Hello! (Thailand)

Tutors ครูลิลลี่-กิจมาโนชญ์ โรจนทรัพย์

ครูลิลลี่...เรือจ้างที่มีเคล็ดในการสอนภ­าษาไทยให้สนุก

-

เชื่อว่าจนถึงจุดนี้ไม่มีใครไม่รู้จักครูลิลลี่-กิจมาโนชญ์ โรจนทรัพย์ ครูภาษาไทยผู้เปรียบดั่งเรือจ้างที่ส่ง เด็กขึ้นฝั่งมาแล้วนับพันนับหมื่นคน แม้จะเกิดมาใน ครอบครัวชนชั้นกลาง แต่ทุกวันนี้เธอสามารถส­ร้าง ตัวเองจนเป็นเรือจ้าง เป็นครูลิลลี่ของเด็กๆ ที่นอกจาก จะสอนภาษาไ­ทยแล้ว ยังสอนวิชาชีวิตแก่เด็กเป็นการ คืนกำไรให้ด้วย

จากพื้นเพเป็นคนฝั่งธน และเกิดมาในครอบค­รัวที่ ให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก พอครู ลิลลี่เริ่มรู้ความ ครอบครัวเธอจึงย้ายไปใช้ชีวิตที่ ระยอง “คุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกมีการศึกษา ได้ เรียนภาษาอังกฤษ แต่เราเป็นครอบครัวชนชั้นกลาง ถึงยากจน ตอนนั้น 30 กว่าปีก่อนค่าใช้จ่ายในการ เรียนโรงเรียนเอกชนในก­รุงเทพฯ ค่อนข้างสูง คุณพ่อ ซึ่งทำงานอยู่การไฟฟ้า เลยตัดสินใจย้ายครอบครัวไป อยู่ระยอง เราไปเรียนอัสสัมชัญ ส่วนน้องสาวเรียน เซนต์โยเซฟคอนเว­นต์

“ที่ผ่านมาจะได้ท็อป 3 ของห้องประจำ และเริ่ม ฉายแววเก่งภาษาไทยตั้งแต่เด็กๆ ตอนอยู่มัธยมต้นได้ เป็นตัวแทนโรงเรียนไปตอบปัญหาภาษาไทย­ระดับ จังหวัด กระทั่งจบมัธยมต้นเพื่อนๆ พากันย้ายมา กรุงเทพฯ และสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายระดับ ประเทศที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันถึงนั่นคือ เตรียมอุดมศึกษา”

ครูลิลลี่ได้เข้าเรียนแผนกศิลป์-ฝรั่งเศส ที่เตรียม อุดมฯ สมใจ “ตอนนั้นคิดแค่ว่าจะสอบอะไร­ก็ได้ให้ติด ไว้ก่อน ก็เลยทำข้อสอบภาษาไท­ยให้ได้คะแนนดีเอา ไว้เพื่อช่วยให้เราสอบติด ”

และก็เป็นที่ทราบดีว่าตลอดช่วงเวลาเรียน จนกระทั่งจบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เอกวาทวิทยา ครูลิลลี่เป็น พิธีกรและนักพูดตัวกลั่นเรื่อยมา “ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ เราจะ มาเป็นนักพูด เราขึ้นพูดบนเวทีมาตั้งแต่สมัยเรียน โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์แล้ว เราได้ฝึกโต้วาที กล่าวสุนทรพจน์ บรรยายธรรม­ะ พูดยังไงให้คนคล้อย ตามเรา ก็ต้องใช้ความมั่นใจในลีลาท่าทางและ น้ำเสียงในการสื่อสาร ทำยังไงจะสะกดใ­ห้คนดูและ คณะกรรมการ­เชื่อเราให้ได้ ไม่ใช่บันเทิงอย่างเดียว

“สมัยเรียนนิเทศฯ อยากเป็นนักข่าวแบบพี่นก (นิรมล เมธีสุวกุล) อยากถือไมค์รายงานข่าวเท่านั้น เอง แต่จุดเปลี่ยนคือหลังเรียนจบได้งานที่นิคม อุตสาหกรรมระ­ยอง เห็นเงินเดือนเยอะก็เลยลองทำดู ปรากฏว่ารุ่นพี่ครุศาสตร์ให้ไปสอนภาคค่ำปวช. ของ โรงเรียนพาณิชย์แทน แล้วรู้สึกว่าการสอนเป็นงานที่ ทำแล้วมีความสุข เพิ่มชีวิตชีวา มือถือไมค์ไฟส่องหน้า แล้วของขึ้น” ติวเตอร์ชื่อดังของไทยพูดพลางหัวเราะ เบาๆ จากการสอนค­รั้งนั้นทำให้เธอพบตัวเองว่าชอบ เป็นครู เลยตัดสินใจทิ้งรายได้งามเพื่อเป็นอาจารย์ วิชานิเทศศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งด้วย เงินเดือนที่น้อยกว่าถึงสามเท่า

“สอนวิชาวาทะให้เด็กปี 1 ปี 2 สนุกมาก มีความ สุขมาก” คนพูดนัยน์ตาเป็นประกาย “บวกกับสอน ภาคค่ำก็ได้ประมาณหมื่นนิดๆ และถ้าไม่พอใช้ก็สอน พิเศษช่วงเย็นเสาร์-อาทิตย์เอา”

เป็น ‘ติวเตอร์/นักร้องคาเฟ่’

“เราเริ่มอาชีพติวเตอร์ตอนปี 4 ด้วยการสอนหล­าน เพื่อนที่บ้านเขา ชั่วโมงละ 150 บาท ต้องนั่งรถเมล์ไป ต่อรถต่อเรือ อาศัยว่าสมัยเรียนเพื่อนๆ มักมาให้ติว สอบให้ แล้วเขาได้คะแนนดี แต่ที่มาติวภาษาไทยได้ เพราะเป็นวิชาที่คิดว่าเราถนัดที่สุดและทำคะแน­นดี ที่สุด จะสอนภาษาอังกฤษก็ไม่เข้าปาก แต่ตอนนั้น หลานเพื่อนสอบไม่ได้ กลายเป็นปมว่าเราต้องทำให้ ลูกศิษย์เราสอบติดให้ได้”

ครูลิลลี่เปรียบตัวเองเป็นนักร้องคาเฟ่ที่ต้องเรียก ทิปหนักๆ จากลูกค้า “เหมือนเราเป็นนักร้องคาเฟ่ ที่ไม่มีสวัสดิการรองรับ เจ็บป่วยรัฐบาลไม่ช่วย

วันไหนไม่ร้องก็ไม่มีสตางค์ เราจึงต้องพยายามทำ­ให้ แขกติดให้ได้ ต้องมีมาลัยจากแขก เราต้องสอนลูกเขา ให้สอบติด นี่คือโจทย์ สมัยแรกๆ ก็ต้องอัดทุกอย่าง เหมือนเอา thumb drive มาจุ๊บที่หัวเราแล้วใส่ในสมอง เด็ก พอลูกศิษย์สอบติดเขาจะได้แนะนำคนอื่นมาเรียน”

แต่คำพูดที่บรรดาศิษย์และผู้ปกครองบอกกันแบบ ปากต่อปากคือ ครูลิลลี่เป็นครูที่แปลก “เราเป็นตัวของ ตัวเอง ไม่แอ๊บแมน ไม่ใช่ว่าเราจะแต่งหญิงตั้งแต่ วันแรกที่เริ่มต้นอาชีพนี้เลย แต่ค่อยๆ พัฒนารูปลักษณ์ ภายนอกมาเรื่อย จากใส่กางเกงยีนส์ธรรมดา ก็เป็น กางเกงรัดรูป มีหน้าอก ผมยาว ใส่รองเท้าส้นสูง กลาย เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง กล้าได้กล้าเสีย และไม่ยอม เป็นครูในระบบ”

แม้ความฝันที่แท้จริงคืออยากเป็นเมคอัพอาร์ติสต์ แต่เมื่อถึงทางแยกที่ต้องเลือกว่าจะเป็นติวเตอร์หรือ เมคอัพอาร์ติสต์ อย่างไหนกันแน่ที่ตัวเองต้องการ “ตอน นั้นอยู่บนทางสองแพ­ร่งว่าจะเป็นช่างแต่งหน้าซึ่งอายุ 60 - 70 ปีก็ยังต้องจับแปรงอยู่ เราต้องง้อลูกค้า แต่ถ้า เป็นครู ได้เงินเหมือนกัน มีความสุขเท่ากัน แต่มีเกียรติ กว่า ก็เลยมาเป็นครูที่นี่” เธอผายมือทั้งสองข้างไปรอบ ห้องเรียนที่ตอนนี้ยังว่างเพราะไม่ใช่เวลาเรียน การสอน ของครูลิลลี่ขึ้นชื่อว่าสนุกสนานบันเทิง ทว่าเต็มไปด้วย สาระ

“ปีแรกๆ เราพยายามสังเกตว่าเด็กมักจะพลาดตรง ไหน ก็คิดสูตรขึ้นมาเพื่อให้เขาจำง่าย ไม่ว่าจะเป็นสูตร วรรณยุกต์ สูตรคำเป็นคำตาย การสะกดคำ มีเป็นพันๆ สูตร ยกตัวอย่างคำว่า ‘ลำไย’ ต้องสะกดด้วยไม้มาลัย เพราะเป็นต้นไม้ หรือคำว่า ‘อนุญาต’ ไม่ต้องมีสระอิ เพราะไม่ใช่ญาติพี่น้อง ก็ต่อยอดมาเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น เด็กรุ่นแรกๆ จะได้สูตรไม่มากเท่าเด็กรุ่นนี้

“ส่วนเรื่องอื่น ข้อแตกต่างแรกของเร­าคือเพศสภาพ สอง คือความมั่นใจกล้าคิดกล้าทำและคิดนอกกรอบ ไม่กลัวอะไรเลย ฉันจะสอนแบบนี้ เรียนก็เรียน ไม่เรียน ก็ไม่เป็นไร นอกจากนี้เรายังต้องมีจุดยืนของตัวเอง หนึ่ง ความรู้ต้องแน่นก่อน สอง เทคนิคต้องมี สาม จิตใจต้อง ดงี าม บางชว่ั โมงอาจสอนไ­มส่ นกุ แตต่ อ้ งใหร้ สู้ กึ ผอ่ นคลาย และมีความสุข ทำยังไงให้เด็กอยู่กับเรา รู้สึกอบอุ่นและ มีความสุขกับการเรียน ใส่แววตา ใส่น้ำเสียง ใส่ความ จริงใจ ใส่ความรักความเมตตา ถ้าจะไม่รักครูก็ให้มันรู้ ไป (หัวเราะเบาๆ)

“เราต้องเป็นครูทุกหมวด เป็นผู้ประกาศข่าว วันนี้นะ ลูก...เกิดเหตุการณ์แบบนี้ๆๆ ช่วงนี้ฝนตกพกร่มนะลูก ถ้าโดนฝนอย่าลืมกินยา สอนทุกเรื่องเหมือนพ่อแม่ เชื่อ ไม่เชื่ออีกเรื่องหนึ่ง แต่ดุก็คือดุ เล่นก็คือเล่น มีทุกรส (ยิ้ม) ลูกกรี๊ดผู้ชายได้ แต่ไม่ใช่ปีนบันไดที่สุวรรณภูมิเพื่อ กรี๊ด ถ้าลูกตกลงมาใคร­เดือดร้อนล่ะ เราต้องเป็นครูที่ อนุรักษ์ความดีงามแบบไทย มีสัมมาคารวะ ไม่ใช่ถือ กระเป๋าแล้วไหว้มือเดียว เราดุเลยนะ ไหว้คนต้องไหว้ สองมือลูก ไหว้มือเดียวเขาไหว้ผีนะลูก ในฐานะครู ภาษาไทยห่วงเรื่องความคิดของเด็กซึ่งถ้าผิดแล้วแก้ ยาก เราจะบอกเข­าเสมอว่า ลูกเลือกนะระหว่างคนดี กับคนเก่ง ต่อให้หนูเก่งขนาดไหน แต่ถ้าทำตัวไม่ดี ก็ไม่ สามารถสร้างความสุขได้ แต่ถ้าหนูเป็นคนดี นอกจาก หนูจะมีความสุขแล้ว คนรอบข้างยังรักหนู หนูเลือกเอง แล้วกันนะ”

ลูกศิษย์ในความทรงจ­ำ

เมื่อถามถึงลูกศิษย์ที่จนวันนี้ครูลิลลี่ก็ยังไม่ลืมนั้น มี อยู่หลายคน แต่ที่เธอรู้สึกประทับใจก็คือ นักแสดงสาว อย่างเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ “เขามาตอนเรียนม.6 ที่ บดินทรเดชา เป็นช่วงที่เข้าวงการใหม่ๆ จนเขามี ชื่อเสียงแล้วเราเชิญมางาน เจนี่ไม่รับค่าตัวเลย แม้ว่า เราจะเป็นครูพิเศษ ไม่ใช่ครูในโรงเรียน แต่เขาก็ไม่เคย ลืมครูบาอาจารย์ นี่คือความกตัญญูที่เจนี่มี”

หรือแม้กระทั่งลูกศิษย์ที่เตรียมเงินมาสมัครเรียน พิเศษกับครูลิลลี่ กลับปรากฏว่าคุณพ่อของลูกศิษย์คน นั้นเสียกะทันหัน ทำให้เธอต้องนำเงินนั้นไปซื้อโลงศพ ให้บิดาแทน “ลูกศิษย์กำเงินมาจะสมัครเรียนกับเพื่อน แล้วเพื่อนมาบอกว่า เขามาสมัครไม่ได้แล้วนะคะ เพราะเขาต้องเอาเงินนั้นไปซื้อโลงศพให้พ่อที่เพิ่งเสีย ส่วนแม่ที่เป็นครูต้องเลี้ยงลูกอีกสองคน เราก็เลยบอก ผ่านเพื่อนว่าให้ไปพาเขามาห­าครู ครูสอนฟรี จนเขา สอบติดนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ เราจะมีเด็กยากจนไร้ โอกาสมาหา มาบอกว่าครอบครัวหนูเป็นแบบนี้ๆ ขอ เพียงพูดความจริง เราสอนฟรีให้ได้

“แต่ลูกศิษย์ที่ท้าทายจิตใจเราก็มี ล่าสุดเป็นเด็ก ผู้หญิงที่ดูแล้วไม่ถูกชะตา เกิดมาเราไม่เคยมีอารมณ์นี้ ถามอะไรก็ไม่ตอบ นั่งลอยหน้าลอยตาจนเร­าของขึ้น คิดในใจจะมาเ­รียนทำไม ซึ่งธรรมะช่วยได้มากเลย ถาม ตัวเองกำลังโกรธใช่ไหม...ใช่ เราจะพาลทำ­ให้ทั้งห้อง อารมณ์เสียไม่ได้ ต้องปล่อยวางด้วยการไม่มอง ให้ อภัยและเมตตา แต่หลังจากนั้นก็สังเกตเห็นว่าในขณะ ที่เพื่อนๆ พูดคุยหัวเราะกัน เด็กคนนี้ก็ยังหน้าเศร้า ไม่รู้ มีปัญหาอะไร ก็เลยกลายเป็นสงสาร อยากจะบอกว่า คืนค่าเรียนให้ดีไหม แล้วลูกอยู่บ้าน แต่ไม่กล้าบอก บางทีก็ต้องถามตัวเองว่า หรือเราสอนน่าเบื่อ ไม่ใช่โทษ แต่เด็ก เราก็ต้องดูตัวเองด้วย เพราะเทคนิคไม่ต้อง พัฒนา แต่ต้องพัฒนาจิตใจให้อยากสอน มีความสุข สนุกไปกับการสอน”

ล่าสุดพบว่าจำนวนเด็กที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยของ ไทยน้อยลง ทำให้มีที่ว่างเพิ่มขึ้นจนน่าใจหาย ครูลิลลี่ คิดอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ “อันที่จริงเด็กไม่ได้อยาก แข่งขันหรอก เราต้องเปลี่ยนค่านิยมก่อนว่า การเรียนที่ มหาวิทยาลัยไหนไม่สำคัญหรอก แต่มหาวิทยาลัยชีวิต สำคัญที่สุด ไม่ต้องมีเงินทองมากมาย­ก็ได้นะ ขอเพียง สุขภาพกายใจดี ดูแลครอบครัวให้มีความสุขก่อน เมื่อ ดีแล้วถึงจะดูแลสังคม โลกถึงจะสวยงาม อย่าให้ ปริญญาที่แปะฝาบ้านมาเป็นตัวกำหนดชีวิตคุณ”

‘เราต้องเป็นครูทุกหมวด สอนทุกเรื่องเหมือนพ่อแม่ เชื่อไม่เชื่ออีกเรื่องหนึ่ง แต่ดุก็คือดุ เล่นก็คือเล่น มีทุกรส’

 ??  ??
 ??  ?? (บนซ้าย) ครูภาษาไทยคนง­ามกำลังวาด ลวดลายการส­อนที่สนุกถูกใจลูกศิษย์วัยรุ่น
(บนซ้าย) ครูภาษาไทยคนง­ามกำลังวาด ลวดลายการส­อนที่สนุกถูกใจลูกศิษย์วัยรุ่น
 ??  ?? (บนสุด) อีกอิริยาบถหนึ่งในการสอนที่ทำให้เด็กๆ ติดใจ (บน) ไปให้ความรู้ถึงภาคใต้ของไทย ภารกิจที่ครูลิลลี่ภูมิใจ
(บนสุด) อีกอิริยาบถหนึ่งในการสอนที่ทำให้เด็กๆ ติดใจ (บน) ไปให้ความรู้ถึงภาคใต้ของไทย ภารกิจที่ครูลิลลี่ภูมิใจ
 ??  ??

Newspapers in Thai

Newspapers from Thailand