THE YOUNG ACHIEVERS 2019:
จากนักการเงินสู่ซีอีโอ แม้จะเป็นธุรกิจครอบครัวแต่ ไม่เคยมีคำว่าง่าย
ปิยจิต รักอริยะพงศ์ จากนักการเงินสู่ซีอีโอ แม้จะเป็นธุรกิจครอบครัวแต่ไม่เคยมีคำว่าง่าย
จากจุดเริ่มต้นของเครื่องดื่มตัวแรกซึ่งขายดีติด อันดับ อย่างน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว โมกุ โมกุ เมื่อ 18 ปีก่อน จวบจนถึงมิติใหม่แห่งเครื่องดื่ม ภายใต้ชื่อ เซ็ปเป้ บิวติ ดริงค์ ก่อนจะแตกยอดออก เป็นผลิตภัณฑ์สายสุขภาพและความงามอีกนับไม่ ถ้วนในปัจจุบัน แบรนด์เซ็ปเป้ใช่เพียงแต่เป็นหนึ่งใน ผู้นำตลาดเครื่องดื่มเจ้าสำคัญของประเทศ ที่ล่าสุดมี ยอดขายทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 2,800 ล้าน บาทเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์สำคัญของ การสร้างสรรค์สินค้าที่ตรงใจผู้บริโภคและสามารถจับ เทรนด์ได้อย่างอยู่หมัด
เบื้องหลังความสำเร็จอันงดงามดังกล่าวไม่ได้ เริ่มต้นเมื่อ 2 ทศวรรษที่แล้ว หากต้องย้อนกลับไป ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ (คุณอนันท์ รักอริยะพงศ์) และคุณแม่ (คุณสมนึก ไอศูรย์พิศาลศิริ) ผู้ริเริ่มธุรกิจขนมขบเคี้ยว ภายใต้บริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด จนกลาย เป็นฐานสำคัญสำหรับการต่อยอดธุรกิจในรุ่นของ พี่ชายคนโต (คุณอดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์) ที่ปั้นแบรนด์ เครื่องดื่มให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด จนก้าวไปสู่ แบรนด์มหาชนในนาม บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะลูกสาวคนรองและเป็นลูกสาวคนเดียว จากลูกๆ ทั้งสี่ คุณปิยจิต รักอริยะพงศ์ (อ้อ) ได้รับ มอบหมายให้เข้ามารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ บริหารเมื่อ 4 ปีก่อน แม้จะมีประสบการณ์การทำงาน อย่างเข้มข้นจากสายการเงินระดับโลกมากว่า 17 ปี แต่งานนี้ยังต้องกุมขมับ เธอต้องอาศัยทั้งเวลาและ สกิลเฉพาะตัวจนเปลี่ยนการเป็นซีอีโอให้กลายเป็น เรื่องน่าสนุกไปได้
ไม่อายทำกิน
“สมัยก่อนคุณพ่อเริ่มต้นกิจการของตัวเองจาก ธุรกิจโชห่วย แล้วพอมาแต่งงานกับคุณแม่ก็เริ่มมาทำ พวกขนมขบเคี้ยว พวกคุกกี้และขนมไทย เช่น ถั่ว กรอบแก้ว ครองแครงกรอบ ขายตามสถานีรถไฟและ สถานีขนส่ง ช่วงที่พวกเราเด็กๆ ธุรกิจของท่านก็ทำได้ ค่อนข้างประสบความสำเร็จมากพอสมควร เพราะ สินค้าวางขายไปทั่วประเทศไทย ขนาดว่าขึ้นไปดอย สุเทพก็ยังเจอถุงขนมของแบรนด์ ‘ปิยจิต’ วางขาย เรียกได้ว่าสินค้าที่คุณพ่อคุณแม่ทำนั้น ออกโปรดักต์ อะไรมาก็ขายดีหมดเพราะว่าเราทำอร่อย” คุณอ้อ เล่า อาจกล่าวได้ว่าเธอมีแบรนด์เป็นของตัวเองมา ตั้งแต่เด็ก และยังหัดค้าขายจากแบรนด์ของตัวเอง อีกด้วย “คุณพ่อคุณแม่ปลูกฝังลูกๆ ในเรื่องของการ ค้าขายมาตั้งแต่เด็ก ท่านพยายามให้เราขายของ ทำให้เราเองก็มีความรู้สึกว่า การขายเป็นเรื่องที่สนุก และยังได้เงินด้วย สมัยนั้นอ้อกับพี่ชายก็เอาขนม เอา อะไรไปขายที่โรงเรียนเสมอ ท่านจะสอนให้เราคิด เหมือนเป็นแม่ค้าคนหนึ่งเลย คือให้เราซื้อของใน ราคาทุนแล้วก็ไปขาย เท่ากับว่าเราก็จะได้กำไรใน ส่วนต่าง พออ้ออายุได้สัก 10 ขวบ เรียนอยู่ ป.4 ท่านก็จะชอบพาเรากับพี่ชายไปออกตลาด เริ่มจาก ให้ติดรถส่งของไปขายของตามยี่ปั๊วต่างๆ ให้เราหัด คิดแผนการเดินทาง เช่น ออกรถวันนี้จะไปที่ไหนก่อน พอไปถึงก็ให้ไปคุยกับอาเฮีย อาเจ้ เราจะได้หัด วางแผนและขายของเป็น อีกส่วนหนึ่งยังช่วยปลูกฝัง เรื่องการคิด การวางแผนไปด้วยในตัวว่าหากสิ่งที่วาง ไว้ไม่ได้เป็นไปตามนั้น เราจะปรับแผนหรือเป้าหมาย อย่างไร”
ความสนุกในวัยเด็กดำเนินต่อมาได้อีกพักใหญ่ คุณแม่ก็ให้หยุดไปเพราะถึงเวลาที่ต้องทุ่มเทกับการ เรียนมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังปลูกฝังเรื่องความขยัน และหลักของคนทำมาค้าขายคือการทำสินค้าที่ดีและ มีคุณภาพ “อ้อเชื่อในเรื่องของความพยายาม และ การทุ่มเท ตั้งแต่เกิดเราจะเห็นคุณพ่อคุณแม่ตื่นตั้งแต่ ตี 4 มาเตรียมของ จากนั้นก็ขับรถออกไปขายของ ตามตลาดมหานาค ยิ่งถ้าช่วงขายดีพวกท่านก็แทบ จะทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เรารู้ว่าด้วยความ ทุ่มเท ความสำเร็จจะตามมาไม่ยาก แต่ในขณะ เดียวกันสินค้าก็ต้องตอบโจทย์ด้วย คุณแม่จะพูด เสมอว่า เวลาท่านจะทำสินค้า หรือทำขนมอะไรออก มา ท่านอยากให้คนกิน กินสินค้าที่มีคุณภาพ และ ต้องทำจากวัตถุดิบที่ดี สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ปลูกฝังมา โดยตลอด”
เลือกเติบโตด้วยเส้นทางของตนเอง
แม้จะปลูกฝังเรื่องการค้าขาย แต่คุณพ่อคุณแม่ กลับไม่เคยบังคับให้ลูกต้องกลับมาช่วยงานที่บ้าน เส้นทางสายอาชีพของคุณอ้อจึงมุ่งตรงสู่สายการเงิน มาโดยตลอดนับตั้งแต่เรียนจบ “ตอนเด็กๆ คิดอย่าง เดียวคืออยากทำงานเยอะๆ หาเงินเร็วๆ ไม่ได้คิด ว่าจะต้องมาทำงานที่บ้าน พอเรียนจบเลยทำงาน ธนาคารสาย Investment Banking มาตลอด” คุณอ้อ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีเกียรตินิยม ด้าน Business Study สาขา Marketing Finance จาก