Feature Sex & Gender 101
ปัจจุบันความหลากหลายทางเพศได้ถูกหยิบยกมาพูดถึงกันอยู่บ่อยๆ และคนทั่วโลกก็ยอมรับคนกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งมาจาก Lesbian, Gay, Bisexual, Transgender และ Queer เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เอกศาสตร์ สรรพช่าง คอลัมนิสต์ที่สนใจเรื่องความหลากหลาย ทางเพศ จะพาเราไปทำความรู้จักคนกลุ่มดังกล่าว เพราะเราเชื่อว่าเพศสภาพไม่ ได้กำหนดความสามารถหรือคุณค่าที่แท้จริงของมนุษย์ ได้
“ด นตรีคือหนึ่งในสิ่งที่ทรงพลังที่สุดสิ่งหนึ่งที่ โลกเราสร้างขึ้นมา มันไม่สนว่าคุณเป็นคน เชื้อชาติไหน ศาสนาหรือชาติใด หรือเพศ สภาพคุณเป็นแบบไหน ดนตรีคือพลังที่หลอมพวกเรา มารวมกันไว้”
ผมอ่านเจอข้อความนี้ในบทสัมภาษณ์ของเลดี้กาก้า และเห็นด้วยกับเธอว่าดนตรีคือสิ่งสวยงามและทรงพลัง อย่างเหลือเชื่อ เพลงหนึ่งของเธอที่ได้รับความนิยมไป ทั่วโลกอย่าง Bad Romance เคยขึ้นสูงถึงอันดับหนึ่งของ ยูทูบในฐานะมิวสิควีดีโอที่มีคนดูมากที่สุดในโลก ณ เวลาที่ผมนั่งพิมพ์อยู่ ยอดคนดูก็แตะ 1,100 ล้านครั้ง ไปแล้ว
แน่นอนว่าแฟนเพลงของเธอนั้นมีหลากหลาย และ เธอเองก็เป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวที่ส่งเสริมความ หลากหลายทางเพศมาตลอดผ่านชีวิตและงาน
Born This Way (2011) เป็นหนึ่งงานเพลงที่เธอ ต้องการจะบอกถึงความไม่เท่าเทียมกันเรื่องเพศ และ พยายามบอกทุกคนว่าให้ก้าวผ่านอคติทั้งมวล
“เราเกิดมาแตกต่างกัน แต่เราอยู่ด้วยกันได้” ทว่า เรื่องจริงไม่ได้ง่ายอย่างนั้น ความเข้าใจในเรื่องเพศใน เชิงวัฒนธรรมของมนุษย์นั้นยังแผ่วเบา เปราะบาง และ เต็มไปด้วยอคติที่เกิดขึ้นจากความแตกต่างทาง ความเชื่อ
บทความนี้จึงอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจ เบื้องต้นและลองเปิดใจให้กว้าง เพราะเชื่อเหลือเกินว่าใน อนาคต กระแสของการเปิดกว้างเรื่องเพศนั้นจะเป็น ประเดน็ ทางสงั คมทเ่ี ราตอ้ งตามใหท้ นั ลกู ๆ หลานๆ ของเรา
ทำความเข้าใจกันก่อน
ก่อนที่เราจะไปไกลถึงเรื่องเพศที่มีมากกว่าสอง ถอย กลับมาดูก่อนว่าเราเข้าใจความเป็นชายเป็นหญิงมาก น้อยแค่ไหนอย่างไร
หากจำแนกอยา่ งงา่ ยๆ กอ่ น ความเปน็ เพศหญงิ เพศชาย ก็ดูได้จากสิ่งที่เราเห็นทางชีววิทยา เช่น เพศชายและเพศ หญงิ มสี รรี ะรา่ งกายทแ่ี ตกตา่ งกนั เปน็ เรอ่ื งจรงิ ทเ่ี ราเหน็ ได้ ดว้ ยตา อาจมคี วามเปน็ เพศทม่ี สี ว่ นผสมของทง้ั สองเพศท่ี เรียกว่า intersex หรือภาวะกะเทย โดยมากภาวะแบบนี้ ตอ้ งแกไ้ ขดว้ ยการผา่ ตดั และใหเ้ ดก็ ๆ เลอื กเพศของตวั เอง หรอื หมออาจดจู ากความโนม้ เอยี งของเดก็ ดว้ ย
เพศสภาพ หรอื sex identity เปน็ เรอ่ื งพน้ื ฐาน แตส่ ำนกึ ทางเพศ หรอื ทฝ่ี รง่ั ใชค้ ำวา่ gender นน่ั กอ็ กี แบบหนง่ึ
สำนึกทางเพศมีความหลากหลายมากกว่า อาจ แสดงออกตรงตามเพศสภาพหรือไม่ก็ได้ ปัจจุบันใน ทางการแพทย์ เรื่องเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะเป็นเพียงรสนิยมที่แตกต่างกันออกไป เช่น ผู้ชาย ที่ชอบผู้ชายด้วยกันอาจมีสำนึกทางเพศเป็นผู้หญิงหรือ ไม่เป็นผู้หญิงก็ได้ แต่มีความรู้สึกกับคนเพศเดียวกัน เท่านั้น หรือผู้หญิงบางคนที่ชอบผู้หญิงอาจมีสำนึกทาง เพศคล้ายผู้ชายและอยากแสดงออกคล้ายผู้ชาย และ ตัวเองก็ชอบผู้หญิงก็เป็นได้เช่นกัน
สำนึกทางเพศและรสนิยมเรื่องเพศจึงเป็นเรื่องที่แยก ออกจากเพศสภาพของแต่ละบุคคล อาจมีคนที่เพศ สภาพตรงกับสำนึกทางเพศหรือรสนิยมทางเพศของเขา เช่น คนที่นิยามตัวเองว่าเป็นชายแท้ ก็คือคนที่ชอบ ผู้หญิง เป็นต้น ความลื่นไหลแบบนี้นับวันยิ่งเปิดกว้าง มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสภาพทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากการดิ้นรนเอาตัวรอดแบบสังคมสมัยโบราณที่ มนุษย์เราต้องใช้กำลังเพื่อเอาตัวรอด ออกไปหาของป่า ล่าสัตว์ การแบ่งหน้าที่กันของชายหญิงในสังคม (เช่น เพศชายออกล่า เพศหญิงดูแลลูก) บทบาทและความ คาดหวังทางเพศเหล่านี้ยังถูกสืบทอดมาเรื่อยๆ เพราะ มันถูกฝังลงไปในระดับสัญชาตญาณเพื่อเป็นหนทาง ของการอยู่รอด แต่ตลอดพัฒนาการของมนุษย์ มัน
ไม่เคยมีแบบเดียวที่เหมือนกันทั่วโลก
ในบางสังคมที่มีแบบแผนพฤติกรรมที่แตกต่างกัน ออกไป ตัวอย่างเช่นในแถบต้าลี่ของประเทศจีน เผ่านาซี (Naxi) ผู้หญิงมีบทบาทเป็นผู้นำมากกว่าผู้ชาย เช่น ทำไร่ทำสวน และมีสิทธิ์ในการเลือกผู้ชายเป็น คู่ครองได้หลายคน ผู้ชายต้องเป็นฝ่ายช่วยดูแลลูกและ ไม่มีสิทธิอยู่ที่บ้านฝ่ายหญิงหากผู้หญิงไม่ต้องการให้อยู่
สำหรับสังคมแอฟริกาบางแห่ง การมีเด็กในหมู่บ้าน จะหมายถึงเด็กนั้นเป็นลูกของทุกคน เพราะหญิงชาย ในวัยเจริญพันธุ์สามารถมีเพศสัมพันธ์กันได้อย่างเสรี ฉะนั้นเมื่อหญิงสาวคนใดตั้งท้อง นั่นหมายถึงผู้ชาย ทุกคนในหมู่บ้านมีหน้าที่ในการดูแลเด็กๆ
และในบางสังคม การมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องแปลก บางชนเผ่าในแอฟริกา กว่าที่ผู้ชายจะ มคี วามสมั พนั ธอ์ ยา่ งลกึ ซง้ึ พวกเขาจะตอ้ งผา่ นพธิ กี รรม ผ่านเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ (Rite of Passage) จึงจะสามารถมี เพศสัมพันธ์กับผู้หญิงได้ สมัยกรีกและโรมันก็มีเรื่อง การรักเพศเดียวกันในหมู่ผู้ชายเป็นเรื่องปกติ และยัง กำหนดความเป็นเพศไว้ถึง 7 แบบ
ความลื่นไหลไปมาทางเพศ สำนึกทางเพศ และ รสนิยมเรื่องเพศอันหลากหลาย จึงไม่ใช่เรื่องใหม่หรือ ผิดปกติ แต่เป็นเรื่องที่อยู่คู่กับมนุษยชาติมานานแล้ว และเป็นส่วนหนึ่งของการเอาตัวรอดเช่นกัน
แต่ด้วยอิทธิพลของศาสนาที่เข้ามามีบทบาทกับชีวิต เรามากขึ้น และความพยายามในการจัดระเบียบทาง สังคมใหม่ให้ง่ายต่อการปกครองและสุขอนามัย ค่า นิยมเรื่องเพศเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อยตามความแข็งแรง ของสถาบันศาสนาและชนชั้นปกครอง อคติและการ แบ่งแยกทางเพศก็มีมากขึ้น จนเราคิดไปว่าโลกนี้มีเพียง อดัมกับอีฟเท่านั้น ทั้งๆ ที่เรายังมี สตีฟ วิไล และใครต่อ ใครอีกมากมายที่ไม่ได้อยากเป็นเหมือนอดัมกับอีฟ
เพศ ครอบครัว และตัวตน
เรื่องเพศเป็นเรื่องอ่อนไหวเสมอ ไม่ว่าจะในมุมไหนก็ ล้วนดูเปราะบาง แต่ยิ่งเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากเท่าไหร่ ผมคิดว่าเรายิ่งต้องการคำอธิบายมากขึ้นเท่านั้น การ หลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดยิ่งมีแต่จะสร้างปัญหาและความ ไมเ่ ขา้ ใจมากกวา่ โดยเฉพาะกบั เดก็ เมอ่ื ถงึ วยั ทเ่ี หมาะสม ควรอธิบายให้ฟังถึงเรื่อง ‘สำนึกทางเพศกับเพศสภาพ’ เพื่อความเข้าใจทั้งกับตัวเองและกับสังคมรอบข้าง เพื่อ ที่เขาจะได้ไม่ไปทำร้ายความรู้สึกของใครโดยไม่ตั้งใจ แต่ก็เชื่อว่ามีผู้ปกครองไม่ถึงร้อยละสิบที่กล้าพูดเรื่องนี้ กับลูกๆ ด้วยหลายปัจจัย เพราะไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี กลัวรับความจริงไม่ได้ หรือรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้รู้เรื่อง เหล่านี้ดีไปกว่าลูก ฯลฯ
ในสังคมตะวันตกซึ่งมีความตื่นตัวอย่างมากต่อเรื่อง นี้ โรงเรียนหลายแห่งในอังกฤษเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับ การเรียนการสอนในโรงเรียนว่ากำลังส่งเสริมให้เด็กมี ชุดค่านิยมเรื่องการแบ่งแยกทางเพศหรือไม่ เช่น สีชมพู สำหรับผู้หญิง เด็กชายต้องเข้มแข็ง สิ่งเหล่านี้ถูกยกมา เป็นประเด็นและมองว่านี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ เกิดการใช้ความรุนแรงในผู้หญิง นักจิตวิทยาเด็ก Dr. Diane Ehrensaft ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศ ของเด็กในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เธอสังเกต เห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของเด็กที่มีสำนึกทางเพศ ไม่ตรงกับเพศสภาพของตนมากขึ้นเรื่อยๆ
เธอให้คำแนะนำไว้ว่า ผู้ปกครองสามารถสังเกตเห็น เรื่องนี้ได้ก่อนตั้งแต่ลูกยังเล็ก เช่น การเลือกของเล่น และความสนใจในการใช้ชีวิตว่าเด็กมีบุคลิกที่ใกล้เคียง กับความคาดหวังของสังคมในเรื่องเพศมากเพียงไหน หากลูกสาวของคุณสนใจรถแข่งมากกว่าตุ๊กตา ให้ตั้ง ข้อสังเกตแล้วนำไปประกอบกับปัจจัยอื่นๆ จุดเล็กๆ นี้ อาจไม่ใช่ข้อสรุปทั้งหมด แต่จะทำให้เราเห็นแนวโน้ม ความสนใจของเขา
พ่อแม่อาจลองถามคำถามชี้นำง่ายๆ เกี่ยวกับความ รู้สึกในตัวเขา เช่นว่ารู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย มากกว่ากัน หรือทำไมชอบของเล่นชิ้นนี้มากกว่าชิ้นนั้น เพราะอะไร
ในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ต้นสหัสวรรษใหม่มีการศึกษา เรอ่ื ง Gender Identity Disorder (GID) หรอื ความผดิ ปกตทิ าง เพศสภาพในเด็กมากขึ้น พบว่าแนวโน้มที่เด็กจะเริ่มตั้ง คำถามและมีความสับสนกับเพศสภาพของตนเองมากขึ้น อีกทั้งการถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนในโรงเรียนก็เพิ่มมากขึ้น ด้วย รายงานการวิจัยของ Dr. Ken Zucker นักจิตวิทยา ที่ทำงานใน Center for Addiction and Mental Health โทรอนโต ประเทศแคนาดา ซึ่งศึกษาเด็กหญิงที่มีแนวโน้ม ทจ่ี ะเปน็ GID 25 คนตง้ั แตย่ งั เดก็ พบวา่ เมอ่ื พวกเธอโตขน้ึ 12% ในกลมุ่ มสี ำนกึ ทางเพศไมต่ รงกบั เพศสภาพ
ประเด็นของการศึกษานี้ไม่ได้อยู่ที่การแบ่งแยก แต่ เป็นการศึกษาเพื่อให้เห็นภาพว่า GID เป็นส่วนหนึ่งของ เรา และเราควรเข้าใจพฤติกรรมของเด็กกลุ่มนี้ตั้งแต่ ยังเล็กเพื่อหาทางตั้งรับกับสิ่งที่เด็กๆ ต้องเจอ เพราะ เขาอาจต้องเผชิญกับความคาดหวังของสังคมซึ่งไม่ตรง กับสิ่งที่เขาเป็น
ทง้ั สองนกั จติ วทิ ยาตา่ งบอกเปน็ เสยี งเดยี วกนั วา่ ทง้ั หมด เปน็ ขอ้ มลู ทด่ี ใี นการศกึ ษาตอ่ ไปถงึ ความคดิ ของเดก็
สิ่งที่พ่อแม่น่าจะทำได้ดีที่สุดก็คือ การอยู่ใกล้ชิด และสังเกตลูกจะทำให้คุณเห็นพัฒนาการของเขาอย่าง แท้จริงว่าลูกของคุณมีแนวโน้มเป็นอย่างไร และเราจะ สร้างความเข้าใจและให้ภูมิคุ้มกันเขาอย่างไรในการ อยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคม
เพศในป๊อปคัลเจอร์
การออกมาประกาศของ Cara Delevingne และ Sam Smith ว่าพวกเขาเป็นคนที่ลื่นไหลทางเพศ หรือ nonbinary (สำนึกทางเพศที่ไม่ใช่ชาย ไม่ใช่หญิง และ ไม่พยายามยัดเยียดตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เปิดกว้างกว่า สามารถมีรสนิยมทางเพศและ เพศสภาพที่ลื่นไหลไปมาได้) ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึง จุดยืนของคนดังต่อการโน้มน้าวหรือสร้างความเข้าใจ เรื่องความหลากหลายทางเพศในวงกว้างมากขึ้น แม้ว่า จะมีคนไม่เห็นด้วย เป็นห่วงถึงความไม่เหมาะสม แต่ อีกแง่หนึ่ง นี่ก็เป็นโอกาสดีในการเปิดโอกาสให้แต่ละ ฝ่ายได้เรียนรู้กันและกัน การลุกขึ้นมาประกาศตัวของ คนดังจึงอาจส่งแรงกระเพื่อมให้กับสังคมให้หันมามอง ปัญหานี้มากขึ้น
ในแวดวงของการศึกษา เริ่มมีการตั้งคำถามเรื่อง ความเป็นหญิงความเป็นชายมากขึ้นด้วย มีการอบรม ครูให้สร้างบรรทัดฐานที่เป็นกลางมากขึ้นต่อเรื่องเพศ เช่น การเลือกสี การเลือกบทบาทหน้าที่บางอย่างใน ห้องเรียน ฯลฯ
ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าสังคมในโรงเรียนก็คือสังคมที่ บ้าน พ่อแม่และคนในครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญ ไม่น้อยไปกว่าครูในโรงเรียน การศึกษาเรื่องเพศจะได้ ผลดีมากขึ้นหากว่าทั้งที่บ้านและโรงเรียนมีความเข้าใจ ตรงกัน เห็นภาพเดียวกัน เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในสังคมที่ยังไม่เปิดกว้างหรือให้คุณค่ากับ เพศไม่เท่ากัน กระบวนการเหล่านี้มีความหมายอย่าง มากต่อโลกของพวกเขาในอนาคต
ที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าสังคมตะวันตกก็คือสังคมเอเชีย ของเรานี่เอง ผมคิดว่าในสังคมเอเชียที่ดูเหมือนไม่ค่อย มปี ญั หาเรอ่ื งเพศ เมอ่ื มองไปรอบๆ ตวั เราทง้ั ในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ อินเดีย หรือจีน มิติทางสังคมในเรื่องความ หลากหลายทางเพศนั้นมีน้อยมาก และหากคิดว่าใน ประเทศที่มีจำนวนประชากรติดอันดับต้นๆ ของโลกทั้ง จีน อินเดีย หรืออินโดนีเซีย ยังขาดความเข้าใจเรื่องนี้ จึงน่าเป็นห่วงว่าเราจะสร้างความเข้าใจได้มากน้อยแค่ ไหน ปัญหาเรื่องเพศนี้กระทบไปถึงเรื่องของการสร้าง ความเข้าใจเรื่องอื่นๆ อีกมากมายที่จะตามมา ทั้งเรื่อง สุขอนามัย การป้องกันโรค ทัศนคติต่อเรื่องสิทธิและ เสรีภาพของคน ฯลฯ ทั้งหมดนี้เริ่มจากเรื่องเล็กๆ คือ สอนให้คนเข้าใจและยอมรับความแตกต่างของแต่ละ บุคคล
การสร้างสำนึกของการยอมรับความแตกต่างจึงเป็น เรื่องสำคัญ เพราะเมื่อทุกคนเข้าใจความแตกต่างได้ ก็ เทา่ กบั เราสามารถลดความไมเ่ ขา้ ใจลงไดเ้ ชน่ กนั
https://prachatai.com/journal/2018/01/74982 https://www.npr.org/templates/story/story.php?storyid= 90229789 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/ PMC3597769/
ความลื่นไหลไปมาทางเพศ สำนึกทางเพศ และรสนิยมเรื่องเพศอันหลากหลาย ไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือผิดปกติ แต่เป็นเรื่องที่อยู่คู่มนุษยชาติมานานแล้ว