กฤษฎิ์ ศุภเดชชูชัย ของสะสมสุดรักที่ใจสั่งมา
ความประทบั ใจแหง่ เรอื นเวลา ของสะสมสดุ รกั ที่ใจสงั่ มา
เพราะการได้เลือกสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ จะทำให้เรา หยิบมาใช้บ่อย ใช้แล้วมีความสุข หลังจากที่ได้ Patek Philippe ก็ค่อยๆ สนใจและศึกษาเกี่ยวกับนาฬิกามาก ขึ้นก็ยิ่งรู้สึกประทับใจ รู้สึกว่าเป็นของใช้ที่ผสมผสานไป ด้วยคุณค่าแห่งงานศิลปะ ทักษะและความรู้ ยิ่งนาฬิกา ไฮเอนด์ทั้งหลาย รู้สึกได้เลยว่าเหนือกว่านาฬิกาทั่วไป จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการดีไซน์ ความประณีตในการ ผลิต และทักษะในเชิงจักรกล
“เรือนต่อมาที่ผมประทับใจเป็นพิเศษคือ Hublot Big Bang Sang Bleu เห็นครั้งแรกรู้สึกว่าทำไมถึงดูเท่และ แปลกตาขนาดนี้ คือเขาใช้แผ่นเฟรมเรขาคณิตแทนเข็ม ในการบอกเวลา ส่วนตัวเรือนก็ถูกขัดเป็นเหลี่ยมมุม อย่างมีดีไซน์ แถมฝังเพชรทั่วเรือนซึ่งไม่ได้ดูหรูหรา แต่ดู เท่มากๆ ออกแนวฮิปฮอป ไม่เหมือนใคร อยากได้มาก ถึงมากที่สุด ผมตัดสินใจโทร.หาตัวแทน จากนั้นไม่นาน ทางตัวแทนก็เอาเข้ามาขาย แล้วติดต่อผมให้มาดูเป็น คนแรก สรุปว่าผมก็ได้นาฬิการุ่นนี้มาครอบครองเป็น คนแรกของประเทศไทย ผมเลือกเรือนทองขาวฝังเพชร ราคาประมาณ 1.5 ล้านบาท พอได้มาสักพักผมก็ไปซื้อ มาอีกเรือนให้กับแฟนไว้ใส่คู่กันเหมือน Patek Philippe แต่ของเขาจะเป็นรุ่นตัวเรือนโรสโกลด์”
และที่ต้องเอามาโชว์อีกเรือนคือ Audemars Piguet Royal Oak Double Balance Wheel Openworked Rose Gold เนื่องจากเป็นรุ่นที่หายากและมีเงื่อนไขในการซื้อที่ ค่อนข้างยุ่งยาก แต่คุณกฤษฎิ์ก็ได้มาในแบบที่ต้องบอก ว่าโชคดีจริงๆ
“เรือนนี้เป็นนาฬิกาที่หายากรุ่นหนึ่งเลยครับ เห็น แล้วปิ๊งเลย สวย ประณีตมากๆ ถึงขนาดเก็บไปฝันเลย นะ บอกทางร้านว่าอยากได้ตัวเรือนและสายโรสโกลด์ ซึ่งก็ไม่ได้คาดหวังหรอกว่าจะได้เพราะรู้ว่าเป็นรุ่นหา ยาก ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ปรากฏว่าเขาสามารถ หามาได้ ก็ถือว่าโชคดีมากๆ เพราะถ้าให้มาซื้อตอนนี้ คงยากขึ้นอีกหลายเท่า เพราะทาง Audemars Piguet เปลี่ยนนโยบายใหม่ คนที่จะซื้อนาฬิการุ่นนี้ได้ต้องทำ ยอดสั่งซื้อสะสมรวมกันไม่น้อยกว่า 25 ล้านบาทจึงจะมี สิทธิ์สั่งซื้อ”
ความประทับใจอีกเรือนที่คุณกฤษฎิ์หยิบยกเรื่องมา เล่าให้ฟังคือ Richard Mille ซึ่งแต่ก่อนเป็นแบรนด์ที่เต็ม ไปด้วยอคติ แต่พอได้สัมผัส ได้ศึกษาเรื่องราวแบบจริงๆ จังๆ ความคิดอคตินั้นก็พลันหายไปทันที และกลับ กลายมาเป็นหนึ่งในแบรนด์โปรดที่ต้องพูดถึง
“สำหรับ Richard Mille เรือนนี้คือรุ่น RM11-01
Roberto Mancini ซื้อมาด้วยเหตุผลที่เป็นคนชอบดู ฟุตบอล แต่ผมไม่ได้ชอบ Roberto Mancini นะ เพราะ เขาเป็นโค้ชคุมทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ ส่วนผมเป็นแฟน ฟุตบอลทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แต่นาฬิกาสวย โอเค เรื่องนี้ข้ามไปก็ได้ คือเป็นเรือนที่ออกแบบมาเพื่อ ฟุตบอลจริงๆ ฟังก์ชั่นจับเวลาถูกออกแบบมาเพื่อการ แข่งขันฟุตบอลโดยเฉพาะ มีส่วนแข่งขัน 45 นาฬิกา ส่วนทดเวลาบาดเจ็บ ส่วน พักครึ่ง ซึ่งผมคิดว่าเป็นอะไรที่เจ๋ง มากๆ แถมดีไซน์ก็ไม่เหมือนใครด้วย เดิมทีผมมอง Richard Mille อคติ มาก แต่พอได้มาศึกษาเรื่องราว ของเขาจรงิ ๆ ทจ่ี รงิ มนั เจง๋ มาก ทุกอย่างออกแบบ และ สร้างสรรค์อย่างพิถีพิถัน มีคอนเซปต์ มีความเป็น นวัตกรรม
“เรือนนี้ผมได้มาในราคา 5.3 ล้านบาท ซึ่งคุ้มค่ามาก เพราะตอนซื้อผมได้โปรโมชั่นจาก
บัตรเครดิต ซึ่งทางร้านได้มีร่วมกับ บัตรเครดิตว่าถ้าซื้อนาฬิกาแบรนด์นี้ จากบัตรนี้แล้วจะได้แต้มคูณ 10 เท่า แล้วผมเป็นคนที่ต้องบินไปต่างประเทศ
บ่อยๆ พอมาคิดว่าเราสามารถแปลงแต้ม บัตรเครดิตมาเป็นไมล์สำหรับการ
เดินทาง ซึ่งในราคาเท่านี้เท่ากับ ว่าผมสามารถบินชั้นเฟิร์สต์คลาส
ไปกลับยุโรปได้ 5 - 6 รอบแบบ
ฟรีๆ จึงเหมือนกับว่าได้นาฬิกาที่
ชอบด้วย แล้วก็ได้ค่าตั๋วเครื่องบิน ฟรีด้วย ผมถึงบอกว่าคุ้มค่ามากๆ และนั่นก็เป็นเหตุผล ที่ผมมักซื้อนาฬิกาจากบูติกบ้านเรา เพราะแต่ละร้านจะ มีโปรโมชั่น มีส่วนลด มีเรื่องของบริการหลังการขาย ถ้า เป็นลูกค้าประจำก็อาจมีสิทธิพิเศษต่างๆ เทียบกับซื้อ จากต่างประเทศ โอเค อาจได้ในราคาที่ถูกกว่าเล็กน้อย แต่จะไม่ได้โปรโมชั่น ไม่ได้บริการหลังการขายเท่ากับที่ เมืองไทย ดีไม่ดีเจอศุลกากรตรวจสอบอีก ซื้อจากบ้านเรานี่แหละครับ คุ้มและ สบายใจที่สุดแล้ว” เมื่อถามถึงเรือนที่ภูมิใจที่สุด คุณกฤษฎิ์ก็ไม่ลังเลที่จะชี้นิ้วไปที่ Ulysse Nardin รุ่น Hourstriker Erotica Jarretiere “Ulysse Nardin เรือนนี้เป็นนาฬิกา แนวอีโรติก มีตุ๊กตาเป็นรูป คนกำลังทำกิจกรรมบทรัก กันอยู่บนหน้าปัด สามารถ ขยับได้ตามจังหวะเคาะเสียง ระฆังของฟังก์ชั่น Hourstriker ตอนที่ผมตัดสินใจว่าจะซื้อ นาฬิกา รุ่นนี้ขายไปหมดแล้วเพราะผลิตมาแค่ 28 เรือนเท่านั้น ก็รู้สึกเสียดายเล็กๆ พอ ผ่านไปพักหนึ่งทางแบรนด์เชิญผมไป ร่วมงานที่ประเทศมาเลเซีย เลยได้โอกาส ลองถามผู้บริหารดูอีกทีว่ามีรุ่นนี้เหลืออยู่ หรือเปล่า ก็ได้คำตอบว่าของ หมดจริงๆ เหลือแต่รุ่นแพลทินัม ซึ่งผมไม่ชอบ จึงแกล้งพูดไปว่า อยากได้ เป็นโรสโกลด์ ช่วยทำ พิเศษเลยได้ไหม ปรากฏว่าเขา ไปทำให้จริง เอาไปล้อมเพชร เหลี่ยม แล้วทำมาให้เฉพาะผมเป็นเรือนเดียวในโลก ด้านข้างเรือนแกะสลัก 1/1 ไม่มีที่ไหนอีกแล้ว เพิ่งได้มา เมื่อปลายปีที่แล้ว ราคา 4 ล้านกว่าบาท ใช้เวลาทำอยู่ เกือบครึ่งปี ก็เลยรู้สึกภูมิใจเป็นพิเศษ
“สว่ นอกี เรอื นทเ่ี อามาใหด้ เู ปน็ Rolex Daytona เรอื นนี้ เป็นโมเดลก่อนรุ่นปัจจุบัน เป็นนาฬิกาสปอร์ตที่มองดู แล้วรู้สึกดี เข้ากับชุดได้หลากหลาย ที่ชอบมากคือสี ช็อกโกแลตของหน้าปัด ดูแปลกกว่ารุ่นอื่นๆ ที่เคยทำ ออกมา และ Rolex เป็นแบรนด์ที่เก็บไว้แล้วคุ้มค่า เวลา ผา่ นไปกม็ แี ตม่ ลู คา่ จะเพม่ิ แตต่ รงนน้ั เปน็ เรอ่ื งรอง สำคญั ที่สุดคือเราชอบและมีความสุขที่จะใส่มันมากกว่า”
นอกเหนือจากการได้ครอบครอง การได้ใช้งานในสิ่ง ที่ตัวเองรักอย่างเต็มที่ ถือเป็นสิ่งที่สร้างความสุขแบบ คูณสองให้กับคุณกฤษฎิ์ เพราะเขาเชื่อว่าคุณค่าของ นาฬิกาจะเปล่งประกายอย่างถึงที่สุดต่อเมื่อได้อยู่บน ข้อมือ
“นาฬิกาของผมใช้งานทุกเรือน จะถูกจะแพงยังไง ต้องเอามาสลับกันใช้ เพราะความสุขของผมอยู่ที่การ ได้ใช้ในสิ่งที่ตัวเองรัก อีกอย่างหนึ่งนาฬิกาเป็นเครื่อง ประดับที่สามารถสะท้อนบุคลิกและความน่าเชื่อถือของ ผู้สวมใส่ได้ด้วย สมมุติว่าต้องไปติดต่อธุรกิจสำคัญกับ ผู้ใหญ่ผมก็จะเลือกแบรนด์ที่ดีๆ หน่อย เช่น Patek Philippe เพราะด้วยชื่อเสียงและความภูมิฐานในตัว นาฬิกาสามารถสะท้อนความน่าเชื่อถือของเราได้ ยิ่งถ้า เป็นคนชอบนาฬิกาเหมือนกัน ก็ทำให้มีเรื่องคุยระหว่าง กันมากขึ้น สิ่งต่างๆ ก็จะดำเนินไปได้ด้วยดี นอกจาก นั้นยังสร้างเพื่อน สร้างมิตรภาพ ทุกวันนี้ผมได้เพื่อน ใหม่จากนาฬิกาเยอะเลยนะ เหมือนเป็นสิ่งที่ดึงดูดคนที่ มีความชอบเหมือนกัน ให้เข้ามาหากัน ทำให้เรามีความ สุขและสนุกในการสะสมมากขึ้น” และความสุขที่ได้จาก การสะสมนาฬิกานั้นก็จะกลายเป็นคุณค่าและความ ทรงจำที่ส่งต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น
“นาฬิกาทุกเรือนคือ Passion ดังนั้นตั้งแต่ซื้อนาฬิกา มาผมยังไม่รู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจผิดเลยสักครั้ง เพราะ ทุกเรือนผ่านการคิด ไตร่ตรอง ถามใจแล้วว่าชอบจริงๆ รักจริงๆ จึงไม่มีเรือนไหนที่มีความรู้สึกประมาณว่าไม่น่า ซื้อมาเลย สิ่งเหล่านี้คือความสุขทางใจซึ่งจะอยู่ด้วยกัน ตลอดไป แม้วันหนึ่งที่ผมไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว สิ่งของ เหล่านี้ก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่ส่งต่อให้กับลูกหลานของเรา เป็นความรักความทรงจำของเราที่ส่งต่อให้กับเขา”