาย เพราะรู้สึกเหมือนเวลาที่จะ ได้หอมได้นอนกอดลูกนั้นจะลดน้อยตามไปด้วย
คุณพ่อยังหนุ่ม
เผลอแป๊บเดียว น้องอชิเด็กชายตากลมโตก็ กลายเป็นหนุ่มน้อยตัวสูงยาวไปแล้ว ในขณะที่ คุณพ่อฟลุคยังคงเป็นหนุ่มหล่อเนี้ยบ ไม่เปลี่ยนแปลง ใครๆ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าพ่อลูกคู่นี้คล้ายกันยังกับฝาแฝด!
“ผมตั้งใจไว้ว่าถ้ามีโอกาสแต่งงานจะรีบมีลูก เลย เพราะคุณพ่อผม (คุณมานิต มัสยวาณิช) มี ผมตอนท่านอายุ 21 ปี ผมเลยคิดว่าดีจังที่เราได้ โตไปกับพ่อ แล้วก็ไม่เคยกังวลว่าพ่อจะแก่หรือจะ อยู่กับเราไม่นานเลย จริงไหมลูก” คุณฟลุคหันไป ถามลูกชายเมื่อตอบคำถามถึงความรู้สึกของการ เป็นพ่อที่มีลูกโตเป็นหนุ่มทันกัน
น้องอชิอมยิ้มน้อยๆ แทนคำตอบสนับสนุนคำ คุณพ่อว่า “ก็ดีครับ เราไปด้วยกันได้ทุกเรื่อง แต่ ตอนนี้อชิโตขึ้นก็กลายเป็นพ่อที่เริ่มมาตามอชิบ้าง เห็นชัดๆ ก็เรื่องเสื้อผ้าครับ ปกติพ่อชอบใส่เสื้อเชิ้ต หรือไม่ก็ทีเชิ้ต แต่เดี๋ยวนี้พ่อหันมาซื้อเสื้อผ้าแบบ ที่อชิใส่บ้างแล้ว เพราะพ่ออยากเด็กครับ” (ยิ้ม)
ไม่เพียงหน้าตาพิมพ์เดียวกันชนิดที่ไม่บอกก็รู้ ว่าเป็นคุณพ่อคุณลูกกันแน่ๆ คู่นี้ยังสนิทสนมกัน มากอีกด้วย “ผมเลี้ยงลูกใกล้ชิดเหมือนเป็นเพื่อน กัน ไม่ได้วางตัวเป็นพ่อที่ลูกต้องเข้ามากราบเท้า เช้าเย็น แต่เจอหน้ากันลูกต้องสวัสดีแล้วเข้ามา กอดกันนะ จะยกมือไหว้อย่างเดียวพ่อไม่โอเค (ยิ้ม) ผมเล่นกับลูกเหมือนเขาเป็นเด็ก คอยให้คำ ปรึกษาเหมือนเป็นเพื่อนสนิทของเขา และก็พร้อม ปกป้องดูแลเขาตลอดไป เพราะเขาคือลูกผม อชิ เองถึงจะโตแล้วแต่ก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่ บางที เขาก็อ้อน ‘พ่อทำนี่ให้หน่อย ทำนั่นให้หน่อย’”
หนุ่มขี้อ้อนในสายตาพ่อก็ยกให้คุณฟลุคเป็น เพื่อนที่สนิทสุดของเขาเช่นกัน “พ่อให้อชิเป็น เหมือนความคิดที่สองของพ่อ เวลาพ่อจะทำอะไร ก็จะถามความเห็นอชิตลอด อย่างจะกินร้านไหน สั่งอาหารอะไร ใส่ตัวนี้ดีไหม ซื้ออันนี้ดีหรือเปล่า มีอะไรพ่อก็เล่าให้ฟังตลอด อย่างเรื่องหุ้น พ่อก็ เล่าเหมือนอชิเป็นผู้ใหญ่คนนึง พ่อเป็นคนชิลล์ อยู่กับพ่อแล้วสนุก ได้กินของอร่อยๆ และก็ได้ เที่ยวเยอะดีครับ”
กิจกรรมสุดโปรด
คุณฟลุคถ่ายทอดความเป็นคนช่างกินให้ลูกชาย คนนี้มาตั้งแต่น้องอชิยังเด็ก “ผมกินข้าวกับลูกเยอะ มาก ยิ่งทำรายการของตัวเองก็มีโอกาสได้กินมาก ขึ้น ทั้งอาหารมิชลิน อาหารขึ้นชื่อ แต่อชิชอบ อาหารญี่ปุ่นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะซูชิ บางครั้งชวน เขาไปกิน ลูกก็ไม่ยอมไป บอกเสียดายตังค์แทนพ่อ แต่ผมอยากให้ลูกมีประสบการณ์ ก็สอนเขาว่าเรา กินเพื่อรู้ ไม่ใช่ว่าต้องกินของแพงทุกมื้อ”
“เรื่องกินพ่อค่อนข้างตามใจ อชิเลยได้กินอาหาร ดีๆ มาตั้งแต่เด็ก อยากกินอะไร พ่อก็พาไปกินตลอด ที่ชอบอาหารญี่ปุ่นเพราะมีวัฒนธรรม มีเรื่องราว เขาใส่ใจและพิถีพิถันทุกขั้นตอน อย่างซูชิแต่ละคำที่ เชฟเสิร์ฟ ปลาที่ใช้ก็ต้องไปตลาดปลาตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อประมูลแข่งกับร้านอื่นมา แล้วไม่ใช่แค่ความสด ของปลา เขายังใส่ใจกระทั่งความแน่นของข้าวที่นำ มาปั้น สำหรับเราอาหารจึงไม่ได้แค่ให้ความอิ่ม ครับ แต่ให้ทั้งความรู้และสนุกเหมือนการ เดินทางเลยครับ” เมื่อเป็นสิ่งที่เจ้าตัวชื่นชอบ น้องอชิหนุ่มพูดน้อยจึงพูดได้ยาวเป็นพิเศษ
“ถ้ามีโอกาสพาลูกไปต่างประเทศโดย ไม่กระทบการเรียน ผมอยากพาอชิไปด้วยทุก ครั้ง ทริปหลักๆ ทุกปีเราจะไปสกีด้วยกัน 2 ครั้ง ตอนซัมเมอร์ที่ออสเตรเลียหรือไม่ก็นิวซีแลนด์ ส่วนช่วงคริสต์มาสจะไปญี่ปุ่น ทุกทริปผมไม่ได้ มองว่าเป็นการพาลูกไปเที่ยวเท่านั้น แต่การ เดินทางจะสร้างประสบการณ์และความทรงจำ ที่เราพ่อลูกจะมีร่วมกันซึ่งสำคัญ ผมต้อง ตักตวงวันเวลาเหล่านี้ไว้เยอะๆ เพราะคงอีก ไม่นานที่ผมยังนอนกอดลูกได้อย่างนี้ พอเขาโต ขึ้น ถ้าเขาไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ก็อาจขอพา แฟนไปเที่ยวด้วย แล้วถ้าไปด้วยกัน ลูกก็อาจ ขอแยกไปนอนคนเดียว ไม่นอนเตียงเดียวกับ พ่อเหมือนทุกวันนี้แล้ว”
ช่วงเวลาของสองเรา
แววตาและน้ำเสียงคุณฟลุคบอกให้รู้ว่าเขา เป็น ‘พ่อที่ติดลูก’ มากกว่าที่หลายคนคิด “อาจ เพราะตอนเด็กๆ ผมไม่ค่อยได้กอดพ่อมั้ง ไม่ เข้าใจว่าการกอดพ่อคืออะไร เพราะคุณย่าเลี้ยง ผมมา ได้กอดแต่คุณย่า เจอพ่อแค่เสาร์-อาทิตย์ ก็เลยคิดเสมอว่าถ้าผมมีลูก สิ่งที่อยากให้ลูก มากที่สุดก็คือเวลา เมื่อก่อนผมอาจยังมีแว่บไป ทำกิจกรรมส่วนตัวอย่างอื่นบ้าง เพราะเราอยู่ กับลูกทุกวัน แต่พอสถานการณ์เปลี่ยนไป วันที่ ได้อยู่กับลูกคือช่วงเวลาที่มีค่ามากสำหรับผม และผมให้เวลาลูกเต็มร้อยด้วยการอยู่ด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน
“เรากอดหอมกันมาตลอด แทบจะตลอด เวลาที่อยู่ด้วยกัน เรานอนเตียงเดียวกัน ทำจน เคยชินมาตั้งแต่อชิยังเด็ก ผมเลยไม่รู้สึกแปลก หรือเขินที่มีลูกชายแล้วยังอยากกอดอยากหอม เขาอยู่อย่างนี้ นั่งดูทีวีด้วยกันก็ยังกอดกันกลม นั่งเครื่องบินลูกก็ยังมาเบียดนั่งตักพ่อได้อยู่ กระทั่งผมเอนเบาะนอนตอนนั่งเครื่องบิน อยู่ดีๆ อชิก็บุกมานอนกอดพ่อด้วยเฉยเลย ผมไม่รู้สึก ว่าเด๋อ และอชิก็ไม่ได้รู้สึกว่าเรากำลังทำสิ่งที่ แปลกประหลาด” เสียงคุณฟลุคเงียบหายไป ชั่วขณะคล้ายจะสะกดความรู้สึกบางอย่างที่ แว่บขึ้นมา
“ปกติตั้งแต่เด็กจนโต วันไหนที่อยู่ด้วยกัน เราพ่อลูกอาบน้ำในอ่างเดียวกัน เป็นอย่างนี้มา ตลอด เพิ่งจะมาต้นปีที่ผ่านมานี้ที่จู่ๆ อชิก็ล็อก ประตูห้องน้ำ ไม่ยอมอาบน้ำกับพ่ออีก” อีกครั้ง ที่ปลายเสียงสั่นเล็กน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะเล่าต่อ “ผมน้ำตาซึมเลยครับ สำหรับผมนี่คือช่วงเวลา พิเศษของเราพ่อลูกจริงๆ ทั้งที่ผมเองเผื่อใจไว้ แล้วว่าวันนึงลูกเราก็ต้องโตขึ้น แต่ผมก็ไม่เคย คุยกับลูกเรื่องนี้ ทั้งการแยกห้องนอน แยกกัน อาบน้ำ เพราะส่วนตัวแล้วก็ยังไม่อยากให้ลูก ห่างกายเลย ทุกวันนี้ผมเลยทำเนียนนอนกอด ลูกทุกคืนบนเตียงเดียวกัน ส่วนห้องที่ว่างอยู่ ผมก็ตั้งใจเอาของไปใส่ให้เต็ม ลูกจะได้ไม่มี
‘การเดินทางจะสร้าง ประสบการณ์และความทรงจำ ที่เราพ่อลูกจะมีร่วมกัน ซึ่ง สำคัญ และผมต้องตักตวง วันเวลาเหล่านี้ไว้เยอะๆ’
สิทธิ์ขอมีห้องส่วนตัว” พูดจบ คุณฟลุคก็อดหัวเราะขำวีรกรรม ตัวเองไม่ได้
นั่งฟังคุณพ่อเผยความในใจอยู่ พักใหญ่ น้องอชิในวัย 15 ปีก็ บอกความรู้สึกตัวเองบ้างว่า “เอา จริงๆ อชิก็ไม่เขินหรอกครับที่จะ กอดหอมพ่อ เพราะเราทำกันแบบ นี้มาตั้งแต่อชิยังเด็กอย่างที่พ่อ เล่า แต่ถ้าอยู่นอกบ้าน เวลาพ่อ กอดอชทิ นี านเปน็ 10 วนิ าทเี ลยครบั อชิก็รู้สึกว่าแอบนานไปนิดนึง (หันไปยิ้มกับคุณพ่อ) ส่วนที่ อชิไม่อาบน้ำกับพ่อแล้ว ไม่ได้มี อะไรเลยครับ อชิแค่รู้สึกว่ามัน เบียดกันไปหน่อยเพราะอ่างอาบน้ำ อันเดิม แต่อชิโตขึ้น ตัวสูงขึ้น แข้งขาก็ยาวขึ้นเยอะ แล้วที่ล็อก ประตูห้องน้ำเพราะบางทีอชิเข้า ห้องน้ำอยู่ ถ้าไม่ล็อกเดี๋ยวพ่อก็ เดินมาแปรงฟันบ้าง ล้างหน้าบ้าง แค่นั้นเองครับ อชิอาจจะเขินบ้าง กับการแสดงออกซึ่งความรักของ พ่อ แต่อชิรู้ว่าพ่อรักอชิมากและ อยากกอดอยากหอมเหมือนอชิยัง เป็นเด็ก อชิเองก็รักพ่อมาก เหมือนกัน เราเลยยังกอดหอมกัน ได้เหมือนเดิมครับ ยกเว้นเรื่อง อาบน้ำที่มันอาบไม่สะดวกจริงๆ ครับ” (หันไปหัวเราะกับคุณฟลุค อย่างอารมณ์ดี)
พ่อรวยสอนลูก
ในฐานะกูรูด้านการเงิน เราจึง ขอให้คุณฟลุคแบ่งปันการสอนลูก ใช้เงินในสไตล์เขา ทำให้ได้ทราบ ว่าน้องอชิได้ค่าขนมเป็นเงินเดือน และยังมีบัตรเครดิตใช้ตั้งแต่อายุ 15 ปี ซึ่งคุณฟลุคให้เหตุผลว่า ต้องการให้น้องอชิเรียนรู้วิธีการ บริหารเงินตั้งแต่เด็กเพื่อจะได้ เคยชินและมีความพร้อมในวัน หนึ่งข้างหน้าที่เขาจะมีบัตรเครดิต หลักเป็นของตัวเอง ที่สำคัญบัตร เครดิตเสริมใบนี้ คุณฟลุคก็ กำหนดวงเงินให้ขึ้นลงตามจำนวน เงินที่น้องอชินำมาฝากคุณพ่อไว้
น้องอชิพยักหน้าสนับสนุนเต็มที่ “แต่บางทีถ้าอยากได้ของราคาสูง เกินวงเงินที่มี อชิก็ต้องเอาเงินมา ผ่อนพ่อทุกเดือน แต่พ่อก็ใจดีนะ ครับ ให้อชิได้สิทธิประโยชน์เหมือน อย่างที่บัตรเครดิตมีโปรโมชั่นกับ สินค้าด้วย”
น้องอชิยกตัวอย่างตอนที่เจ้าตัว อยากได้แม็คบุ๊กรุ่นล่าสุดตาม ประสาหนุ่มน้อยที่ชอบอัพเดต เทคโนโลยีใหม่ๆ ในขณะที่คุณฟลุค ไม่เห็นด้วย เพราะเขาเพิ่งซื้อแม็คบุ๊ก ให้ลูกไปก่อนหน้านี้ไม่นาน แล้วยังมี คอมพิวเตอร์ของโรงเรียนอีกเครื่อง หนึ่งอยู่แล้วด้วย การอยากได้อะไรที่ คุณพ่อไม่เห็นด้วย แปลว่าน้องอชิต้อง ควักกระเป๋าซื้อเอง ที่สุดน้องอชิตัดสินใจ ซื้อด้วยการรูดบัตรเครดิตซื้อมาโดยมี โปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 10 เดือน ซึ่ง คุณฟลุคก็ให้สิทธิ์ลูกตามนั้น วิธีนี้ ทำให้น้องอชิรู้จักการใช้เงินไปในตัว
เหนือพ่อยังมีลูก
ลูกชายคนนี้สะท้อนความเป็นคุณพ่อ อย่างไรบ้าง คุณฟลุคตอบทันทีพร้อม ตัวอย่างเสร็จสรรพ “เห็นหลายอย่าง เลยครับ แต่ผมว่าอชิเจ้าเล่ห์และเก่ง กว่าผมในทุกเรื่อง (หัวเราะชอบใจ) ล่าสุดเขาซื้อไอแพดเป็นของขวัญวัน คริสต์มาสล่วงหน้าให้ผม เขายื่นให้ แล้วบอกว่า ‘เดี๋ยววันคริสต์มาสอชิก็ ต้องได้ของชิ้นใหญ่กว่านี้ใช่ไหมฮะ พ่อ’ คือตอนผมเป็นเด็กไม่เคยคิดซื้อ อะไรไฮโซให้พ่อขนาดนี้เลย เลยงงว่า ลูกคิดได้ไง (ยิ้ม) แล้วเขาก็ยังมีวิธีพูด ที่ฟังแล้วขำที่อชิรู้จักเอากุ้งฝอยมาตก ปลากะพง แต่ก็เอ็นดูในการรู้จักพูด ของลูก หรืออย่างตอนเขาเด็กๆ ไป เดินห้างกัน จู่ๆ ก็บอกผมว่า ‘วันนี้พ่อ จะซื้อของเล่นให้อชิ 2 ชิ้นใช่ไหมครับ’ โดยอัตโนมัติผมก็ต้องตอบว่า ‘เปล่า ลูก พ่อจะซื้อให้ชิ้นเดียว’ ทั้งที่ตอน แรกผมไม่ได้คิดจะซื้อให้เลย แต่เมื่อ ลูกดักคอว่า 2 ชิ้น เราเลยต้อง
‘อชิรู้ว่าพ่อรักและ อยากกอดอยากหอม เหมือนอชิยังเป็นเด็ก อชิเองก็รักพ่อมาก เราเลยยังกอดหอม กันเหมือนเดิม’
เหลือชิ้นเดียว วิธีคิดและการพูดแบบนี้ผมตาม ไม่ทัน และก็งงว่าลูกเราคิดได้ยังไงเนี่ย (หัวเราะ) นี่เลยทำให้ผมรู้สึกว่าอชิเก่งกว่าผม”
เจอคุณพ่อเผยวีรกรรมเด็ดเข้าไป เจ้าตัวเอง ยังอดขำไปด้วยไม่ได้ แต่ก็ออกตัวว่า “ตอนนั้นอชิ เด็กจำไม่ค่อยได้ครับ แต่ถ้าอยากได้อะไรจะบอก พอ่ ตรงๆ วา่ ‘พอ่ ครบั ชอิ ยากไดอ้ นั น้ี ถา้ พอ่ ไมอ่ ยาก รำคาญชิ ช่วยซื้อให้หน่อยนะครับ’ ไม่รู้เหมือนกัน ครับว่าทำไมต้องพูดอย่างนี้ รู้แค่ว่าถ้าอยากได้ก็ ต้องพูดให้พ่อใจอ่อน แต่ส่วนใหญ่อชิจะไม่ขอ อะไรที่พ่อไม่ให้อยู่แล้ว เพราะถ้าพ่อไม่ให้นั่นคือ สิ่งที่ไม่ควรซื้อ ยกเว้นพวกของอิเล็กทรอนิกส์ที่อชิ สนใจและอยากได้ใช้ฟังก์ชั่นใหม่ๆ ที่ออกมา แต่ ตั้งแต่อชิให้ไอแพดพ่อไป พ่อก็ติดดูหนังในไอแพด แล้วนะครับ (ยิ้ม) แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ เราเห็นตรง กันเพราะมีลอจิกคล้ายกัน ตั้งแต่เรื่องง่ายๆ
อย่างการรู้จักแพลน จะไปไหน ทำอะไรบ้าง จะคิด จัดลำดับไว้ล่วงหน้า ทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น สไตล์การ เดินทางของเราก็คล้ายกัน คือไม่ชอบอะไรที่ลำบาก หรือต้องผจญภัยมากนัก ไม่เหมือนเพื่อนๆ อชิที่ชอบ เที่ยวลุยๆ”
‘อชิ’ ผู้เชื่อมรัก
อย่างที่ทราบกันว่าคุณฟลุคกับคุณโบ (คุณชญาดา ลิ่วเฉลิมวงศ์ เศวตนันทน์) ตัดสินใจแยกทางกัน โดยคงสถานะความเป็นคุณพ่อและคุณแม่ของ น้องอชิ และทั้งสองก็ทำหน้าที่นั้นได้ดีเยี่ยม ยืนยัน ได้ด้วยความเป็นน้องอชิที่ไม่เพียงไม่เคยเป็นเด็กมี ปัญหาหรือมีปมด้อยที่ครอบครัวหย่าร้างกัน ตรง กันข้าม น้องอชิกลับเป็นเด็กที่น่ารัก สดใส ร่าเริง และมีสุขภาพจิตดีไม่ต่างจากเด็กคนอื่นๆ
“ผมคิดแค่ว่าทำยังไงให้ลูกอยู่กับผมมากที่สุด เราไม่ได้ระบุว่าลูกต้องอยู่กับใคร วันไหน แค่เมื่อไหร่ ใครว่าง เราก็แย่งลูกกัน (หัวเราะ) คือเราเอาความ สะดวกของตัวเองเป็นที่ตั้ง ผมเลยคิดว่าลูกไม่เคย ต้องรู้สึกขาดความรักหรือรู้สึกไม่อบอุ่นที่เราไม่ได้ อยู่ด้วยกัน อย่างแรกเลยคือผมกับโบไม่ได้โกรธ เคืองกัน เราเลิกกันด้วยความเข้าใจแล้วเราก็เป็น เพื่อนกันในวันที่เราหย่ากัน ทำให้เราต่างมีความ ปรารถนาดีซึ่งกันและกัน ผมมองว่าครึ่งหนึ่งของ ลูกเราก็มาจากโบซึ่งเป็นแม่ หมายความว่าตราบใดที่ ข้อตกลงของเราคือการสลับกันอยู่กับลูก ถ้าแม่ ของลูกไม่มีความสุข หรือมีชีวิตที่ไม่ดี ลูกเราก็จะ ไม่มีความสุขไปด้วยในช่วงที่เขาอยู่กับแม่ ผมจึง คอยเชียร์เป็นกำลังใจและสนับสนุนให้โบมีความ สุขกายสบายใจ เพราะนั่นคือสิ่งแวดล้อมที่ดีของ ลูกด้วย
“แต่เรื่องเดียวที่เรายังทะเลาะกันก็คือเรื่องลูก เพราะคิดไม่ตรงกัน เราไม่ได้เถียงกันเพื่อต้องการ เป็นผู้ชนะ แต่เราต้องการหาสิ่งที่ดีที่สุดและทำให้ ลูกมีความสุขที่สุดก่อนเสมอ นั่นคือเป้าหมายที่เรา เห็นตรงกันมาตลอด ถ้ามีปัญหาอะไรก็จะมาคุย กันว่าต่างคนมีความเห็นยังไง แล้วต้องแก้ไขยังไง ให้ผ่านไปได้ ซึ่งส่วนใหญ่ผมเถียงแพ้ตลอด (หัวเราะ) ชนะน้อยมาก ทั้งเรื่องให้ลูกเรียนโรงเรียน นานาชาติ หรือการให้ลูกนั่งเครื่องบินคนเดียว แต่ ถ้าเป็นวิธีการเลี้ยงลูกเป็นสิทธิ์ของแต่ละคนเลย ครับ ผมอาจจะดูเลี้ยงลูกปล่อยหน่อยเพราะ
อยากให้ลูกโต ส่วนโบก็ดูแลลูกค่อนข้างใกล้ชิด เพราะเขาเป็นห่วง ซึ่งเราก็ไม่ว่ากัน ผมยึดหลัก ‘รักลูกเท่าที่ผมรัก และเต็มที่กับลูกเท่าที่ผม ทำได้’”
แม้จะนั่งหน้านิ่งแต่เราก็เชื่อว่าน้องอชิเอง รู้ซึ้งถึงความรักที่คุณพ่อคุณแม่มีให้ “อชิไม่เคย รู้สึกน้อยใจหรือเสียใจที่พ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะได้เจอและได้อยู่กับทั้งสองคนเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าเลิกกันแล้วต่างคนต่างหายหน้าไป หรือ ไม่เจอกันอีกเลย การที่พ่อแม่แยกทางกันเป็น เรื่องของผู้ใหญ่ที่พ่อกับแม่มีเหตุผล ซึ่งไม่ใช่ เรื่องใหญ่ของอชิ เพราะความรักที่ได้รับเหมือน เดิม จริงๆ มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ บางวันเลิกเรียน แล้ว พ่อกับแม่ก็โทร.มาหาอชิไล่เลี่ยกัน จะไป ไหนทำอะไร ถ้าไม่พ่อโทร.หา เดี๋ยวแม่ก็ต้อง โทร.มา เลยไม่เคยรู้สึกว่าขาดความรักเลยครับ” แววตาคุณฟลุคบ่งบอกความชื่นชมในตัวแก้วตา ดวงใจคนนี้ “อชิเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับพวก เราทุกคนครับ เขาเชื่อมให้ความเป็นครอบครัว แน่นแฟ้นขึ้น ถ้านัดกันกินข้าว ทุกคนจะอยาก มาเพราะอยากมาเจออชิ หรืออย่างผมกับโบเอง เราก็อยากกินข้าวกับลูกเหมือนกันทั้งคู่ หลาย ครั้งเราก็เลยไปกินข้าวกันพร้อมหน้า ทั้งพี่แบงค์ (พ.ต. กฤชพล เศวตนนั ทน)์ กบั คณุ ลี (นาตาลี เจียร วนนท์) ก็ไปด้วย อชิจึงแวดล้อมไปด้วยคนที่รัก เขาเต็มไปหมด และเขาเองก็ส่งต่อความรักนั้น กลับมาที่พวกเราทุกคนด้วยครับ”
ว่าแล้วคุณฟลุคก็หันไปกอดและหอมน้องอชิ เพื่อยืนยันคำพูดที่สื่อความรู้สึกในใจที่มีต่อ ลูกชายสุดที่รักคนนี้ แล้วน้องอชิก็โอบกอดตอบ รับความรักของพ่อเช่นกัน
ช่างเป็นคุณพ่อคุณลูกสุดสวีตจริงๆ
‘อชิไม่เคยรู้สึกน้อยใจหรือ เสียใจที่พ่อแม่ ไม่ ได้อยู่ด้วย กัน เพราะได้เจอและได้อยู่กับ ทั้งสองคนเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่า เลิกกันแล้วหายหน้ากันไป’