อมตา จิตตะเสนีย์ ค้นพบชีวิตใหม่ หลังได้รู้จักผ้าไทย
ค้นพบชีวิตใหม่ หลังได้รู้จัก ‘ผ้าไทย’
เอ่ยชื่อ ‘แพร์รี่พาย’ เธอคืออินฟลูเอนเซอร์ด้านความงามระดับ ตัวแม่ของเมืองไทย อินสตาแกรมของเธอมีคนติดตามหลักล้าน ช่างเป็นฝันของใครหลายคนที่อยากประสบความสำเร็จเช่นเธอ แต่ ใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนเดียวกันนี้ เมื่อกว่าสองปีที่ผ่านมา เธอประสบ อาถรรพ์ 7 year itch กับแวดวงเครื่องสำอาง ความรู้สึกโหวงเหวง เกิดขึ้นในใจพร้อมกับการถามหาเป้าหมายชีวิตถี่ซ้ำอย่างที่ไม่เคย เกิดขึ้นมาก่อน
แล้ว ‘ผ้าไทย’ ผืนหนึ่งก็พาเธอไปตามหาคำตอบให้กับเจ้า
คำถามคาใจนั้น
คุณแพรค่อยๆ เริ่มต้นการสนทนาด้วยการบอกเล่าถึงทุกข์ใน อดีต “ชีวิตช่วงนั้นเครียดมาก รู้สึกตัวเองไร้ค่าไม่มีประโยชน์ แต่ก็ ยังทำงานไปด้วย มีแค่ตัวเองที่รู้ว่าเราไม่ได้สุขจริงๆ ต่างจาก ตอนนี้ที่สุขได้ทุกวัน” เธอยิ้มนิดๆ ที่มุมปากพลางทอดจังหวะ การเล่านิดนึง “ครั้งนั้นแพรไปเป็นวิทยากรที่มหาวิทยาลัย ขอนแก่นเกี่ยวกับความสำคัญของการแต่งหน้าให้ดูน่าเชื่อถือ และมีความมั่นใจในตัวเอง พูดจบอาจารย์ให้ผ้าไทยเป็น ของที่ระลึก และบอกว่าที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องผ้าไทยนะ พอดีว่างก็ เลยชวนเพื่อนไปดูด้วยกัน”
สองสาวเมืองกรุงมุ่งหน้าสู่ ต.ชนบท ท่ามกลางทุ่งนา เต็มสองข้างทาง ผ่านบ้านที่กำลังสาวไหมอยู่ คุยไปคุยมา เจ้าของบ้านจึงชวนเข้าบ้านไปชมคอลเลกชั่นผ้าทอของ ตัวเอง คุณแพรเห็นแล้วตะลึงในความสวยของผ้าทอ สีเทาย้อมจากเปลือกไม้ผืนนั้น แต่พอได้ยินว่าผ้าทอ 4 เมตร ราคา 30,000 บาท เธอจึงต่อรองด้วยการแต่งหน้า ให้ สาวชาวบ้านรุ่นราวคราวแม่ที่วันๆ อยู่แต่กับกี่ทอผ้า ได้แต่งแต้มสีสันบนใบหน้า ทำเอาเจ้าตัวตื่นเต้นดีใจ น้ำตาไหล และอยากอวดความงามให้เพื่อนบ้านเห็น จึงถือโอกาสพาสาวกรุงตะลอนทัวร์ทั่วหมู่บ้าน “เห็นบ้านนี้ปลูกหม่อน บ้านนั้นสาวไหม บ้านโน้น เอาไหมมาทอ เดินไปเจอกล้วยก็เด็ดส่งให้กิน หิวน้ำก็ แวะซื้อน้ำให้กินฟรีๆ ตกเย็นก็ตำส้มตำเลี้ยง แล้วยังให้ คนปีนเก็บมะพร้าวสดๆ มาเฉาะให้กินอีก... ทั้งๆ ที่เรา เป็นคนแปลกหน้า เจอกันครั้งแรก” น้ำเสียงและแววตา ของเธอบ่งบอกความรู้สึกอย่างเต็มเปี่ยม “แต่ผ้าไหม สีเทาผืนนั้นพาแพรไปสัมผัสน้ำใสใจจริงของคน” จาก คนที่กำลังทุกข์ สับสนในชีวิต ได้เจอน้ำใจจากคนใจดี มี ความเมตตาเอ็นดูมอบให้จากใจจริง ทำให้คุณแพรรู้สึก ตื่นเต้นกับชีวิตเหมือนได้พบโลกใบใหม่ คุณแพรนำผ้าไหมสีเทาผืนนั้นไปตัดสูทใส่ไปงาน แฟชั่นโชว์ของ Dior ที่ปารีส “มีแต่คนเดินเข้ามาชมว่าสูท คุณเท่มากสวยมาก นี่คือผ้าอะไรเหรอ” นั่นคือการจุด ประกายให้เธอเขยิบใกล้ผ้าไทยขึ้นไปอีก เธอกลับเมืองไทยด้วยหัวใจพองฟูว่า ‘ผ้าไทย เวิร์กแฮะ ใส่แล้วรู้สึกเท่ดี และก็แมตช์กับแอ็กเซส เซอรี่ส์อย่างอื่นได้’ เหมือนจังหวะชีวิตจะลิขิต ไว้ หลังจากนั้นคุณแพรมีโอกาสลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ โดยมีเจ้าถิ่นอย่างคุณแนนชิดชนก ชิดชอบ พาไปเจอป้าสำรวย “ป้าพาขึ้นภูเขา เป็นครั้งแรกที่ได้ เรียนรู้เรื่องระบบนิเวศในป่า ได้รู้จัก การนำสีธรรมชาติมาย้อมผ้า ได้ รู้จักผ้าภูอัคนีว่ามีสีส้ม สีชาไทย สีชมพูจากดินภูเขาไฟในจังหวัด ขาลงก็เก็บขยะติดมือลงมาทิ้ง และ ก็แวะเก็บหน่อไม้กับเห็ดมาทำ
อาหาร” ชีวิตที่เคยแวดล้อมด้วยสรรพวัตถุมาหลายปี เจอ ความเรียบง่ายของธรรมชาติเข้าไป ไม่เพียงทำให้คุณแพร อยากรแู้ ละตน่ื เตน้ กบั สง่ิ ใหมร่ อบตวั หากเธอยงั นำมาตอ่ ยอด ใชป้ รบั ทศั นคติและการมองโลกของตัวเองอีกด้วย คุณแพรเรียนที่อังกฤษตั้งแต่อายุ 15 ปี จบด้านการ ออกแบบการแสดงจาก Central Saint Martins เธอเปดิ ใจบอก เราตรงๆ ว่า “แพรอาจให้ข้อมูลเกี่ยวกับผ้าไทยได้ไม่มาก เพราะนี่คือสิ่งใหม่ในชีวิตที่แพรกำลังศึกษาและเรียนรู้อยู่ แต่ผ้าไทยทำให้การเดินทางในชีวิตแพรดีขึ้นกว่าเดิม” อีกครั้งที่เธอพรั่งพรูความรู้สึกลึกๆ ในใจออกมา “เรา ไปเรียนเมืองนอกมานาน ไม่เคยสังเกตเห็นสิ่งเล็กน้อย รอบตัวที่เมืองไทยเลย ไม่ว่าจะขนบธรรมเนียม ประเพณี อาหาร สมนุ ไพร พืชท้องถิ่น หรือผ้าไทย ตอนนี้ชีวิตแพรสุข อกี แบบ อาจเพราะโตขน้ึ ไดเ้ หน็ อะไรมากขน้ึ ดว้ ย แพรมา ถึงจุดที่ชีวิตไม่ใช่แค่ตัวเราอีกต่อไปแล้ว การได้นึกถึง คนอื่น ได้ทำประโยชน์เพื่อคนอื่น นี่คือความสุข ในทกุ วนั น”้ี เราสัมผัสได้ถึงความนิ่งและเป็นผู้ใหญ่ มากขึ้นในตัวคุณแพร และสิ่งที่เห็น ชัดเจนคือการแต่งกายที่เปลี่ยนไป ของเธอ “แพรไม่รู้หรอกว่าผ้าไทย เอามาใส่ยังไง แต่รู้สไตล์ตัวเองว่า เป็นแบบไหน รู้ว่าแพรนุ่งผ้าถุงใส่ ก้าวขึ้นบีทีเอสได้ไม่สะดวก ก็แค่ ปรับให้การใส่ผ้าไทยเหมาะกับวิถี ชีวิตตัวเอง แพรเริ่มต้นจากความโง่ และบ้ามากที่เอาผ้าไหมสีเทาผืนนั้น มาตัดสูท ทั้งที่ด้วยราคาและความสวย ของเนื้อผ้าแล้วควรได้ใช้เนื้อผ้าให้เต็มที่ กว่านั้น แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าสูทตัวนั้น คุ้มค่ามาก แพรชอบถ่ายรูปและการเดินทาง จะมีลิสต์จุดหมายปลายทางที่ถือเป็นเป้าหมาย อย่างหนึ่งในชีวิต การใช้ผ้าไทยของแพรจงึ ขน้ึ อยู่ กับสถานที่ที่จะนำไปใส่ อย่างไปไร่ชาชิซึโอกะที่ ญป่ี นุ่ กใ็ สผ่ า้ สเี ขยี ว ไปดมู นิ เนย่ี นทย่ี นู เิ วอรแ์ ซลฯ ก็ใส่สีเหลือง ไปอินเดียก็ใส่เดรสผ้าไหมสีชมพู เวลาไปเมืองนอกแล้วใส่ผ้าไทย นอกจาก ภูมิใจแล้ว แพรไม่เคยเขินเลย เพราะทุก ชุดที่ใส่ตัดเย็บในสไตล์เราจริงๆ “ไม่อยากให้คนใส่ผ้าไทยเพราะเห็น คนอื่นใส่ แต่อยากให้รู้ถึงที่มาและ เห็นคุณค่าของผ้าไทยก่อน เพราะผ้าไทยเป็นสิ่งที่มีค่าใน ตัวเอง และทุกคนสวมใส่ได้ จริงๆ แค่หาแนวทางที่ชอบ และเหมาะกับสไตล์ตัวเอง ให้เจอ ถึงแพรจะตัด ผ้าไทยเป็นชุด แต่เรารู้ว่า จะมิกซ์แอนด์แมตช์ยังไง ให้กลับไปใส่ได้
เรื่อยๆ ยิ่งได้ชมสารคดีในเน็ตฟลิกซ์เรื่อง The True Cost ได้รู้มูลค่าที่แท้จริงของ ธุรกิจฟาสต์แฟชั่น ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความ ฉาบฉวยของแฟชั่น แต่ผ้าไทยเป็นสิ่งที่ใส่ ได้เรื่อยๆ
“ใครที่ยังหาสไตล์ตัวเองไม่เจอ แพร แนะนำให้กลับไปเปิดตู้เสื้อผ้าดู อย่างแพร จะเห็นว่ามีกระโปรงทรงพองๆ เยอะเพราะ เป็นคนมีพุง มีเอว และขาใหญ่ กระโปรง ทรงนี้จะทำให้ดูขายาวขึ้นและปัญหาเหล่า นั้นหมดไป การเริ่มต้นกับผ้าไทยไม่ใช่ เรอ่ื งยาก การแตง่ ตวั เปน็ แคเ่ พยี งเรอ่ื งหนง่ึ แต่วัฒนธรรมต่างหากที่สำคัญ อยากให้ ไปลองเดินงาน OTOP จากที่แพรเคยรู้สึก ว่าเป็นอีเวนต์ของคนมีอายุ แต่เดี๋ยวนี้ เหมือนได้กลับมารักรากเหง้าของตัวเอง การเป็นตัวเองไม่ใช่เรื่องน่าอายสักหน่อย มันคือสิ่งที่เจ๋งมากต่างหาก ทุกวันนี้แพร สนุกกับการเรียนรู้เรื่องสีจากธรรมชาติ ยิ่ง ศึกษายิ่งทึ่ง สีที่ชอบที่สุดตอนนี้คือโทนส้ม นม ชมพูนมจากดินภูเขาไฟของบุรีรัมย์ แต่ยังมีสีจากธรรมชาติอีกมากมายรอให้ แพรได้ไปรู้จัก นี่แค่ในภาคอีสาน ยังไม่ได้ ไปภาคอื่นเลย
“อยากให้ทุกคนหันมาชื่นชมกับสิ่งเล็ก น้อยใกล้ตัว เพราะนี่คือการปลดล็อกชีวิต ตัวเองด้วยการมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย คำถามว่าเราเกิดมาเพื่ออะไรยังคงดังก้อง อยู่ แต่แพรไม่โฟกัสที่คำตอบอีกแล้ว เพราะไม่สำคัญแล้วว่าเป้าหมายชีวิตคือ อะไร แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ตา่ งหากทส่ี ำคญั มากกวา่ สำหรบั แพร”
‘แพรอาจให้ข้อมูล เกี่ยวกับผ้าไทยได้ไม่มาก เพราะนี่คือสิ่งใหม่ใน ชีวิตที่แพรกำลังศึกษา และเรียนรู้อยู่ แต่ผ้าไทย ทำให้การเดินทางในชีวิต แพรดีขึ้นกว่าเดิม’