‘แหม่มเองประทับใจในความมีน้ำใจ ของยูมิมาก ซึ่งเรื่องนี้ใครเถียงไม่ ได้หรอก แหม่มมั่นใจ ยิ่งเวลาเพื่อน คนไหนได้ดี หรือใครดี เขาจะดีใจ ด้วยแบบบริสุทธิ์ใจจริงๆ’
เรียน จะไปสอบติดได้ยังไง ก็รู้ตัวแหละค่ะว่าไม่มีทาง สอบติด แต่คิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้เอ็นทรานซ์ ก็นัด กับมิ เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงฉันมารอเธอ ใครเสร็จก่อนไป รอกัน แหม่มเข้าห้องสอบ ทำเสร็จก็ไปนั่งรอเขาที่หน้า ห้อง เขาเห็นแหม่มก็เลยออกมาและเดินกลับด้วยกัน”
“เราใช้สถานที่สอบเดียวกันคือสาธิตปทุมวัน มิรู้ว่า เราเตรียมตัวมาไม่พร้อม ระหว่างที่เดินก็เลยบอกเขาไป ว่าเราอาจจะเสร็จเร็วนะ เผื่อเขาอยากทำนานกว่า ก็ไม่ ต้องกังวลว่าจะต้องมาเดินกลับด้วยกัน ทำไปทำมาพอ เงยหน้าขึ้นมาอีกทีเขานั่งโบกมือให้อยู่หน้าห้อง จากวัน นั้นก็เลยทำให้เราได้คุยกันมากขึ้น แล้วก็ไปสนิทกันที่ เอแบคต่อ นั่งโต๊ะเดียวกัน แล้วก็มีเพื่อนสนิทในโต๊ะ เดียวกันอีกหลายคน” คุณมิตอบ
ดาวค้างฟ้าอย่างคุณแหม่มเริ่มต้นทำงานในวงการ นางแบบตั้งแต่ยังเรียนมัธยมปลาย โดยที่คุณนิลวรรณ ปน่ิ ทอง บรรณาธกิ ารนติ ยสารสตรสี าร ขออนญุ าตคณุ แม่ (ยรุ พร แมคอนิ ทอช) ใหเ้ ธอเปน็ นางแบบขน้ึ ปกสตรสี าร
“ถ่ายเสื้อพี่ตั้ว ดวงใจบิส เราใหม่กับการทำงาน ไม่รู้ เรื่อง คุณแม่บอกว่าให้รับงานได้แค่เสาร์อาทิตย์เท่านั้น แต่มาจริงจังตอนเรียนอยู่เอแบคค่ะ พอขึ้นปี 2 ก็ถ่าย ละครเรื่องแรกกับพี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ)
“เพื่อนก็ช่วยจดเลกเชอร์ให้บ้างบางวิชา แต่เราก็ ต้องเข้าเรียนด้วย เพราะเขาห้ามขาดเรียนเกิน 80% ซึ่ง แหม่มก็ว่าดีเหมือนกัน เพราะถ้าปล่อยฟรีเลย แหม่มก็ อาจเรียนไม่รู้เรื่อง ก็เลยได้อยู่กับเพื่อนตลอด”
“สมัยก่อนเวลาแหม่มไปถ่ายแบบเขาก็จะหนีบมิ ไปด้วย สองสามครั้งมังคะ ถ้าจำไม่ผิด การไปถ่ายแบบ หรือถ่ายละครนี่ดูเหมือนง่ายแต่เป็นงานที่เหนื่อยนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาไปต่างประเทศ แต่แหม่มเขา ไม่มีอิดออด และขนาดเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย แหม่มก็ยังจบไปก่อน 1 เทอม มิเลยต้องรีบลงเรียน เทอมสุดท้ายหลายวิชาเพื่อที่จะรับปริญญาพร้อมกัน
“จากนั้นชีวิตการทำงานของมิไม่ว่ามิทำงานที่ไหน ทั้ง Cartier, Dior หรือจนถึงปัจจุบันที่เพนดูลัม เขาจะ เป็น supporter ที่ดีของมิมาโดยตลอด
“ถ้าถามว่าประทับใจการทำงานกับเพื่อนครั้งไหน จริงๆ คือทุกครั้งที่ทำงานกับแหม่ม แหม่มไม่เคยทำให้ ผิดหวัง เพราะเขาตั้งใจทำงานและมีความเป็นมืออาชีพ สูง แต่จำได้แม่นว่าตอนเปิดร้าน Fendi มิสซิส เฟนดิบินมาร่วมงานและขึ้นกล่าวสปีช ซึ่งสปีชที่แปลมา ให้พิธีกรคือแบบสรุปตอนท้ายรวดเดียวจบเป็นภาษา ไทย แต่ปรากฏว่าพอถึงเวลามิสซิสเฟนดิกลับพูดแล้ว หยุดให้แหม่มแปลเป็นท่อนๆ มิอยู่ข้างล่างก็ลุ้นว่าแหม่ม จะทำยังไง เพราะที่เราเตรียมให้เขาเป็นแบบสรุปรวม สั้นๆ ของทั้งหมด แต่ปรากฏว่าเขาสามารถแปลได้อย่าง สวยงาม เรียกว่าสามารถแก้สถานการณ์ได้ดี แบบที่เรา ไม่ต้องห่วงเลย ประทับใจรู้สึกว่าเพื่อนฉันเก่งจังเลย แถมนอกจากความสามารถที่มีแล้ว ค่าตัวก็ไม่ค่อย ยอมจะรับ” คุณยูมิเล่า
ส่วนเพื่อนสาวคนงามนั่งยิ้มอยู่ข้างๆ อย่างเขินๆ “นั่นไง...อย่าอวยไป ก็เราไม่รู้จะ ตอบแทนเพื่อนยังไง แล้วทำงานกับยูมิไม่รู้สึกเหนื่อยเลย และไม่ใช่ว่าไม่อยากไป เป็นความเต็มใจและอยากทำให้ บางทีติดละครทำไงดี ฉันปล่อยไม่ได้ ก็ไปขยับคิวจน ทำให้เขาได้ เรียกว่าอะไรที่เป็นของยูมินี่ ไม่ได้พูดเพื่อ เอาใจนะ เป็นความเต็มใจ อยากช่วย อยากทำให้