Hello! (Thailand)

Interview เทสซี เดอ นาสเซา

อดีตเจ้าหญิงแห่งลักเซมเบิร์ก เปิดใจถึงการเป็นผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ ‘Professors Without Borders’ และการเลี้ยงดูเจ้าชายวัยรุ่นสองพระองค์

-

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันมาประเทศไ­ทย” คุณเทสซี เดอ นาสเซา บอกกับเราด้วย ใบหนา้ สดชน่ื แมจ้ ะเพง่ิ เดนิ ทางมาถงึ โรงแรม แถบสาทรเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง เหตุผลในการมาค­รั้งนี้ ก็เนื่องจากคุณเทสซีซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ ‘Professors Without Borders’ ได้ขยายโครงกา­รนี้มายัง ประเทศไทยด้วย หลังจากประสบค­วามสำเร็จในเซียร์รา ลีโอน ยูกันดา เซเนกัล และอินเดีย

“เราลงนามใน­ข้อตกลง MOU ร่วมกับประเทศที่ กล่าวมานานเกือบห้าปีแล้ว เพราะเราไม่สามารถเห็น ความเปลี่ยนแปลงภายใ­นเวลาแค่ปีเดียว โครงการนี้ เกิดขึ้นได้เพราะฉันกับผู้ร่วมก่อตั้งเป็น Visiting lecturer ที่ University of London แล้วพบว่านักศึกษาที่นั่นฉลาด และเก่งมากๆ แต่พวกเขากลับมองข้ามความโชคดีของ ตัวเองที่ว่าพวกเขามีครูที่มีคุณภาพ เราก็เลยคุยกันว่า น่าจะเชิญบรรดาโปรเ­ฟสเซอร์เหล่านี้ให้ใช้วันหยุดไป สอนในประเท­ศที่กำลังพัฒนา ปรากฏว่ามีโปรเฟสเซอร์ จำนวนมากที่เต็มใจจะใช้วันพักร้อนสองสัปดาห์มาสอน ให้กับเรา โดยเราขอคว­ามร่วมมือจากมหาวิทยาลัยใน พื้นที่ในการให้ยืมใช้สถานที่ สำหรับประเทศไทย­เราได้ พนั ธมติ รอยา่ งมหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร ให้ยืมสถานที่ในการสอน”

แน่นอนว่าทุกอย่างใช่ว่าจะราบรื่นไปเสียหมด แต่ ต้องเผชิญปัญหาด้วย “แน่นอนเราต้องเจออุปสรรคอยู่ แล้ว มากบ้างน้อยบ้าง อย่างที่เซียร์ราลีโอนหาผักยาก มาก เราก็เลยจัดหาทุกอย่างให้โปรเฟสเซอร์ยกเว้น อาหาร พวกเขาต้องหาอาหารกินเอง เราจึงได้บทเรียน เพิ่มเติมว่าการกินมังสวิรัติในเซียร์ราลีโอนเป็นเรื่องยาก (หัวเราะ) แต่ขณะเดียวกันก็เป็นประสบการณ์ที่ดี

“ขณะนี้เราดูประเทศในตะ­วันออกกลางเอ­าไว้ และ คุยกับรัฐบาลจอร์เจียไว้ด้วยว่าอยากจะขยา­ยไปยัง ประเทศเหล่านี้ เพราะสำหรับฉันแล้ว การศึกษาเป็น เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดสำหรับมนุษย์ และฉันก็ พยายามปลูกฝังเรื่องนี้ให้ลูกชายทั้งสองคน”

นอกจากนี้คุณเทสซียังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทที่ ปรึกษาระดับโลก ‘finding Butterflie­s’ และเป็นอาจารย์ ของ LSE IDEAS ที่ London School of Economics และ ยังเป็นทูตของ UNAIDS ด้วย

ผู้ฟูมฟักสองเจ้าชายแห่งลักเซมเบิร์ก

เจ้าชายกาเบรียลพระชันษา 14 ปีและเจ้าชาย โนอาห์พระชันษา 12 ปี ทรงศึกษาในโรงเรียนที่ประเทศ อังกฤษอันเป็นที่พำนักของคุณเทสซี ทรงเป็นเจ้าชายที่ น่ารักและติดดิน แต่มีลักษณะนิสัยที่แตกต่าง

“กาเบรียลเป็นคนใจดีมาก เห็นอกเห็นใจคนอื่น ใจกว้าง เขาชอบทำงา­นการกุศล และยังเคยทำอาหา­ร เลี้ยงเด็กจรจัด 42 คนมาแล้ว เขาบอกว่าอยากเป็น หมอกระดูกเพราะชอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับร่างกาย ส่วน โนอาห์อยากเป็นทหารเพราะ­ว่าฉันเคยเป็นทหาร เขา ชอบประวัติศาสตร์กับภูมิศาสตร์มาก เวลาว่างทั้งสอง คนจะเล่นโปโลและเล่นดนตรี แต่ที่พวกเขาชอบม­าก ที่สุดเลยก็คือการเดินทางไปกับฉัน เพราะเขารู้ว่าฉันจะ ให้พวกเขาเห็นทุกอย่าง เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ รู้จัก เพื่อนใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีในโรงเรียน

“ตอนนี้ฉันอาศัยอยู่ในลอนดอนกับลูกชายเพราะ พวกเขาเรียนที่นั่น ฉันก็เลยย้ายตามไปเพื่ออยู่ใกล้ชิด เขา” เจ้าชายทั้งสองพระองค์ทรงเป็นดิสเล็กเซีย (ภาวะ การอ่านไม่เข้าใจ) คุณเทสซีจึงต้องการอยู่เคียงข้างลูก

“การเป็นดิสเล็กเซียทำให้พวกเขาเห็นคำบางคำต่าง จากเด็กทั่วไป จึงอ่านช้า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์และคนดัง อีกหลายคนก็มีปัญหานี้ ทำให้พวกเขาสามา­รถคิดต่าง เพราะมองโล­กในมุมที่แตกต่างและมีความคิด สร้างสรรค์ซึ่งเป็นข้อดี แต่ข้อเสียคือพวกเขาต้องใช้เวลา อ่านนานกว่าเด็กคนอื่น ทำให้มีเวลาเล่นน้อยลง และ ปัจจุบันระบบการศึกษากระแสหลักยังคงเป็นสภาพ แวดล้อมที่ยากลำบากสำ­หรับเด็กที่เป็นดิสเล็กเซีย เพราะว่าการศึกษากระแสหลักยังคงสอนเด็กเหมือนๆ

‘โลกทุกวันนี้แข่งขันสูง ผู้ปกครองบางค­นอาจ คิดเอาเองว่าเราผลักดัน ลูกก็เพื่อประโยชน์ของ พวกเขาเอง เราคิดว่า การให้พวกเขาเรียน เพิ่มเติมหลังเลิกเรียน เป็นความหวังดี’

กันไปหมด ซึ่งทำให้เด็กที่เป็นดิสเล็กเซียตามคนอื่น

ไม่ทัน

“แต่กับโรงเรียนที่ลูกฉันเรียนจะให้เวลาทำข้อสอบ แก่เด็กที่เป็นดิสเล็กเซียนานกว่าปกติ 50% ซึ่งในยุโรป ปัญหานี้รวมทั้งเด็กที่เป็น ADHD (สมาธิสั้น) เป็นเรื่อง ปกติมาก ก็เหมือนกับการใส่แว่น ในอดีตคนทั่วไปมัก จะมองว่าเด็กที่มีปัญหาเหล่านี้เป็นเด็กโง่ แต่ตอนนี้มัน ได้เปลี่ยนแปลงไปใน­ทางที่ดีแล้ว”

ดังนั้นคุณเทสซีจึงรอมชอมกับเจ้าชายน้อยทั้งสอง ในเรื่องของวิชาการ “ฉันก็อยากให้ลูกเรียนเก่ง จึงให้ พวกเขาเรียนพิเศษในช่วงวันหยุดบ้างเป็นครั้งคราว วิชาการเป็นเรื่องดีมีความสำคัญก็จริง แต่การให้ลูกได้ เล่นกีฬาและมีเวลาว่างให้ลูก หรือให้พวกเขาได้สำรวจ ตัวเองบ้างก็มีความสำคัญเช่นกัน ในฐานะพ่อแม่ เรา ต้องหาจุดสมดุลนั้นให้พบ เพราะไม่อย่างนั้นเราอาจ ทำให้พวกเขาหมดไ­ฟในการเรียน และที่สำคัญไม่แพ้ กันก็คือความเป็นเด็ก และการได้ใช้ชีวิตวัยเด็กอย่าง เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการได้เล่นกลางแจ้งและทำสิ่งที่ชอบ เพราะโลกทุกวันนี้แข่งขันสูง ผู้ปกครองบางค­นอาจคิด เอาเองว่าเราผลักดันลูกก็เพื่อประโยชน์ของพวกเขาเ­อง เราคิดว่าการให้พวกเขาเรียนเพิ่มเติมหลังเลิกเรียนเป็น ความหวังดี ซึ่งในแง่หนึ่งก็ใช่ แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ พวกเขาเหนื่อยเกินไป ฉะนั้นเราต้องระวังเรื่องความ หวังดีที่อาจส่งผลร้ายแก่ลูก

“ฉันอยากบอกว่าโรงเรียนของลูกนั้นดีมาก เพราะ ช่วยให้ฉันค้นพบจุดสมดุลนี้ โรงเรียนให้วิชาการ แต่ กีฬาก็สำคัญ เพราะเด็กผู้ชายต้องมีช่วงเวลาได้วิ่งเล่น กลางแจ้ง ต้องออกกำลังกาย ได้ใช้พลัง โดยเฉพาะ อย่างยิ่งช่วงใกล้วัยรุ่น ในฐานะแม่ ฉันพยายามหาจุด สมดุลสำหรับพวกเขาระห­ว่างงานของฉัน กับการศึกษา และความสุขของลูกๆ การศึกษาต้องเป็นเรื่องสนุก เพราะสำหรับฉันแล้วการศึกษาเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง ที่สุดสำหรับมนุษย์ และฉันพยายามปลูกฝังความคิดนี้ ให้กับลูกชายทั้งสองคน เพราะความรู้เป็นสิ่งที่ไม่มีใคร สามารถขโมย­จากเราได้ และขณะเดียวกันการศึกษาก็ ควรทำให้พวกเขามีความสุข ได้เล่นกับเพื่อน และฉัน ต้องมีเวลาให้พวกเขาด้วย”

คุณเทสซีปิดท้ายด้วยเคล็ดลับดีๆ ในการเลี้ยงดู ลูกชายวัยรุ่นว่า “ในฐานะที่ฉันเป็นผู้ปกครอง อยาก แนะนำว่าสิ่งที่ทำง่าย และสำคัญที่สุดก็คือการรับฟัง พวกเขา เพราะเด็กก็เหมือนดอกไม้ที่เมื่อได้น้ำก็จะสดใส เบ่งบาน ฉันดีใจที่เห็นเขาเติบโตเป็นมนุษย์ที่ดี”

 ??  ??
 ??  ??
 ??  ?? คุณเทสซีและเจ้าชายกาเบรียล กับเจ้าชายโนอาห์
คุณเทสซีและเจ้าชายกาเบรียล กับเจ้าชายโนอาห์

Newspapers in Thai

Newspapers from Thailand