Hello! (Thailand)
นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์
-
PHOTOS: ชัยฤทธิ์ ประไพ PHOTOGRAPHY ASSISTANT: ณฐดนย์ ขจรแสง
‘บ้านหลังนี้สร้างอย่างที่ใจอยากให้เป็น’
เรือนศิลากรุกระจกใสสไตล์โมเดิร์น หันหน้าสู่เวิ้งอ่าวและ ป่าโกงกาง ใกล้ชิดธรรมชาติเพียงแค่ก้าวผ่าน เป็นบ้านที่ รวบรวมของสะสมมูลค่าสูงจากศิลปินระดับประเทศ และของที่ระลึกจากการเดินทางไปทั่วโลก
‘บ้านเก่าที่ติดมากับที่เป็นไม้ตะเคียนทอง ทั้งหลัง …พอผมจะมาปลูก ก็ให้โจทย์กับ สถาปนิกว่า ต้องเอาไม้จากบ้านเก่ามาใช้’ ‘เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นของอิตาลี มีของอังกฤษปนมาบ้าง’
‘ส่วนหินครกที่ผมอยากได้ แถวนี้ ไม่มีแล้ว เขาก็เลยไปหาหินแกรนิตที่มีเนื้อและสีเหมือน หินครกของอ่างศิลา นำมากรุบ้านแทน’
‘ผนังละลานตาไปด้วยภาพเขียนศิลปินระดับแนวหน้าของ เมืองไทยที่คุณหมอสะสมไว้เป็นงานอดิเรก’
ที่ บางแสน มีบ้านโมเดิร์นอยู่หลังหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในรั้ว สูง ด้านหน้าติดถนน ด้านหลังหันออกทะเล ยามเช้า ที่น้ำลด จะเห็นนกกระยางขายาวเก้งก้าง เหยาะย่าง ราวกับตัวตลกเดินอยู่บนไม้ต่อขาสูงๆ ปากยาวๆ ไซ้จับ หอยกิน ไกลลิบๆ เห็นแนวกระชังเลี้ยงหอยนางรมและ หอยแครง ครั้งตกบ่ายที่น้ำทะเลหนุนขึ้น จะเห็นเรือ ประมงแล่นกลับบ้านจากการหาปลา ผ่านบ้านลับเข้าไป ทางป่าโกงกางข้างบ้าน
“ช่วงหน้าหนาว น้ำทะเลที่นี่จะหนุนขึ้นสูงตลอดทั้งวัน เวลาน้ำสูงๆ จะขึ้นมาถึงริมรั้ว มองจากบนบ้านเห็นสนาม หญ้าต่อกับทะเล น้ำปริ่มสะพานที่ผมสร้างยื่นจากบ้านลง ทะเลเลยครับ ขี่จักรยานน้ำจากข้างรั้วลงทะเลได้เลย และ น้ำทะเลในช่วงหน้าหนาว ก็จะใสกว่าหน้าอื่นครับ ฤดูหนาว ที่นี่จะสวยกว่าฤดูอื่น” นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ (หมอหนุ่ม) เจ้าของบ้านกล่าว เขาเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และศัลยกรรมเลเซอร ์ ที่เปิดคลินิกผิวพรรณของตนเองใน นาม ‘นิพนธ์ สกิน คลินิก’ และ ‘Dr.tattof’ ทั้งที่กรุงเทพฯ ชลบุรี และบางแสน รวม 7 แห่ง คุณหมอบอก ความสุขใน ชีวิตหลังจากทำงานมาเหนื่อยๆ ก็อยู่ที่ “ได้ท่องเที่ยว ได้ซื้อ ของที่ชอบ และมีบ้านดีๆ สักหลังก็พอแล้ว”
คุณหมอหนุ่มเป็นคนชลบุรี อยากได้บ้านริมทะเลที่ อยู่ไม่ห่างบ้านคุณแม่มากนัก ก็ขับรถตะเวนหาที่ปลูก บ้านเลาะไปตามทะเลไล่ตั้งแต่ชลบุรีไปถึงพัทยา วกไป วนมาเจอกระดาษแผ่นเล็กๆ เขียนด้วยลายมือหวัดๆ แปะไว้ที่บ้านไม้เก่าๆ หลังหนึ่ง เนื้อที่ 200 กว่าตารางวา ความว่า ‘ขายที่ริมทะเล’
“คุยไปคุยมาถูกใจกัน เลยซื้อที่นี่ครับ และห่างจาก บ้านคุณแม่ผมแค่ 10 นาทีเอง” คุณหมอบอก “เดิมที ที่นี่เคยเป็นบ้านที่ข้าราชการผู้ใหญ่ใช้จัดงานสังสรรค์ และปาร์ตี้กันมาตั้งแต่สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม กับ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ลงมาเรื่อยๆ บ้านเก่าที่ติดมา กับที่เป็นไม้ตะเคียนทองทั้งหลัง และปลูกเข้าสลักแบบ โบราณ
“พอผมจะมาปลูก ก็ให้โจทย์กับสถาปนิกว่า ต้องเอา
ไม้จากบ้านเก่ามาใช้ ก็ถอดไม้รื้อบ้านออกทีละชิ้นเก็บ
ขึ้นมา
“โจทย์ข้อที่ 2 ผมต้องการบ้านทรงไทย ที่มีความเป็น
โมเดิร์นโปร่งๆ
“โจทย์ข้อที่ 3 พื้นที่ตรงนี้อยู่ในตำบลแสนสุข ติดกับ ตำบลอ่างศิลา อยากให้เอาหินครกมาทำบ้าน”
คุณหมอเลือกฉัตรพงษ์ ชื่นฤดีมล (อั๋น) และวรุตม์ สมะลาภา (อ๋อง) ผู้ร่วมกันก่อตั้ง Bangkok Architectural Research เป็นผู้ออกแบบบ้านให้ (ภายหลังคุณอั๋นได้แยก ตัวไปก่อตั้ง CHAT Architects) คุณอั๋นจบปริญญาโทด้าน สถาปัตยกรรมจาก Harvard University และเป็น อาจารย์สอนสาขาสถาปัตยกรรมที่มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ส่วนคุณอ๋องจบ ปริญญาโทด้านสถาปัตยกรรมจาก Rhode Island School of Design ทั้งคู่ทำงานหาประสบการณ์ที่ สหรัฐอเมริกาอยู่หลายปีก่อนกลับมาเปิดบริษัทของ ตนเอง ส่วนผู้รับเหมานั้น คุณหมอเลือกใช้บริษัท ทวีมงคลก่อสร้าง
เมื่อคุณหมอระบุโจทย์อยากได้บ้านทรงไทย บ้านโมเดิร์นที่ดูเป็นตะวันตกจ๋าหลังนี้ ก็แฝงความ เป็นไทยที่ตีความใหม่ไว้อย่างแนบเนียน ลักษณะ เด่นของเรือนไทยจะอยู่ที่ใต้ถุนสูง และส่วนใต้ถุน จะใช้เป็นที่นั่งเล่น บ้านหลังนี้ พื้นที่ชั้นล่างจะ ค่อนข้างเปิดโล่ง เลียนแบบใต้ถุนบ้านไทย ตรง กลางลานบ้านตั้งโซฟาสั่งทำรูปตัวแอล ไว้เป็นที่นั่ง เล่นสไตล์เอาต์ดอร์ ตกแต่งด้วยงานศิลป์สีขาวชิ้น ใหญ่ที่ศิลปินญี่ปุ่นออกแบบไว้ให้ปลูกต้นไม้ แต่ คุณหมอเลือกจะตั้งเป็น sculpture แทน
ส่วนพื้นที่ชั้นล่างฝั่งที่ติดทะเล ได้ออกแบบเป็น ห้องนั่งเล่นที่กรุกระจกใสเกือบทั้งสี่ด้าน จะมีก็ ผนังฝั่งห้องน้ำที่ก่อทึบ แต่เมื่อเข้าไปในห้องน้ำ ก็ จะพบว่าผนังห้องน้ำด้านหนึ่งกรุกระจกใสกระจ่าง มองออกไปเห็นสะพานไม้ตะเคียนทองทอดยาว ออกไปที่ปลายทะเล
“ไม้ตะเคียนทองที่ถอดมาจากบ้านเก่า” คุณหมอ บอก “นำมาทำไม้ระแนงกันแดดรอบตัวบ้าน และ เป็นสะพานที่ยื่นจากตัวบ้านออกไปที่ทะเล เสริม ด้วยไม้สักบางส่วนเพราะไม้จากบ้านเก่าไม่พอ ส่วนไม้พื้นภายในบ้านทั้งหมด ใช้ไม้สักครับ
“ส่วนหินครกที่ผมอยากได้ แถวนี้ไม่มีแล้ว เขาก็ เลยไปหาหินแกรนิตที่มีเนื้อและสีเหมือนหินครกของ อ่างศิลานำมากรุบ้านแทน ให้เป็นลักษณะบ้านศิลา”
สำหรับกระจกที่ใช้กรุผนังห้องนั่งเล่นที่กล่าวถึง เมื่อครู่นั้น เป็นแผ่นยาวจากพื้นขึ้นไปจรดเพดาน บ้านชั้นสอง ยามยืนมองท้องทะเลอยู่ริมกระจก ให้ความรู้สึกเหมือนเราอยู่ใน snow globe ที่มอง ออกไปยังโลกภายนอก เห็นฟ้าเปลี่ยนสี เห็นเมฆ ลอยปุกปุย เห็นน้ำทะเลที่แอบเอ่อสูงขึ้นเรื่อยๆ และภายใน snow globe ใบนี้ไม่มีเกล็ดหิมะลอย ไปมา มีแต่เสียงตัวโน้ตเพลงแจ๊สที่คุณหมอเปิดทิ้ง ไว้แดนซ์ไปทั่วบรรยากาศ
“บ้านหลังนี้ สร้างอย่างที่ใจเราอยากให้เป็น ครับ” คุณหมอบอก “สร้างเสร็จใหม่ๆ ยังดูแห้ง เราต้องค่อยๆ เติมชีวิตเราลงไปเรื่อยๆ เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้าน ไม่ใช่ซื้อมาใส่ทีเดียวแล้วจบ ผมค่อยๆ เลือกที่ผมรักมาใส่ทีละชิ้น”
เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นของอิตาลี มีของ อังกฤษปนมาบ้าง ผนังละลานตาไปด้วยภาพเขียน ศิลปินระดับแนวหน้าของเมืองไทยที่คุณหมอสะสม ไว้เป็นงานอดิเรก ชั้นกั้นห้องเต็มไปด้วย snow globe นับร้อยๆ ชิ้นที่ได้จากการเดินทางท่องเที่ยว ไปยังที่ต่างๆ ส่วนประเทศที่ไม่มี snow globe ให้ เก็บมาเป็นที่ระลึก คุณหมอก็มักจะเลือกซื้อพรม หนังสัตว์ที่นั่นแทน และขนกลับมาตกแต่งบ้าน
คุณหมอยังได้ซื้อที่ดินติดๆ กันเพิ่มอีก 200 กว่า ตารางวา และวางแผนสร้างโซนปาร์ตี้ 2 ชั้นใน คอนเซปต์เดียวกัน มีสะพานวิ่งเชื่อมต่อบ้านทั้ง สองหลัง มีห้องยิมที่ใหญ่ขึ้น และสระว่ายน้ำริม ทะเลในสวนพืชทะเลทรายก็จะทุบให้ใหญ่ขึ้นยาว ขึ้นกว่าปัจจุบันที่เป็นอยู่
และที่สำคัญ จะมีที่ติดงานศิลปะที่คุณหมอสะสม ไวเ้พมิ่ขนึ้ เพมิ่ความสขุแกเ่จา้ของบา้นทวคีณู