Hello! (Thailand)

ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์

ประทานสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวส่วนพระองค์

-

อะไรที่ควรจะกิน ยังดีที่ร่างกายยังสามารถเอา­สิ่งที่ ดีมาหล่อเลี้ยงชีวิตใหม่ให้เติบโตขึ้นได้”

พระองค์มีพระประสูติการแบบสะกด­จิตบำบัด ใช่ไหมเพคะ?

“ใช่ การที่เรามีภาวะแพ้ท้องอย่างรุนแรงทำให้ เรารู้ว่าพลังของจิตใจอยู่เหนือร่างกาย เพราะเราได้ ลองทุกอย่างที่จะช่วยให้เราผ่านช่วงนั้นไปได้

“เราคงพูดไม่ได้ว่าวิลเลี่ยมคอยยืนป้อนคำ หวานให้กับเรา เพราะพระอง­ค์ทรงไม่ได้ทำแบบนั้น (ทรงพระสรวล) เราเองไม่ได้ขอให้พระองค์ทำด้วยสิ นี่เป็นเรื่องที่เราอยากทำด้วยตัวเอง เราเห็นพลัง ของการทำสม­าธิ และหายใจเข้าลึกๆ ที่มีคนสอน ให้ทำเวลาที่ป่วย เรารู้ได้ว่านี่เป็นสิ่งที่เราจะควบคุม ตัวเองได้เวลาคลอดลูก มันทรงพลังมาก

“ด้วยความที่เรารู้สึกแย่ช่วงตั้งท้อง เราเลยออก จะชอบการคล­อดลูก ...เพราะมันเป็นการจบเรื่อง แพ้ท้อง แต่เราก็รู้ว่าบางคนก็ผ่านการคลอดไ­ด้ยาก ดังนั้นเรื่องพวกนี้จึงไม่ใช่สำหรับทุกคน ไม่มีการตั้ง ทอ้ งไหนทเ่ี หมอื นกนั ไมม่ กี ารคลอดไหนท­เ่ี หมอื นกนั ”

พระองค์ทรงรู้สึกอย่างไรตอนที่ทรงอุ้มเจ้าชาย จอร์จเป็นครั้งแรก?

“เยี่ยมมาก เราบอกได้เลยว่ามันเป็นสิ่งที่ เยี่ยมจริงๆ ร่างกายคนเรา­ทำแบบนี้ได้ยังไง? เป็น ความรู้สึกวิเศษที่สุด จอร์จน่ารักมาก รู้สึกโล่งใจที่ จอร์จเป็นเด็กชายสุขภาพดี มีความสุข”

พระองค์ทรงทราบว่าจะได้พระโอรส?

“เราไม่ทราบเลย

มันเป็นเซอร์ไพรส์

แต่การได้ เห็นความสุขบนหน้าของวิลเลี่ยม จริงๆ” เป็นเรื่องพิเศษ

พระองค์ทรงรู้สึกอย่างไรที่มีผู้คนมากมายมา รออยู่ด้านนอก หลังจากมีพระประสูติการและ พระองค์เสด็จออกมาพร้อมกันแบบเป็น ครอบครัว?

“ใช่ ตื่นกลัวนะ ไม่โกหกเลยว่าออกจะกลัว (ทรง พระสรวล)

“ทุกๆ คนให้กำลังใจมาก วิลเลี่ยมกับเรา ตระหนักว่านี่เป็นเรื่องที่ทุกคนตื่นเต้นกัน เรา ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจที่ผู้คนแสดงออกกับ เรา และให้เราได้แบ่งปันความสุข และความรู้สึก ขอบคุณ ซึ่งเรารู้สึกว่าสำคัญมากจริงๆ

“แต่ที่มาควบคู่กันไปด้วยก็คือการมีลูกอ่อน การ เป็นพ่อแม่มือใหม่ และความไม่แน่นอนว่าจะเจอ อะไรบ้าง ทุกอย่างมันผสมปนเปกันไปหมดเลย”

พระองค์เสด็จออกมาหลังมีพระประสูติการ กี่ชั่วโมงเพคะ?

“โอ เราจำไม่ได้ ทุกอย่างมันออกจะเบลอ­ๆ ไป เลย เราคิดว่าเรานอนค้างที่โรงพยาบาลน­ะ เรา จำได้ว่าเป็นวันที่กลางวันร้อนที่สุดวันหนึ่ง และ กลางคืนมีฝนฟ้าคะนอง เราเลยนอนไ­ม่ค่อยได้มาก นัก แต่จอร์จนอนได้ ซึ่งเยี่ยมมากเลย

“เราชอบกลับบ้านมากกว่า เพราะความท­รงจำ ที่เรามีต่อโรงพยาบาล­คือการป่วยไข้ไม่สบาย โรง พยาบาลจึงเป็นที่ที่เราไม่อยากอยู่ เราอยากรีบ กลับบ้านให้เร็ว และกลับเป็นปกติโดยเร็ว

จะทำใหด้ ที ส่ี ดุ เทา่ ทท่ี ำได้ เพอ่ื ลกู ของเรา”

พระองค์ทรงรู้สึกผิดกับการทำหน้าที่แม่บ้าง ไหมเพคะ?

“ใช่ แน่นอนที่สุด แม่คนไหนบอกว่าไม่เคยรู้สึก เลยเนี่ยโกหกแล้ว อย่างเมื่อเช้าตอนจะมาที่นี่ จอร์จกับชาร์ล็อตต์ถามเราว่า ‘แม่ ทำไมแม่ไม่ไป ส่งพวกเราที่โรงเรียนวันนี้?’

“มันเป็นความท้าทาย เราได้ยินเรื่องเหล่านี้จาก พวกแม่ๆ ต่อๆ กันมา แม้แต่แม่ที่ไม่ได้ทำงาน และไม่ต้องกังวลใจเรื่องชีวิตการทำงานแ­ละชีวิต ครอบครัว ...และมักจะตั้งคำถามกับการตัดสินใจ ของเราเอง และเรื่องวิจารณญาณของ­เรา เราคิดว่า เรื่องพวกนี้เป็นกันมาตั้งแต่เริ่มต้นมีลูกเลย

“และเรายังรู้สึกถึงความรับผิดชอบที่ใหญ่มาก สิ่งที่เราได้เรียนรู้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาวิเศษมาก และเราคงจะ­ทำอะไรที่ต่างออกไป แม้แต่ในช่วง ตั้งท้อง เพราะตอนนี้เราเป็นงานแล้ว เราพบว่า ความผาสุกของการเป็นแม่ ไม่ใช่เพียงแต่เรื่อง กายภาพ มีข้อมูลมากมายที่บอกว่าเราต้องออก กำลังกาย ต้องกินอาหารที่ดีนะ ซึ่งใช่ มันสำคัญ แต่ความผาสุกทางจิตใจของแม่ส่งผลโดยตรงต่อ ลูกที่เราเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้น”

ถ้าพระองค์จะทรงพระนิพนธ์เรื่องเกี่ยวกับการ เป็นแม่ให้ใครสักคนได้อ่าน คนนั้นจะเป็นใคร และจะทรงพร­ะนิพนธ์อย่างไร?

“เราเขยี นถงึ ตวั เองไดไ้ หม? มนั จะประหลาดไ­หม? “เราอยากจะเ­ขียนถึงตัวเองในช่วงตั้งท้องลูกคน แรก เพราะจากปร­ะสบการณ์ที่เราได้เจอ ไม่เพียง แต่เรื่องเป็นแม่ แต่เรายังเรียนรู้จากการลงลึกในช่วง ปแี รกเรม่ิ ของชวี ติ เราเรยี นรอู้ ะไรมากมาย เราอยาก จะกลบั ไปบอกกบั ตวั เองตง้ั แตเ่ รม่ิ ทอ้ งวา่ สง่ิ ทเ่ี รารสู้ กึ ไดใ้ นตอนน้ี เปน็ เรอ่ื งทส่ี ำคญั ตอ่ การเปน็ พอ่ แม่ และ ยงั มคี วามสำคญั ตอ่ เดก็ ๆ และลกู ๆ ของเราในตอ­นน้ี

“มนั เปน็ เรอ่ื งงา่ ยๆ ทส่ี รา้ งความแตกตา่ งได้ ไมใ่ ช่ เพยี งแคก่ ารไปสง่ หรอื ไปรบั ลกู ไดท้ กุ ครง้ั แตม่ นั เกย่ี ว กบั ชว่ งเวลาคณุ ภาพทเ่ี รามใี หก้ บั ลกู ตอนทเ่ี ราฟงั สง่ิ ที่ลูกพูดได้อย่างถูกต้อง เข้าใจได้ถูกต้องว่าลูกรู้สึก อย่างไร และเมื่อมีอะไรที่ผิดพลาด ให้ใช้เวลาคิด อย่างจริงจัง ‘เรารู้สึกยังไงในฐานะแ­ม่? เราทำให้ลูก แย่ เพราะนเ่ี ปน็ เรอ่ื งทม่ี าจากความรสู้ กึ ของเรา มาก กว่าที่จะเน้นความสำคัญที่ลูก และดูว่าลูกจะทำ อย่างไรในสถาน­การณ์นั้นๆ?’ นั่นคืออีกคำแนะนำที่ เราอยากใหก้ บั ตวั เองในตอนนน้ั

“เมื่อวันก่อน มีคนถามเราว่า ‘พระองค์ทรง ต้องการให้พระโอรสพระ­ธิดาทรงจดจำเ­รื่องราว อะไรระหว่างที่ทรงพระเยาว์บ้าง?’ เราคิดว่านั่นเป็น คำถามที่ดีนะ เพราะลองไป­คิดดูแล้ว จะใช่ตอนที่ เราสอนการบ้านเลขกับการสะกดคำ­ในช่วงสุด สัปดาห์รึเปล่า หรือจะเป็นตอนที่เราออกไปนั่งก่อ

กองไฟกันแล้วพยายามปิ้งไส้กรอก

เปียกฝนรึเปล่า?

“นน่ั คอื สง่ิ ทเ่ี ราอยากใหล้ กู ๆ จดจำ ในชว่ งเวลานน้ั กบั เราทเ่ี ปน็ แม่ และเวลาทค่ี รอบครวั เราไปทะเล เลน่ นำ้ จน เปยี ก มนี ำ้ เตม็ รองเทา้ บตู๊ เราอยากใหล้ กู ๆ จำเรอ่ื งพวกน้ี

“เรามีความสุขเวลาที่อยู่กลางแจ้งกับครอบครัวใน ชนบท และสนุกกันจนเลอะเทอ­ะ”

แต่ทำไม่ได้ เพราะ

ชวี ติ ครอบครวั ทที่ รงเตบิ โตขนึ้ มาเปน็ อยา่ งไรเพคะ?

“เรามีชีวิตวัยเด็กที่มีความสุขมาก สนุกมาก เรา โชคดีมาก เรามาจากคร­อบครัวที่เหนียวแน่นมาก พ่อ แม่ของเราทุ่มเทให้กับพวกเรา น้องๆ ของเรา เราซึ้งใจ มากในตอนนี้ที่เราเป็นแม่คนแล้วว่า พ่อแม่เสียสละให้ กับพวกเราแค่ไหน

“เราคิดว่าสิ่งที่สอดคล้องกับเราที่สุดก็คือเรื่องง่ายๆ ที่เราพบเจอกับลูกๆ ของเรา ชีวิตมันวุ่นวายมาก เรา จึงควรปลีกเวลาและหา­กิจกรรมง่ายๆ อย่างนั่งมองดู ไฟกันในวันฝนตก ซึ่งทำให้เรามีความสุขมาก

“เราจำได้ตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็กว่าการทำอะไร­ง่ายๆ อย่าง เดินเล่นด้วยกัน เป็นสิ่งที่เราพยายามท­ำร่วมกับ ลูกๆ เพราะมันช่วยให้หลุดพ้นจากปัญหาและความ กดดันของการเป็นพ่อแม่

“เราคิดว่าประสบการณ์เหล่านี้มีความหมายต่อลูกๆ และโลกที่ลูกๆ อยู่ ซึ่งเป็นการผจญภัยในช่วงวัยนี้”

อะไรคือส่วนหนึ่งของวัยเด็กที่พระองค์อยากจะ ทรงมอบให้กับพระโอรสพร­ะธิดา?

“ถ้าเราจะนำปร­ะสบการณ์จากชีวิตวัยเด็กของเรา มาผนวกกับสิ่งที่เราเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้านปฐมวัย ก็จะมีบางอย่างที่เราผุดนึกขึ้นมา

“หนึ่งคือคุณภาพของควา­มสัมพันธ์ ช่วงเวลาที่เรา ใช้ไปกับผู้คนรอบตัว เราจำได้จากตอนเป็นเด็กว่า เรามี ยายที่ยอดไปเลย ท่านทุ่มเทเวลามาก­มายกับพวกเรา เล่นกับเรา ปาเป้า ทำงานฝีมือ ไปเรือนกระจกเพื่อปลูก ต้นไม้ และทำอาหาร­กับพวกเรา เราพยายามที่จะ เชื่อมโยงประสบ­การณ์ที่เราได้รับมาให้เข้ากันกับ ประสบการณท์ เ่ี รามอบใหก้ บั ลกู ๆ ในปจั จบุ นั

“เราชอบภาพข­องชาร์ล็อตต์ที่กำลังดมดอก บลูเบลล์ เป็นช่วงเวลาที่มีความหมายมา­กต่อเรา ที่เป็นพ่อแม่ เราพยายามเ­ติมช่วงเวลาแบบนี้ในทุกๆ วัน แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือแม้ว่าเราจะไม่มี เวลา แต่นี่คือสิ่งที่เราอยากจะท­ำในโลกอุดมคติ ใช่ แล้ว ความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม สิ่งแวดล้อม และ ประสบการณ์ที่มีความสุข”

หม่อมฉันคิดว่าการสำรวจค­วามคิดเห็นนี้จะเป็น ส่วนสำคัญในการทำให้เกิดการพูดคุยสนทนากัน ในเรื่องนี้

“มันไม่ใช่แค่เรื่องการที่เด็กๆ มีความสุข สุขภาพ แข็งแรงเท่านั้น นี่เป็นผลต่อเนื่อง และผลลัพธ์ตลอด ชีวิต เรานึกถึงสถิติหนึ่งที่ว่า 17,000 ล้านปอนด์ที่ใช้ จ่ายในอังกฤษและเวล­ส์ ใช้จ่ายไปกับการจัดการ ปัญหาที่สายเกินไป มันไม่ได้เป็นแต่เพียงมูลค่าทาง เศรษฐกิจที่เสียหาย แต่นี่คือมูลค่าทางสังคมที่ใหญ่ สำหรับชุมชนเรา

“นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงทำเรื่องนี้ เพราะมันต้อง ใช้เวลานาน เราพูดถึงการเปลี่ยนแปลงแบบชั่วคน และหวังว่านี่จะเป็นก้าวแรกในการ­เริ่มสร้างบทสนทนา เรื่องความสำคัญของพัฒนาการเด็กปฐมวัย”

 ??  ??
 ??  ??
 ??  ?? (บน) เจ้าชายจอร์จสำราญพระห­ฤทัยกับการเล่นในกลุ่ม พ่อแม่ที่เวลลิงตัน นิวซีแลนด์ (ขวา) พระมารดามือใหม่ ทรงอุ้มเจ้าชายจอร์จเสด็จลงจากเครื่องบินพระที่นั่ง ที่ซิดนีย์ ในช่วงการเสด็จเยือนนิวซีแลนด์และออสเตรเ­ลีย
ของครอบครัวเคมบริดจ์เมื่อเดือนเมษายน ปี 2014
(บน) เจ้าชายจอร์จสำราญพระห­ฤทัยกับการเล่นในกลุ่ม พ่อแม่ที่เวลลิงตัน นิวซีแลนด์ (ขวา) พระมารดามือใหม่ ทรงอุ้มเจ้าชายจอร์จเสด็จลงจากเครื่องบินพระที่นั่ง ที่ซิดนีย์ ในช่วงการเสด็จเยือนนิวซีแลนด์และออสเตรเ­ลีย ของครอบครัวเคมบริดจ์เมื่อเดือนเมษายน ปี 2014
 ??  ??

Newspapers in Thai

Newspapers from Thailand