H! HANG OUT:
พายเรือ ท่องทะเลไทย
PAII พายเรือท่องทะเลไทย
ใจกลางสาทร ยั งมี ค ฤ หา ส น์ อายุ กว่า 130 ปี ท ี่ โดดเด่น ด้วย สีเหลือง งามสง่า ส ไต ล์ สถาปัตยกรรม แบบ โคโลเนีย ล และ แวดล้อม ไป ด้วย ตึกสูง ใ ห ญ่ อย่าง ‘เดอะ เ ฮ้า ส์ ออ น ส า ท ร’ ภายใต้โรงแรม W Bangkok ไ ด้ เปิดตัว ห้องอาหาร ใ ห ม่ ใน ชื่อ‘ P a i i ’( พาย) ท ี่ ความหมาย ของ ชื่อ มาจาก‘ การพา ย เรือ’ เพราะ เจ้าของ คน แรก ของ ค ฤ หา ส น์ หลัง น ี้ คือ หลวงสาทรราชายุกต์ ท ี่ เป็น นักธุรกิจ ผู้มั่งคั่ง และ ผู้ริเริ่ม ขุด คลอง ส า ท ร
‘Paii’ จะ นำเสนอ อาหาร ส ไต ล์ โมเดิร์น ไทย ซีฟู้ด ที่ได้
เชฟโจ-วีรเกติ์ นิลายน มารังสรรค์ อาหารไทยให้ดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น เพราะเชฟเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพจากที่ต่างๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อให้เราได้ลิ้มรสชาติของ อาหารได้อย่างมีสไตล์
ออร์เดิร์ฟแรกที่ทาง Paii นำเสนอเป็นอาหารเรียก น้ำย่อยคือ ข้าวเกรียบ ที่ทำมาจากแคร์รอตและเห็ด เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ด ที่โชว์การตำน้ำจิ้มให้เห็นกัน เลย จุดเด่นคือใช้ความเปรี้ยวจากเสาวรสแทนมะนาว ทำให้ได้ความหอมเพิ่มขึ้น พอกินคู่กับข้าวเกรียบแล้ว เรียกน้ำย่อยได้ดี จานต่อมาคือ ยําหัวปลีเนื้อปู โดยใช้ หัวปลีทั้งแบบสดและทอดยำกับเนื้อปู พอเคี้ยวเข้าไป แล้วทำให้มีเท็กซ์เจอร์มากขึ้น รสชาติมันๆ ที่ได้จาก หัวปลีและปูชิ้นโตๆ ที่ทำให้อยากรับประทานจนหมด จาน แต่ก็ต้องยั้งไว้สำหรับจานต่อไปคือ ลาบหนวด ปลาหมึกยักษ์ย่าง เชฟเลือกใช้ปลาหมึกจากสเปน เพราะว่าเวลาย่างแล้วจะทำให้เนื้อของปลาหมึกมีความ นุ่ม และปรุงด้วยเครื่องลาบ พอกินเข้าไปแล้วได้รสชาติ แบบอีสานบ้านเราเลยทีเดียว
เมนูที่ไม่ควรพลาดของที่นี่คือ ข้าวผัดปู ที่มาใน ภาชนะจานยักษ์สำหรับกินร่วมกัน ความพิเศษของเมนู นี้อยู่ที่การใช้ข้าวหอมออร์แกนิกจากนครปฐมและปูจาก สุราษฎร์ธานี ในอัตราส่วน ข้าว 1 กก. และปู 1/2 กก. พอรับประทานเข้าไปแล้วจะสัมผัสได้ถึงข้าวที่จะมีความ หนึบหนับ พร้อมกับเนื้อปูนึ่งก้อนใหญ่ สดหวาน ที่ผัด รวมกันได้อย่างลงตัวครบรสชาติและยังมีเนื้อปูโปะบน ข้าวอีก กินกับน้ำปลาพริกแล้วสุดยอดมากๆ
ยังไม่จบเรื่องปู จานต่อมาที่ ‘Paii’ ไม่ทำให้เรา ผิดหวังคือ ปูอบโคลน ปูตัวยักษ์จากสมุทรสงครามที่ มีน้ำหนักกว่า 1 กก. สีส้มแจ่มอบด้วยโคลนออร์แกนิก จากนครปฐม เพื่อให้ได้กลิ่นโคลนอ่อนๆ ให้ความรู้สึก ใกล้ธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และเพื่อให้สมกับเป็นอาหาร แนวซีฟู้ด จานต่อมาจึงเป็น ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ ที่นำกุ้งไปเผา พร้อมกับราดซอสฉู่ฉี่ หอมเครื่องแกงละมุนลิ้นมาก
ปิดท้ายด้วยขนมหวาน พานาคอตต้ารสตะไคร้หอม ที่สัมผัสได้ถึงเม็ดสาคูและรสชาติของตะไคร้แบบอ่อนๆ และทีรามิสุชาไทย ที่นำชาไทยมาผสมผสานกับ Mascarpone มีความหอม มัน หวานนิดๆ เบานุ่มลิ้น ละลายในปากเลยทีเดียว เป็นการปิดท้ายของอาหาร มื้อนี้ได้อย่างสมบูรณ์
Paii, The House on Sathorn โรงแรม W Hotel Bangkok เปดิ ทกุ วนั ระหวา่ งเวลา 12.00 - 24.00 น.
โทร. 0–2344–4025