Podcasters นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ The Secret Sauce
เด็กเภสัชและบ.ก. ข่าว online สู่พอดคาสเตอร์ ที่ผู้นำชอบฟัง ผู้ (ไม่อยาก) ตามห้ามพลาด
‘ถามตัวเองว่าถ้าวันนี้เป็นวัน สุดท้ายในชีวิต จะยังทำสิ่งที่ ทำอยู่หรือเปล่า ซึ่งตอบได้ ทันทีว่านี่ไม่ใช่’
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ช่วยอุดหนุนให้พอดคาสต์ ขวัญใจผู้บริหารมียอดรับชมรวมกันแตะหลัก ล้าน ก็น่าจะเห็นควรว่าถึงเวลาล้วงสูตรลับ ความสำเร็จของนครินทร์ วนกิจไพบูลย์ ผู้ถอดรหัส ความสำเร็จของผู้นำและองค์กรระดับโลกเสียที
ก่อนบันทึกเสียงพอดคาสต์ตอนใหม่ นครินทร์ล้วง ความลับของตัวเองมาฝากไว้กับ HELLO! Education ทั้งอดีตที่เรียนแย่จนได้ D 16 ตัว ปัจจุบันเป็นคนทำ พอดคาสต์ควบตำแหน่งบรรณาธิการบริหารสำนักข่าว The Standard และอนาคตที่อยากเป็นสถาบันกระเพื่อม สังคมอย่างสร้างสรรค์ในฐานะ ‘คนทำสื่อ’
Q: คุณคงอยากเรียนนิเทศศาสตร์ หรือวารสารฯ มาตั้งแต่เด็ก
A: ผมเรียนเภสัชฯ
Q: เส้นทางการศึกษาของคุณน่า…สนใจมาก
A: ตั้งแต่เด็กส่วนใหญ่ผมเรียนใกล้บ้าน ประถมเรียนที่ แย้มสะอาด โรงเรียนแถวบ้านที่ลาดพร้าว มัธยมเรียนที่ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา พอม.ปลาย ผม สอบเข้าเตรียมอุดมฯ สายวิทย์-วิศวะ เขารับ 700 ผม สอบได้ที่ 717 พอดีว่ามี 17 อันดับที่คะแนนเท่ากัน ผม เลยเข้าได้ ซึ่งก็ถือว่าสอบได้เป็นอันดับสุดท้าย
Q: จัดว่าเป็นคนเรียนเก่ง
A: ตอน ม.ต้นเรียนดีอยู่ห้องคิง พอมาอยู่เตรียมฯ เจอ ของจริงที่เก่งกว่าเยอะ ผมได้เกรด 3.5 - 3.7 แต่เพื่อนๆ ได้ 4.0 หรือน้อยหน่อยก็ 3.98 เด็กเตรียมฯ ที่เรียนเก่ง จริงๆ เขาไปถึงระดับโอลิมปิกกันครับ ผมเป็นเด็กค่า เฉลี่ยที่ไม่รู้จักตัวเอง รู้อย่างเดียวคือชอบอ่านนิตยสาร a day มันเปิดโลกใหม่ให้ผม เพราะไม่ได้มีแต่สัมภาษณ์ คนประสบความสำเร็จ แต่สัมภาษณ์คนชายขอบ คน ตัวเล็กๆ แนะนำหนังและหนังสือแปลกๆ
a day ทำให้ผมเริ่มมีวิญญาณขบถ เริ่มตั้งคำถามว่า ทำไมต้องทำตามคนอื่น ตอนเอ็นทรานซ์ผมเลือกคณะ เภสัชฯ ทั้ง 4 อันดับ ทุกมหาวิทยาลัย ยกเว้นจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เหตุผลคืออินดี้ไงครับ และที่เลือกเภสัชฯ เพราะที่บ้านทำธุรกิจเคมีภัณฑ์ แต่พูดตามตรงว่าพ่อ แม่อยากให้เรียนหมอ ก็เป็นค่านิยม แต่ผมไม่อยาก เรียนหมอและสติปัญญาไม่ถึงด้วย
Q: ไม่เลือกจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ แล้วเลือกที่ไหน
A: ผมอยากไปอยู่หอต่างจังหวัดและไม่สนใจแบรนดิ้ง ซึ่งก็คือชื่อเสียงเกียรติยศของสถาบัน สุดท้ายผมเอ็นท์ ติด มศว. วิทยาเขตองครักษ์ ไกลบ้านสมใจอยาก ไป เรียนคลอง 16 นครนายกโน่น
Q: ไปเรียนคลอง 16 ชีวิตเป็นยังไงบ้าง
A: ที่นั่นคือมหา’ลัยชีวิต ลองคิดภาพตามนะครับ ใน หนึ่งชั้นปีมีผู้ชาย 10 คน ผู้หญิง 50 คน ผมเลยต้องเป็น ทุกอย่าง เป็นเดือนคณะ เป็นเชียร์ลีดเดอร์ เป็นรอง ประธานค่ายอาสา เป็นคนทำหนังสือรุ่น กีฬาสีผมก็ลง แข่งทุกอย่าง เสียงห่วยมากก็ต้องเป็นนักร้อง กิจกรรม ทุกอย่างที่คณะมีตกถึงเราหมด แต่ถ้าผมอยู่จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ผมก็เป็นแค่เด็กค่าเฉลี่ยที่ไม่ได้ทำอะไร เลยต่อไป
มันทำให้เราเห็นว่าโลกไม่ได้มีแค่สยาม ไม่ได้มีแค่ คนเมือง โลกมีคนจากหลายๆ กลุ่ม มศว.ไม่ใช่สถาบัน ระดับท็อป เด็กทุนไม่มี เด็กมีตังค์ก็ไม่มี ได้เห็นคนที่จน จริงๆ คนที่ไม่รู้จักเพลงเบเกอรี่ ความเปิดกว้างในตัวเรา เลยเพิ่มสูงขึ้นมาก
Q: การเรียนล่ะ เรียนดีเหมือนเดิมไหม
A: ปีแรกผมยังสนุกกับการเรียน ปี 2 ต้องเข้าแล็บ ทำงานวิชาการ เริ่มไม่แฮปปี้ เล่นกีฬาแล้วกินเหล้าวน ไปทุกวันจนเบื่อ จนต้องไปเข้าห้องสมุดซึ่งใหญ่มากและ ดีมาก ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับการแสวงหาชีวิตที่วัยรุ่น ชอบอ่าน พวกวรรณกรรมเข้มข้นของ Hermann Hesse, Leo Tolstoy, Fyodor Dostoyevsky, Albert Camus, Orhan Pamuk จนถึงเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ชาติ กอบจิตติ จิรนันท์ พิตรปรีชา วิทยากร เชียงกูล นิธิ เอียวศรีวงศ์ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ และหนังสือของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่ เปลี่ยนโลกของผมอย่างมหาศาล บางเล่มอ่านไม่รู้เรื่อง หรอกครับ แต่มันเท่
ห้องสมุดเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเกือบจะเรียนไม่จบ อ่านหนังสือพันธุ์หมาบ้า 3 วันติด ไม่ยอมไปเรียน เป็น คนรักดีนะครับ แค่สับสนชีวิต ทุกวันนี้เวลาคณะเชิญไป สอนน้องๆ ผมยังขอโทษอาจารย์ที่เคยทำตัวไม่น่ารักเอา เสียเลย
Q: มีใครฉุดกลับขึ้นมาบ้างไหม
A: คณบดีเรียกไปคุย เขารู้ว่าผมไม่ใช่คนเรียนแย่ แต่ถ้า ไม่เอาก็คือไม่เอา จากเด็กเตรียมฯ ที่ได้ 3.7 ที่เภสัชฯ ผมไดท้ กุ เกรดตง้ั แต่ A - F สดุ ทา้ ยผมเรยี นจบพรอ้ มเพอ่ื น ด้วยเกรด 2.4 ได้ D 16 ตัว แค่นี้ผมแฮปปี้แล้ว เพราะเรา ตั้งใจแค่เรียนให้ผ่าน ตอนสอบใบประกอบโรคศิลป์ ผม ไปสอบและสอบผ่าน คะแนนทฤษฎีผมได้ 84 เต็ม 100 แต่เพื่อนในรุ่นสอบไม่ผ่านกันเกือบสิบ
Q: จากเภสัชฯ แล้วมาทำงานสื่อได้อย่างไร
A: จุดที่ทำให้เราอยากเขียนและอยากทำงานสื่อจริงๆ คือการไปฝึกงานที่ a day ตอนปี 3 เป็น 3 เดือนที่ เปลี่ยนชีวิตผม เราได้เห็นชีวิตจริงของคนทำงาน ผมไป สัมภาษณ์คุณกบ-ธนกร ฮุนตระกูลที่สมุย เป็นไฮโซรักษ์ โลก ได้คุยกับพี่ต้อม-เป็นเอกที่เราดูหนังเขามานาน เจอ พี่โน้ส-อุดม แต้พานิช มาเล่นตลกที่ออฟฟิศ ได้ไปคุยกับ คนรากหญ้า ถ้าเราได้อยู่กับสิ่งเหล่านี้ไปทั้งชีวิตคงมี ความสุข เลยคิดกับตัวเองว่าอยากเป็นนักเขียน
Q: พอเรียนจบเภสัชฯ ก็เลยไปสมัครงานตาม นิตยสารต่างๆ
A: เปล่า ผมไปเป็นเซลส์ขายยาอยู่ 2 ปี เด็กอายุ 23 ปี หาเงินได้เดือนละแสน แต่ช่วงหลังๆ ร้องไห้ทุกวัน วัน หนึ่งผมมองตัวเองหน้ากระจก ถามตัวเองว่าถ้าวันนี้เป็น วันสุดท้ายในชีวิต จะยังทำสิ่งที่ทำอยู่หรือเปล่า ซึ่งตอบ ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่งานที่ผมรักและภูมิใจเลย เลยถาม ตัวเองต่อว่าแล้วอยากทำอะไร ก็ตอบตัวเองได้ว่าอยาก เป็นนักเขียน วันนั้นเลยขับรถไปลาออก แม่ไม่คุยด้วย ไปหลายวัน ตอนนั้นผมมีรถขับ เป็นท็อปเซลส์ ไม่มี เหตุผลอะไรเลยที่ผมจะออกมาจากจุดนั้น ก็แค่เราไม่รัก
แล้วพี่ก้อง (ทรงกลด บางยี่ขัน บรรณาธิการบริหาร a day ในเวลานน้ั ) รวู้ า่ ผมวา่ ง คนของ a day ลาออกพอดี เขาเลยเรียกผมไปทดลองงาน ที่สุดก็ได้เริ่มต้นเงินเดือน นักเขียน 15,000 บาท จากแสนเหลือแค่นี้แต่มีความสุข ที่สุด แม่ด่าแค่ไหนก็ไม่สน ไปทำงานด้วยความกระชุ่ม กระชวยเพราะนค่ี อื งานในฝนั จากนน้ั ไปเปน็ บรรณาธกิ าร บทความนิตยสารผู้ชายชื่อ Elle Men ได้เห็นการทำงาน ของมืออาชีพในหนังสือหัวนอก แต่ก็ลาออกอีก เพราะ พโ่ี หนง่ (วงศท์ นง ชยั ณรงคส์ งิ ห)์ ชวนไปเปน็ บก.สำนกั ขา่ ว ออนไลน์ The Momentum ผมได้ออกแบบสื่อที่ผมอยาก สร้างขึ้นมาเอง ทำไป 6 เดือนก็มีเรื่องหุ้นของพี่โหน่งเกิด ขึ้น เขาเลยชวนออกมาทำ The Standard ท้าทายกว่า เดิม คราวนี้เราเปิดเป็นสำนักข่าวเต็มตัว
Q: พอดคาสต์ The Secret Sauce เป็นมาอย่างไร
A: หลังจากเปิดตัว The Standard ไม่กี่เดือน ผมทำ พอดคาสต์ชื่อ The Secret Sauce เป็นรายการแรกที่เป็น ตัวผมเองคนเดียว คอนเซปต์คือการถอดรหัสของ แบรนด์ผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการ เราทำหน้าที่ สัมภาษณ์คนแล้วดึงเรื่องที่น่าสนใจออกมาให้คนฟังเอา ไปใช้ต่อ ช่วง 6 เดือนแรกยากมากเพราะเราโนเนม แต่ เราก็ทำไปจนคนเริ่มเห็นว่าเด็กคนนี้ใช้ได้ รายการน่า สนใจ บวกกับเทรนด์พอดคาสต์เติบโตขึ้น กลายเป็นว่า ตอนนี้คนฟัง 20% ของ The Secret Sauce คือผู้บริหาร ระดับสูง เขาฟังอยู่แล้ว พอติดต่อไปเขาก็ยินดีมาออก รายการ ถือเป็นรายการที่อยู่ในสายตาของผู้บริหาร
Q: สัมภาษณ์คนเยอะในพอดคาสต์นี้ ของใครติดอยู่ในใจบ้าง มีซอสลับ
A: คุณอานันท์ ปันยารชุน ซึ่งแปลกมากที่เป็นคนที่ ติดต่อง่ายที่สุด เป็นคนสร้างชื่อเสียงเกียรติยศมากมาย แต่ปล่อยวางได้ทุกอย่าง ใช้ชีวิตอยู่เงียบๆ และพี่ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา เขาไม่ได้มาพูดใน The Secret Sauce แต่ เคยมาบันทึกวิดีโอให้ The Standard แกเป็นปราชญ์ คนหนง่ึ ของประเทศไทย เปน็ สองคนทค่ี อ่ นขา้ งมอี ทิ ธพิ ล ในความคิดในช่วงวัยที่โตขึ้นมา
Q: ฟังความลับความสำเร็จของคนอื่นมามาก ความลับความสำเร็จของคุณคืออะไร แล้ว
A: เป็นเรื่องที่ผมคิดเยอะมาก มันไม่ใช่ความสำเร็จของ ผมหรอก แต่เป็นเรื่องของคนที่ประสบความสำเร็จอยู่ แล้ว และเอาประสบการณ์ที่ผมเจอรวมเข้าไป ผมตก ตะกอนได้ว่า ผู้นำเมื่อ 10 ปีก่อนกับผู้นำวันนี้ไม่เหมือน กัน ผมแบ่งเป็น 3 P คือ Performance, Profit, People ความเป็นผู้นำองค์กรต้องแตะ 3 สิ่งนี้
Performance คือวิชั่น กลยุทธ์ คอนเทนต์หรือ โปรดักส์ต้องดี เป็นจุดแข็งของแบรนด์หรือองค์กร
Profit คือ บิสิเนสโมเดลต้องชัดเจน เช่นคุณจะ หาเงินกับการโฆษณาแบบเดิมๆ ไม่ได้ ต้องหาวิธีการ ใหม่ๆ เช่น ธนาคารจะหาเงินจากค่าธรรมเนียมไม่ได้ แล้ว หนังสือจะหาเงินจากค่าโฆษณาไม่ได้
People ผู้นำมีหน้าที่กำหนดทิศทางคร่าวๆ ว่าจะไป ทางไหน แต่ต้องให้พนักงานลงมือทำเอง เรียกว่า Service Leadership และผนู้ ำยคุ นต้ี อ้ งเปน็ ผฟู้ งั พนกั งาน ของคุณตื่นมาทำงานทุกวันทำไม เขาคิดอย่างไรกับโลก เขาจะทำงานให้ดีขึ้นอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่อง people นแ่ี หละ การบรหิ าร การเขา้ ใจ การเหน็ อกเหน็ ใจ การรับฟัง และการให้อิสระคนทำงาน อย่าไปสั่ง องค์กร ต้องไม่ทำงานแบบน้ำตกที่ตกลงมา แต่ต้องทำงาน ร่วมกันครับ