วษิ ณุ จติ ศกั ดานนท์ กบั นอ้ งมาคณิ ทร่ี อคอย
กับน้องมาคิณที่รอคอย
คุณเจน-วิษณุ ลูกชายคนเดียวของตระกูลจิตศักดานนท์ ผู้บริหารยูเนี่ยน แพน เอ็กซิบิชั่นส์ บอกกับเราว่า ทั้งเขาและคุณมิสซา ผู้เป็นศรีภรรยา รอคอยอยู่นาน ปีกว่าจะมีทายาทคนแรกให้ได้เชยชม น้องมาคิณในวัย 8 เดือนเกิดมาพร้อมกับ ร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงและเป็นที่รักของทุกคนในครอบครัว
“ถ้าเห็นลูกผมคุณจะรู้สึกมันเขี้ยวเหมือนผม ทุกวันนี้ผมกัดฟันจนปวดฟันตลอด เพราะอาการมันเขี้ยว” คุณเจนพูดติดตลกก่อนจะพูดต่อว่า เขาและภรรยาต้อง พยายามอย่างหนักที่จะมีลูกคนแรกมานานเป็นปี เนื่องจากคุณมิสซาอยากได้ลูกคน โตเป็นผู้ชาย ตอนแรกคิดว่าการมีลูกเป็นเรื่องง่าย แต่จริงๆ แล้วไม่ง่ายเลย เพราะเรา จดจ่อกับเรื่องเหล่านั้นมากเกินไป แต่สุดท้ายแล้วผมว่าการไม่เครียดดีที่สุด
“เพราะผมเองก็ไม่ได้โฟกัสว่าต้องเป็นลูกชาย ไม่ว่าลูกชายหรือลูกสาวก็รักเท่ากัน อยู่ดี แต่ภรรยาผมเขาคิดว่ามีลูกชายจะได้มาดูแลแม่ แต่ลึกๆ แล้วผมแอบคิดว่า สุดท้ายบั้นปลายชีวิตเรา ลูกสาวน่าจะดูแลเราได้มากกว่า เพราะธรรมชาติของผู้หญิง
จะดูแลพ่อแม่อยู่ดี”
ความ ‘ไม่’ เครียดเป็นลาภอัน ประเสริฐ
ระหว่างตั้งท้องคุณมิสซาจึงมี ความสุขมาก กินอาหารได้มาก ที่สำคัญคือไม่เครียด แต่จากนั้น ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อเธอเกิดเจ็บท้องคลอดก่อน กำหนดหกสัปดาห์ คือตั้งครรภ์ ได้ 32 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ การพัฒนาระบบหายใจยังไม่ สมบูรณ์ หากคลอดก่อนกำหนด อาจจะต้องมีสายระโยงระยาง อันเป็นภาพที่ไม่น่าดูเท่าไร
“คุณหมอแนะนำว่า อยู่ในครรภ์ต่อดีกว่าออกมาเลี้ยงข้างนอก ก็ประคองต่อไปได้
อีกสองสัปดาห์ หมอบอกว่าต้องพยายามนอนนิ่งๆ เดินมากไม่ได้ เพราะถ้าเดินมาก จะเกิดอาการเหมือนจะคลอด ให้ระวัง ก็สงสารเขาเหมือนกันครับ”
คุณเจนจึงอยู่เป็นเพื่อนภรรยามาตลอด และอีกวันสำคัญคือวันคลอด ซึ่งเขาคอย ช่วยคุณหมอแบบไม่เกรงกลัวเลือดเอาเสียเลย คุณหมอยังบอกเขาด้วยว่า “ถ้าเป็น คนอื่นคงเป็นลมไปแล้ว แต่ ณ จุดนั้นเราต้องช่วยกัน ช่วยตั้งแต่เบ่งแล้วครับ พยาบาลก็เชียร์กันเหมือนเชียร์บอล ผมรอคุณมิสชาในห้องคลอดอยู่เกือบ 10 ชั่วโมง เธอเจ็บปวด แต่สุดท้ายพอเขาเห็นหน้าลูก ผมถามว่าไม่เจ็บแล้วหรือ เขาบอกลืม ความเจ็บไปเลย ยิ้มอย่างมีความสุข”
ร่วมด้วยช่วยเลี้ยงลูกกัน
เป็นปณิธานตั้งแต่แรกที่ทราบว่าตั้งครรภ์ว่าจะเลี้ยงลูกเอง “แรกๆ คุณมิสซาก็ เหนื่อยหน่อยครับ เพราะต้องตื่นทุกๆ 3 ชั่วโมงเพื่อมาปั๊มนม และผมก็ตื่นมาช่วยด้วย แต่ก็เป็นความเหนื่อยที่มีความสุขดี ทำให้เราตระหนักว่านี่คืออีกชีวิตหนึ่งที่เราต้อง ดูแล แล้วโชคดีที่ลูกผมพอครบเดือนก็นอนยาวเลย 2 ทุ่มบ้าง 3 ทุ่มบ้าง ตื่นอีกทีตี 5 เราก็โอเคสบายเลย”
คุณเจนพูดพลางยิ้มก่อนจะเล่าต่อว่า เขาตั้งใจที่จะส่งต่อความรักปลาคาร์พให้กับ ลูกชาย เหมือนอย่างที่คุณพ่อเขา (ดร.วีระเดช จิตศักดานนท์) เคยปลูกฝังเรื่องนี้ให้กับ คุณเจน
“ก็ดีนะครับ เวลาเด็กอยู่กับธรรมชาติจะมีสมาธิ เพราะว่าสมัยผมเด็กๆ คุณพ่อก็ ปลูกฝังเรื่องนี้ให้ผมเหมือนกัน ท่านก็ชอบปลาคาร์พ เราเห็นท่านเลี้ยง สุดท้ายเราก็ เลี้ยงบ้าง แล้วพอเรามีลูก เราก็มานึกย้อนถึงคุณพ่อคุณแม่เรา ท่านต้องเสียสละเลี้ยง ดูเรามาในยุคที่สิ่งอำนวยความสะดวกยังไม่มากมายเหมือนขนาดนี้ เราก็เลยยิ่งรัก ท่านมากขึ้นอีก เพราะความเป็นพ่อเป็นแม่มาพร้อมกับความเสียสละจริงๆ อะไรที่เรา สละให้ลูกได้ เราสละให้ก่อนครับ”