H! SCOOP:
ตามรอยเส้นทางเสน่ห์ แห่งความคลาสสิกของเรือนเวลาสไตล์เจแปนนิส ‘แกรนด์ ไซโก’
นับเป็นโอกาสอันดีที่นิตยสาร HELLO! ได้รับ เกียรติเชิญให้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมทริปของ Grand Seiko Media Trip Go To Japan จากบรษิ ทั ไซโก ประเทศไทย ผู้นำเข้าแบรนด์นาฬิกาสุดหรู สัญชาติญี่ปุ่น ไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์แห่งความ คลาสสิกของ ‘แกรนด์ไซโก’ (Grand Seiko) เรือน เวลาระดับตำนานที่ขึ้นชื่อเรื่องความเที่ยงตรง แม่นยำ และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ จนนัก สะสมนาฬิกาจากทั่วโลกต่างหลงใหลและหวัง ครอบครอง
แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางแรกที่เราจะมา ร่วมค้นหาคำตอบของเอกลักษณ์การถ่ายทอด ความเป็นญี่ปุ่นออกมาได้อย่างโดดเด่นของเรือน เวลาสไตลเ์ จแปนนสิ น้ี นน่ั กค็ อื Wako Department Store ตึกหอฬิกาสุดคลาสสิกที่ตั้งอยู่บริเวณ หัวมุมของสี่แยกกินซ่า ไฮไลต์ของย่านช็อปปิ้งนี้ ในอดีตที่แห่งนี้เป็นร้านขายนาฬิกาอันเก่าแก่ของ ผู้ก่อตั้งบริษัทไซโก ผู้ผลิตนาฬิกาแบรนด์ไซโก (Seiko) และแบรนด์แกรนด์ไซโก (Grand Seiko) ทว่าปัจจุบันยังคงดำเนินการในฐานะห้างสรรพ สินค้า และเป็นศูนย์รวมจำหน่ายนาฬิกาหลาก หลายแบรนด์
ก่อนจะไปชม Grand Seiko Boutique บูติกแห่ง แรกในญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก หลังแกรนด์ โอเพนนิ่งอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ ภายในจัดตกแต่งสุดเรียบหรู บ่งบอกความเป็น สไตล์ของเรือนเวลาแกรนด์ไซโก รวมไปถึงยังได้ เยย่ี มชม The Seiko Boutique และ Seiko Museum พิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของแบรนด์ไซโก ในปี 1981 ถือเป็นแหล่งศึกษา ประวัติศาสตร์ของไซโก จากจุดเริ่มต้นการก่อตั้ง
แบรนด์เมื่อปี 1881 ของ Kintaro Hattori ชายผู้มี วิสัยทัศน์ โดยนับหนึ่งด้วยการเปิดบริษัท K. Hattori & Co. นำเข้าและซ่อมนาฬิกา กระทั่ง ผลิตนาฬิกาภายใต้แบรนด์ของตัวเอง นอกจากนี้ ยังได้เรียนรู้วิวัฒนาการของการประดิษฐ์นาฬิกา ข้อมือแบบควอตซ์ นาฬิกาที่มีความเที่ยงตรงและ แม่นยำสูง ในปี 1960 และมีการจัดแสดงนาฬิกา รูปแบบต่างๆ ที่เคยมีมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน
เสร็จแล้วจึงย้ายเมืองจากโตเกียว ตามรอย เส้นทางของเรือนเวลาสุดคลาสสิกนี้ไปที่ ‘เมือง โมริโอกะ’ ระหว่างทางมองเห็นภูเขาอิวาเตะอยู่ ไกลลิบๆ หนึ่งในสิ่งที่เคยเป็นแรงบันดาลใจใน การออกแบบนาฬิกาแกรนด์ไซโก และก็มาถึง สถานที่อันเป็นที่ตั้งของ Morioka Seiko โรงงาน แห่งแรกของไซโก แหล่งกำเนิดกลไกอันดับหนึ่ง ของโลก เพราะเป็นศูนย์รวมการผลิตกลไกของ Grand Seiko โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ ด้วยกัน คือการผลิตชิ้นส่วนด้วยเครื่องจักรและ การประกอบกลไกด้วยมือ ที่ทำให้เราอึ้งไปเลย เมื่อได้สัมผัสกับความละเอียดประณีตของการ ประกอบชิ้นส่วนเล็กๆ หลายร้อยชิ้นให้กลายเป็น นาฬิกาบอกเวลาขึ้นหนึ่งเรือน เพราะบางชิ้นไม่ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องใช้กล้อง จุลทรรศน์ส่องดูเท่านั้น
นอกจากนี้ที่นี่ยังมี Shinzuku-ishi watch studio ซึ่งเป็นสตูดิโอผลิตนาฬิกากลไกระดับโลกที่มี ความแม่นยำสูงและดีไซน์ที่สง่างาม โดยช่างฝีมือ ที่สตูดิโอแห่งนี้จะเป็นผู้ดูแลทั้งเรื่องดีไซน์ การ ผลติ การประกอบชน้ิ สว่ น ปรบั แตง่ รวมถงึ ตรวจ สอบกลไกต่างๆ เรียกว่าเป็นที่รวบรวมเหล่า บรรดาเกจิ ช่างฝีมือที่กวาดรางวัลอันทรงเกียรติ
มาแล้วนับไม่ถ้วน
การเดินทางยังคงไม่สิ้นสุด เพราะเราได้มุ่งหน้าไป ยังเมืองชิโอจิริในจังหวัดนากาโนะกันต่อ เพื่อเยี่ยมชม Seiko Epson Corporation อีกหนึ่งโรงงานของไซโก จุด เริ่มต้นของนาฬิกา Quarzt และ Spring Drive ซึ่งถือเป็น โรงงานที่ผลิตควอตซ์ขึ้นเองเนื่องจากมีประสิทธิภาพ แน่นอนกว่าควอตซ์ธรรมชาติ ภายในโรงงานประกอบ 3 ส่วนสำคัญคือ Shinshu Watch Studio ที่ขับเคลื่อน แนวคิดทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีทันสมัย ผนวกงานหัตถศิลป์ที่มีเอกลักษณ์เข้ากับวิศวกรรมแบบ ไมโครเทคโนโลยีชั้นสูง รับผิดชอบในการประกอบกลไก ชน้ั สงู อยา่ ง Spring Drive ของแกรนด์ ไซโก ตง้ั แตช่ น้ิ แรก จนเสร็จสมบูรณ์ อีกทั้งยังผลิตกลไกควอตซ์ชั้นสูงให้กับ เครดอร์ (Credor) ประดิษฐกรรมเวลาอีกหนึ่งแบรนด์ใน เครือไซโกด้วย ที่สำคัญยังโดดเด่นในด้านหัตถศิลป์ ทั้ง ความชำนาญในการใช้เทคนิคต่างๆ โดยเฉพาะการ ขดั เงาแบบซารตั สึ (Zaratsu) สรา้ งขอบเรยี บคมและพน้ื ผวิ เงาราวกับกระจก
ส่วนต่อมาเป็น Micro Artist Studio ที่พัฒนาระบบ กลไกซับซ้อน โดยมีช่างฝีมือผู้ชำนาญการที่กวาด รางวัลจากรัฐบาลญี่ปุ่นและการแข่งขันจากต่าง ประเทศมาไม่น้อย Micro Artist Studio ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 ด้วยจุดประสงค์ใน การถ่ายทอดทักษะที่ จำเป็นสำหรับการผลิต นาฬิกาสู่รุ่นต่อๆ ไป และสุดท้ายในส่วนของ Part Production ที่เรา ได้เห็นกระบวนการ ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ อย่างใกล้ชิด
ไม่เพียงเท่านั้น ก่อน กลับเมืองไทย เรายังมี โอกาสได้ร่วมพูดคุยกับ Mr.nobuhiro Kosugi ช่าง นาฬิกาผู้คว่ำหวอดในวงการ เรือนเวลามายาวนานกว่า 40 ปี และดีไซเนอร์ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ที่ รับผิดชอบการออกแบบ Grand
Seiko บอกเล่าถึงมนต์เสน่ห์ของ เรือนเวลาสุดหรูนี้ให้ฟังว่า เมื่อพูด
‘แกรนด์ไซโก’ คงนึกถึงความเที่ยง ตรงและการออกแบบที่สวยงาม ใน ฐานะดีไซเนอร์ก็มุ่งหวังที่จะออกแบบ ผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัยกับความ สามารถขั้นสูงของเหล่าช่างฝีมือ แม้การออกแบบ นาฬิการุ่นใหม่ๆ จะมีความยาก ด้วยต้องสร้างความ แปลกใหม่ แต่ยังคงความดั้งเดิมเอาไว้ ฉะนั้นสิ่งแรก ที่ใส่ลงไปในงานดีไซน์คือความอบอุ่นของการสร้าง ผลงานที่ทำด้วยมือมนุษย์
พร้อมกันนี้ ดีไซเนอร์มือหนึ่งแห่งแกรนด์ไซโกได้ยก ตัวอย่างนาฬิกาที่โดดเด่นในมุมต่าง แต่เป็นเอกลักษณ์ อย่างนาฬิกา Grand Seiko Limited Edition Thin Dress SBGK002G ที่หน้าปัดออกแบบแฮนด์เมด เกิดเป็นทรงกลมด้วยการขัดแบบซารัตสึ (Zaratsu) ส่วนทรงปลายขาสาย (lug) เป็นรูปทรง ตัวอาร์ ต่างจากนาฬิการุ่นอื่นโดยสิ้นเชิง อีกทั้ง ตัวเลขบอกเวลายังใช้ศิลปะแบบมาคิเอะ (Maki-e) ของ ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นนาฬิการุ่นที่เขาชอบมากที่สุด
ปิดท้ายด้วยคำถามถึงความรู้สึกหลังออกแบบ นาฬิกา Hi-beat 36000 GMT รุ่น SBJ005 จนคว้ารางวัล Petite Aiguille ในงาน Grand Prix d’horlogerie de Genève 2014 มาครองได้สำเร็จว่า “เราเป็นนาฬิการะบบญี่ปุ่น รุ่นแรกที่ชนะรางวัลระดับโลก ณ ประเทศสวิตเซอร์ แลนด์ ผมดีใจมากๆ เช่นเดียวกับนักออกแบบอาวุโสที่ ออกแบบนาฬิการุ่น 44GS ที่ผมหยิบเอามาตีความใหม่ ยิ่งไปกว่านั้น รางวัลนี้ทำให้ผมอยากออกแบบนาฬิกาที่ สวยงามและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป พร้อมเผยแพร่ ให้ทั่วโลกรับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของนาฬิกาญี่ปุ่น
“ผมอยากสรา้ งผลงานทท่ี ำดว้ ยใจเพอ่ื ใหท้ กุ คนเขา้ ถงึ ความสวยงามของญี่ปุ่น เช่น การวางองค์ประกอบและ การดีไซน์แบบญี่ปุ่นที่ใช้การผสมผสานกันระหว่าง ความมืดและความสว่างจนเกิดความลงตัว การใช้เส้น ตรงและพื้นผิวเรียบ ผมรู้สึกว่าความงามแบบญี่ปุ่นเป็น ที่สนใจไปทั่วโลก ฉะนั้นการให้ความสำคัญกับระบบ การทำงาน ไม่ว่าจะเป็นความสวยงาม ความคงทน ความเที่ยงตรงของนาฬิกา รวมไปถึงการพัฒนาช่าง ฝีมือที่จะนำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมออก ไปให้ทุกคนรับรู้ ล้วนสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเลย”
และนี่คงเป็นเสน่ห์ของ ‘ความคลาสสิก’ ในแบบ ฉบับของแกรนด์ไซโกอย่างแท้จริง