จันทมน แย้มพันธุ์ เซเลบริตี้สาวแสนซน ผู้ทลายกฎเหล็กแห่งบ้าน ‘นายทหาร’
เซเลบริตี้สาวแสนซน ผู้ทลายกฎเหล็กแห่งบ้าน ‘นายทหาร’
เห็นลุคเป็น ‘สาวเปรี้ยวซ่าส์’ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความ มั่นใจ พร้อมฉีกทุกกฎเกณฑ์จำเจ สวนทางกับ ‘ความ เครง่ ครดั ’ ตกี รอบของบา้ น ‘นายทหาร’ สำหรบั ‘คณุ มนจันทมน แย้มพันธุ์’ ลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณพ่อ อาร์ม-พล.อ. พุทธวัตร์ ยุทธนาวชพงศ์ และคุณแม่ แดง-พล.ต.หญิง ณิชาภา วิชิตชลชัย อีกทั้งยังเป็น หลานสาวคนโปรดของคณุ ปพู่ ลเอก ยทุ ธนา แยม้ พนั ธ์ุ อดีตแม่ทัพภาค 4 ผู้กล้าหาญชาญชัย เจ้าของฉายา ‘นายพลกระดูกเหล็ก’
“ยอมรับตรงๆ ว่า ตอนเด็กมนดื้อมาก จนคุณปู่ คุณย่าออกปากบอกเลี้ยงไม่ไหวแล้ว ถึงท่านจะไม่ได้ โกรธ แต่ขอหลบไปอยู่บ้านที่เชียงใหม่กันสักพัก ทำให้เรารู้และเข้าใจเลยว่า ถ้าทำตัวไม่ดี เราจะ ไม่เหลือใครเลย ทุกวันนี้มนยังรู้สึกผิดฝังอยู่ในใจ ถ้า ย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ มนจะไม่ทำตัวแบบนั้น เด็ดขาดค่ะ”
หลานสาวหัวดื้อที่กลายเป็น ‘คนโปรด’ ของ ครอบครัว
แมจ้ ะเปน็ ‘เดก็ ดอ้ื ’ ในสายตาใครๆ แตท่ กุ ความรน้ั ของเธอกลับมีเหตุผลซ่อนอยู่ “เวลามีเรื่องอะไร เรา จะคุยกับคุณพ่อคุณแม่ รวมไปถึงคุณปู่คุณย่าทุกๆ เรื่อง ไม่เคยโกหก อย่างวันที่จะไปเที่ยวกับเพื่อนๆ วันแรก มนก็เรียกทุกคนมาพร้อมหน้า และถามว่ามี 2 ตัวเลือก คือ หนึ่ง ไปเที่ยวโดยที่ทุกคนรู้ ว่าไปที่ไหน กลับเมื่อไหร่ คนขับรถรับ-ส่งกี่โมง และสอง คือทุกคน หลบั หมดแลว้ ไมร่ เู้ รอ่ื งอะไรเลย ทกุ คนเลอื กแบบไหน? แล้วแน่นอนว่าทุกคนเลือกข้อเสนอแรก มนรู้สึกโชคดี มากๆ ที่ครอบครัวเข้าใจ ให้อิสระทางความคิด และ ไม่เคยบังคับหรือกดดันอะไรเลย รวมไปถึงเรื่องการ เรียนด้วย”
ครอบครัวรุ่นพี่-รุ่นน้องจิตรลดา
“บ้านเราเรียนที่จิตรลดามาตั้งแต่รุ่นของคุณพ่อ เลยค่ะ เพราะคุณปู่เป็นข้าราชการทหาร ทำงานรับใช้ ใต้เบื้องพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ลูกๆ จึงได้สิทธิ์เรียน ที่นี่ทั้งหมดและส่งต่อมาจนถึงรุ่นหลานๆ ด้วย คุณพ่อ เรียนรุ่น 5 ส่วนมนเรียนรุ่น 35 ค่ะ พอจบม.6 มนเลือก ไปเรียนต่อด้านศิลปศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยความที่อยากจะหลีก หนีจากตัวเลข เพราะมนไม่เก่งเลขเลยจริงๆ ค่ะ (หัวเราะ)”
ออกเดินทางตามเส้นทางฝัน
เมอ่ื ตดั สนิ ใจรำ่ เรยี นดา้ นภาษา เธอกเ็ อาจรงิ เอาจงั ก่อนต่อยอดไปเรียนภาษาฝรั่งเศสถึงถิ่น “ตอนแรก มนตั้งใจไปเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ แต่มีโอกาสไป เยี่ยมลูกพี่ลูกน้องที่ย้ายไปเรียนอยู่ฝรั่งเศส รู้สึกชอบ บรรยากาศ จึงลงเรียนภาษาฝรั่งเศสอยู่ปีกว่าๆ ก่อน สมัครเรียนด้านแฟชั่นด้วยเป็นคนชอบแต่งตัว แต่พอ เอาเข้าจริง การเรียนแฟชั่นไม่ได้จำกัดแค่ดีไซน์อย่าง เดียว มีทั้งเรื่อง Branding, Inventory, Stock List, Display, Buyer ฯลฯ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับแฟชั่น ทำให้ ต้องทบทวนตัวเองอีกครั้ง
“พอรู้ว่าเริ่มไม่ใช่ทางของตัวเอง มนก็เริ่มปรึกษา กับคุณพ่อ ซึ่งท่านพูดมาประโยคหนึ่งว่า ‘ถ้าไม่ชอบก็ แคล่ าออก แลว้ ไปสมคั รเรยี นใหมท่ ช่ี อบแลว้ กนั ’ ไดย้ นิ แค่นั้นน้ำตามนไหลพรากเลยค่ะ เพราะเชื่อว่าถ้าเป็น คนอื่นคงจะพูดปลอบใจเราว่า ‘อดทนเรียนไป อีกนิด เดียวก็จะจบแล้ว’ แต่นี่เป็นพ่อเรา ที่เข้าใจเรามาก ที่สุด และไม่เคยบังคับหรือกดดันอะไรลูกเลยจริงๆ”
จนเปน็ ทม่ี าของการเรม่ิ ตน้ เสน้ ทางใหมก่ บั การเรยี น ด้าน MBA Luxury Management ที่ Institut supérieur du commerce de Paris (ISC) เพราะรู้ดีว่าคงหนีตัวเลข ไม่พ้น “จริงๆ เป็นหลักสูตรที่เรียนเกี่ยวกับ Luxury Industry ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Fashion, Auto, Mobile, Car, Wine and Spirit, มีแบบ Real Estate, Medical ฯลฯ เรียกว่าทุกอย่างที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา เลย แต่เป็นกลุ่มของลักซ์ชัวรีแบรนด์นะคะ”
จาก ‘แหล่งข่าว’ สู่การเป็น ‘นักข่าว’
หลังคว้าปริญญาโท MBA Luxury Management มาให้ครอบครัวได้ภูมิใจสำเร็จ คุณมนขอลองวิชา ทันที ด้วยการฝึกงานเป็นนักเขียนที่ www.luxsure.fr แมกกาซีนออนไลน์ ซึ่งตรงกับสิ่งที่เรียนมา และเธอ ตั้งใจทำงานต่อที่นั่นเลย แต่ดันมีเหตุให้ต้องกลับไทย เร็วกว่ากำหนดเพราะป่วยภูมิแพ้หนัก จำเป็นต้อง รักษาอย่างต่อเนื่อง
“มนมีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์ดีไซเนอร์แบรนด์ แฟชั่นดังๆ หลายท่านเลย รวมถึงได้รับเกียรติเชิญ ร่วมชม Couture Fashion Week หลายครั้ง ซึ่งเป็น บรรยากาศที่แตกต่างกับตอนที่อยู่เมืองไทย เพราะ เราเป็นฝ่ายที่ถูกนักข่าวสัมภาษณ์เวลาไปออกงาน สังคม รู้สึกมีความสุขและสนุกสนานกับการทำงาน มากๆ ค่ะ แต่น่าเสียดายที่ต้องกลับเมืองไทยซะก่อน ตอนนี้มนเลยกลับมาช่วยงานใน BRM Medical Club ธุรกิจของครอบครัว โดยรับผิดชอบงานด้านประชา สัมพันธ์ และช่วยพัฒนาให้เป็นคลับสำหรับคน รุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและความงามด้วยเทคโนโลยีที่ ทันสมัยในอนาคตต่อไปค่ะ”