WELLNESS: ถึงเวลาตาสว่าง
ประมาณกันว่าผู้หญิงอังกฤษราว 7 ล้านรายละเลยปัญหาเรื่องสายตาเสื่อม ลองมาดูกันซิว่าควรจะดูแลรักษาดวงตากันอย่างไรดี
คุณไปตรวจสายตาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ผลการ สำรวจพบว่าผู้หญิงช่วงวัย 35 ถึง 44 ปีตรวจ สายตาทุกๆ 4 ปี ซึ่งเป็นช่วงเว้นระยะห่างที่สุดจากทุก ช่วงวัย แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วสายตาอาจจะ เปลี่ยนแปลงไปก็ได้และอาจเสี่ยงพัฒนาเป็นโรคดวงตา ต่างๆ ได้ก็ตาม HELLO! จึงพูดคุยกับมีนา ราลฮาน นักทัศนมาตร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตาแห่ง Vision Express ถึงวิธีการดูแลรักษาสุขภาพดวงตาที่ถูกต้อง
มีช่วงอายุใดที่มีผลต่อสุขภาพดวงตาที่ควรใส่ใจ มากเป็นพิเศษหรือไม่
“ช่วงอายุ 20 ปีมีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็อาจมีอาการ ตาแห้งได้บ้างจากการใช้จอตามากเกินไป หรือการใช้ ยาต่างๆ เช่น ยากลุ่มแอนติฮีสตามีนรักษาภูมิแพ้ รวม ไปถึงภาวะทางร่างกายต่างๆ เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ ทำงานหนักหรือน้อยเกินไป
“ส่วนช่วงวัย 40 โรคต้อหินซึ่งเป็นโรคดวงตาชนิด หนึ่งที่ทำลายจอประสาทและเส้นประสาทตา อีกทั้งอาจ ก่อให้เกิดอาการตาบอดได้ โรคนี้เกิดขึ้นได้หากคนใน ครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้ โรคต้อกระจกก็เป็นอาการ อีกอย่างหนึ่งที่มักเกิดขึ้นกับคนในช่วงปลายอายุ 50 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการแก่ชราตามปกติ ของเลนส์ภายในดวงตาที่ขุ่นมัวขึ้นอันเนื่องมาจากการ จับตัวของโปรตีน อาการนี้ก่อให้เกิดภาวะสายตาเสื่อม มีปัญหาในการมองเห็นเวลากลางคืนและสายตาไวต่อ แสงสว่างและแสงจ้า
“โรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ” (Age related macular degeneration-armd) มักพบในคนวัย 60 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะหากมีประวัติคนในครอบครัว ที่เป็นโรคนี้ โดยมีความผิดปกติในจอตาที่อยู่ด้านหลัง ลูกตา ในส่วนที่เรียกว่า จุดภาพชัด (macula) สาร สีเหลืองที่เกิดจากการสะสมกันของสารคล้ายโปรตีนเริ่ม ก่อตัวหนาขึ้นรอบๆ จุดนี้จนทำให้มาคูลาแตกในที่สุด”
เราจะป้องกันโรคดวงตาเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง
“ควรเข้ารับการตรวจวัดสายตาทุก 2 ปี เพื่อตรวจว่า สายตามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และเป็นการ ป้องกันดวงตาจากปัจจัยทำลายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต ประจำวันด้วย ไม่ว่าจะเป็นแสงยูวีและควันบุหรี่ ควรซื้อ แว่นกันแดดที่ป้องกันแสงยูวีเอและยูวีบี ซึ่งจะช่วย ป้องกันโรคต้อหินและต้อกระจกได้
“นอกจากนี้ ก่อนแต่งหน้าและก่อนใส่คอนแท็กเลนส์ ควรล้างมือและผิวหน้าให้สะอาดก่อนเสมอ ทำความ สะอาดแปรงแต่งหน้าเป็นประจำ เช็ดล้างเครื่องสำอาง ทุกครั้ง และทิ้งเครื่องสำอางหมดอายุเพื่อป้องกันไม่ให้ แบคทีเรียก่อตัวขึ้นได้”
จอคอมพิวเตอร์ส่งผลต่อสุขภาพดวงตาอย่างไร บ้าง
“การใช้เวลาอยู่หน้าจอนานๆ อาจก่อให้เกิดอาการ สายตาล้า ตาแห้ง ปวดตา และปวดศีรษะร่วมด้วยใน บางครั้ง ควรกะพริบตาและดื่มน้ำบ่อยๆ เคล็ดลับอีก อย่างคือกะพริบตาทุกครั้งที่กดปุ่ม Enter หรือเคาะ เว้นวรรค ฉันแนะนำให้ลองทำตามกฎ 20-20-20 ก็คือ หลังจากอยู่หน้าจอ 20 นาที ให้มองออกไปไกลๆ 20 ฟุต
เป็นเวลา 20 วินาที
“ถ้ามีอาการปวดศีรษะก็ควรไปวัดสายตา การไปพบ นักทัศนมาตรเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าคุณสวมแว่น สายตาควรเลือกเลนส์แบบเคลือบสารป้องกันแสง สะท้อน จะช่วยถนอมดวงตาจากแสงจ้าได้ หรือการติด ฟิลเตอร์หน้าจอก็ช่วยได้เช่นกัน”
เรื่องอาหารสำคัญต่อสุขภาพดวงตาอย่างไร มี อาหารเสริมอะไรบ้างที่คุณแนะนำให้บริโภคเพื่อ ถนอมดวงตา
“โรคดวงตาบางประเภท อาทิ โรคจดุ ภาพชดั ทจ่ี อตา เสอ่ื มในผสู้ งู อายุ (ARMD) การบรโิ ภควติ ามนิ และอาหาร เสรมิ จะชว่ ยปอ้ งกนั โรคไดม้ ากขน้ึ แนะนำใหบ้ รโิ ภคนำ้ มนั ปลาทอ่ี ดุ มไปดว้ ยโอเมกา้ -3 วติ ามนิ ซแี ละสารอาหารรอง ต่างๆ เช่น ลูทีนและซีแซนทิน ซึ่งพบมากในผักใบสีเข้ม ตา่ งๆ สว่ นอาหาร เชน่ ปลาแซลมอน หรอื ปลาทม่ี ไี ขมนั เยอะ ถั่ว เมล็ดพืช และผลไม้รสเปรี้ยวประกอบไปด้วย สารอาหารเหล่านี้เช่นกัน นอกจากนี้ควรลดน้ำตาล สตาร์ช หรือแป้งที่พบในพืชและอาหารแปรรูปต่างๆ ซึ่ง อาจกอ่ ใหเ้ กดิ โรคเบาหวานได้ ซง่ึ โรคนจ้ี ะสง่ ผลตอ่ สขุ ภาพ ดวงตาและอาจทำใหต้ าบอดไดใ้ นทส่ี ดุ ”
จริงหรือไม่ที่ผู้หญิงเป็นโรคตาและมีปัญหาสายตา มากกว่าผู้ชาย
“ผลวิจัยพบว่าผู้หญิงมีอายุขัยยืนยาวกว่าผู้ชาย ดังนั้นผู้หญิงจึงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคทางสายตาที่ สัมพันธ์กับวัยอย่างโรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมในผู้สูง อายุ (ARMD) และต้อกระจกมากขึ้นด้วย อาการทาง ดวงตาบางชนิด เช่น ตาแห้ง พบมากในผู้หญิงมากกว่า ผู้ชายเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในช่วงวัยต่างๆ ผู้หญิงยังเสี่ยงมีภาวะทางภูมิคุ้มกันต่างๆ มากกว่า เช่น โรคต่อมไทรอยด์ โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคปลอกประสาท อักเสบ และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นต้น ซึ่งโรค ต่างๆ เหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคตาได้ทั้งสิ้น”