‘ผมโชคดีที่ตั้งแต่เด็กได้เห็น การทำงานทั้งสองด้าน ทั้งฝั่ง ธุรกิจของคุณแม่ และฝั่ง ราชการตำรวจของคุณพ่อ ซึ่งผมก็ประทับใจทั้งสองด้าน’
แบรนด์ลูกอย่าง Toseé (อ่านว่า โทซิเอ้) ซึ่งมาจาก ชื่อของเจ้าตัว ก็เป็นรูปเป็นร่างและเปิดตัวเมื่อ ปลายปีที่ผ่านมา โดยเป็นแบรนด์ลูกในเครือที่ ปลุกปั้นและต่อยอดมาจากแบรนด์ Go Hair
“ผมมองว่า Go Hair ทำมาเข้าปีที่ 19 แล้ว เทา่ กบั วา่ เรามคี วามเชย่ี วชาญดา้ นเสน้ ผมมาก เรามี ผลติ ภณั ฑท์ ต่ี อบโจทย์ ผมเสน้ เลก็ ผมเสน้ ใหญ่ ผม รว่ ง ฯลฯ แตใ่ นขณะเดยี วกนั ดว้ ยตลาดทเ่ี ปลย่ี นแปลง ไป ปัจจุบันปัญหาของเส้นผมของแต่ละคน แต่ละ ประเทศ แตกตา่ งกนั และดว้ ยไลฟส์ ไตลท์ ช่ี อบความ เปน็ ยนู กี ผมจงึ คดิ ทำสนิ คา้ ทพ่ี รเี มยี มขน้ึ ปราศจาก สารเคมี ในขณะเดียวกันก็มีความหลากหลายและ เจาะจงมากขน้ึ เชน่ ผลติ ภณั ฑด์ แู ลผมสำหรบั ผชู้ าย ผลิตภัณฑ์สำหรับผมเส้นเล็กที่ผ่านการทำเคมี ผม เส้นใหญ่ที่ผ่านการทำเคมี แชมพูสำหรับดีท็อกซ์ ฯลฯ สินค้าใหม่จะเหมือนเป็น Personalized Product เลย ใครมีปัญหาเส้นผมอย่างไร ผลติ ภณั ฑเ์ ราดแู ลไดค้ รบหมด”
อย่างไรก็ตามแม้ลูกๆ จะเข้ามาช่วยงาน เต็มตัว แต่ทุกอย่างก็ยังต้องผ่านการอนุมัติ จากคุณแม่เสมอ ที่จะคอยช่วยไกด์ให้ทั้งคู่ ก้าวไปได้อย่างแข็งแรงและมั่นคง
“ที่ห้องทำงานของทั้งคู่ เขาจะมีกระดาน ไวต์บอร์ดอันใหญ่เบ่อเริ่ม ไว้คอยจดไอเดีย ต่างๆ ของพวกเขาใส่ลงไป ถ้าวันไหนเห็นแม่
ว่าง ก็จะดึงตัวไปขอเวลาพรีเซนต์งาน ซึ่งในบาง ส่วน แม่จะยังไม่ให้ผ่าน ถึงจะนำเสนอเยอะมาก เยอะจนคุณแม่บอกว่าไม่ไหวแล้ว ลูกๆ ไอเดีย เยอะเหลือเกิน (หัวเราะ) บางโปรเจกต์ก็ทำมาเป็น เปเปอร์เป็นปึกๆ เลยนะคะ แม่เองก็ภูมิใจที่เห็น ลูกๆ ตั้งใจ เบาใจที่มีลูกๆ มาช่วยคิด ช่วยทำงาน ซึ่งนอกเหนือจากงานที่ลูกๆ พยายามช่วยนำเสนอ งานอะไรก็ตามที่แม่อนุมัติให้ผ่านแล้ว และลงมือ ทำแล้ว แม่ก็ต้องคอยช่วยดูความละเอียดถี่ถ้วนให้ อีกที อะไรที่ยังขาดหรือเกินไป แม่ก็จะช่วยชี้แนะ ให้” คุณแม่ยังสาวเล่าด้วยความปลื้มใจ
แม้บางโปรเจกต์จะยังมีความเห็นที่แตกต่าง หรือบางทีก็ยังถูกพักไว้เพื่อรอการแก้ไขปรับปรุง แต่สิ่งที่ได้คือการเปิดโอกาสให้ได้คิดและทำ เหมือนอย่างที่ซูเปอร์มัมคนนี้สนับสนุนลูกๆ ทั้ง สองเสมอมา นอกจากนี้ยังเป็นความภูมิใจที่ต้น กล้าซึ่งดูแลมากับมือ ได้เติบโตและพร้อมจะเข้ามา ช่วยสานต่อธุรกิจที่ปั้นมากับมือให้ก้าวต่อไป
วีรกรรมทำเพื่อแม่
ด้วยความที่เหมือนได้ฝึกงานที่ Go Hair มา ตลอดชีวิต ก่อนจะเรียนจบมหาวิทยาลัย ทั้งคู่ก็เริ่ม เข้ามาช่วยงานที่บ้านแล้ว ยิ่งคุณโต๊ดที่มีโปรเจกต์ ในหัวเป็นทุนเดิม หลังจากเริ่มเรียนปริญญาโทที่ อังกฤษไปได้แค่เทอมเดียว ยังบินกลับมาเมืองไทย แทบทุกสัปดาห์ เพื่อมาเตรียมงานสร้างแบรนด์ใหม่ ด้วยตัวเอง “พอบินไปเรียนได้หนึ่งเทอม ชีวิตเริ่ม เข้าที่เข้าทางและคุ้นชินกับที่นั่นแล้ว ด้วยความที่ เราไปเมืองนอกบ่อย เป็นคนชอบเดินทางอยู่แล้ว ก็ บินไปบินมา อังกฤษ - ไทย ตลอด อย่างที่บอกไป เชื่อไหม..ผมเคยบินมากสุดเดือนหนึ่งประมาณ
สี่รอบได้ อาทิตย์ละครั้งเลยก็ว่าได้ เพราะตอนนั้นเรา กำลงั จะเรม่ิ แบรนด์ Toseé กท็ ำแบบนน้ั ไปจนเรยี นจบ
“หลายคนถามว่าทำไมไม่รอให้เรียนจบก่อน เพราะ ปริญญาโทอังกฤษเรียนแค่ปีเดียวเอง แต่โต๊ดคิดว่า งานที่บริษัท ทั้งคุณแม่และพี่ชายก็ค่อนข้างยุ่งอยู่แล้ว เราไม่อยากกวนเขาอีก บวกกับพอเป็นแบรนด์ที่เราคิด ขึ้น ก็ยิ่งอยากทำเอง ถ้าเรียนจบจะได้กลับมาทำต่อได้ เร็วขึ้นไม่ต้องรอตั้งต้น คิดดูว่าช่วงนั้นที่กลับมาไทย บ่อยๆ ถึงขนาดว่าผมไปเรียนจะจบปีแล้ว มีเพื่อนมา ถามว่า ยังไม่ไปเรียนที่อังกฤษอีกเหรอ (หัวเราะ) เราก็ ต้องบอกว่ายังเรียนอยู่ แค่กลับมาบ่อย แต่มีเพื่อนที่ไป ส่งที่สนามบินตั้งแต่ไปเรียนรอบแรก บอกว่าไม่น่าไป ส่งเลย เพราะอาทิตย์หนึ่งก็กลับมา สองอาทิตย์ก็กลับ มา แทบไม่ต้องเลี้ยงส่งเลย” คุณโต๊ดเล่าไปยิ้มไป
จริงๆ แล้วต้องบอกว่าที่กลับมาบ่อยๆ เพราะจะรีบ
สานต่องานคุณแม่ได้แบบทันท่วงที แถมงานนี้คุณแม่ เองก็ไฟเขียวเต็มที่ บางทีถ้าไม่นัดกันดีๆ ด้วยความที่ เป็นนักเดินทางทั้งคู่ ยังเกือบบินสวนกันอยู่บ่อยๆ งาน นี้ลูกชายแอบเล่าว่า “มีครั้งหนึ่งตอนเรียนใกล้จบ ผม เช็กไมล์สะสมดูแล้วเห็นเหลือเยอะ เลยตั้งใจจะแลกไป เที่ยว แต่อีกวันพอกำลังจะแลก อ้าวไมล์หายไปไหน เยอะ เลยโทร.ถามคุณแม่ ท่านเลยต้องบอกว่า แม่เอา ไปใช้แล้ว จะไปหาที่อังกฤษนี่ละ คือตอนที่บอกนี่อีก 3 วันแม่จะบินมาแล้ว” ดร.ผ่องพรรณเสริมว่า “ช่วง ก่อนโควิด-19 จะบินไปเที่ยวบ่อยมากค่ะ ถ้าเช็กตาราง งานเคลียร์ให้ว่างได้ราวอาทิตย์หนึ่งจะไปทันที ถือเป็น รางวัลให้ตัวเองด้วย ทั้งได้พักผ่อนและบินไปหาลูก ด้วย” ดร.ผ่องพรรณเล่าจบ คุณโต๊ดเสริมต่อว่า “เห็น ไหมครับ เราแทบจะไม่ได้ห่างกันเลย ถึงแม้จะอยู่กัน คนละทวีป แต่เราเจอกันบ่อยมากเหมือนอยู่เมืองไทย”
ผู้ดูแลส่วนตัว
เห็นเป็นสายเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนี้ ในวัน ว่างลูกชายก็อยากปล่อยตัวตามสบายบ้าง แต่ด้วย ความที่คุณแม่ทำงานที่ต้องดูแลภาพลักษณ์ ความ สวยงามและดูดีเสมอ บางครั้งลุควันสบายของลูก ก็ อาจจะขัดใจคุณแม่บ้าง จนบางครั้งถึงขนาดต้องลง มือเซ็ตผมให้เลยทีเดียว “ถ้าเป็นไตเติ้ล ส่วนใหญ่ผม เขาแสกเป็นทรงอยู่แล้ว แม่ก็ไม่ยุ่งอะไร แต่โต๊ดบางที ชอบทำผมทรงวัยรุ่น ปล่อยตามสไตล์ สไตล์เกาหลี อะไรเนี่ยละ เท่าที่ได้ยินมา แต่แม่ไม่ชอบ (หัวเราะ) ถ้า เราเห็น จะทนไม่ได้ต้องเข้าไปจับเซ็ตให้ ขอให้แสก นิดหนึ่งก็ยังดี ยังไงก็ขอให้เรียบร้อยมากกว่าผมยุ่งๆ” ดร.ผ่องพรรณเล่า ในทางกลับกันลูกชายคนเล็กเอง ก็ทำหน้าที่เป็นสไตลิสต์ส่วนตัวประจำบ้าน ดูแล เสื้อผ้าให้คนในครอบครัว จุดนี้คุณแม่เล่าว่า “เวลาไป
ช็อปปิ้งนี่เราไม่ค่อยมีการห้ามกัน ยิ่งถ้าไปกับโต๊ด เห็นชุดสวย โต๊ดจะเชียร์ หม่าม้าสวย ชุดนี้สวย ซื้อ เลย แต่ถ้าไปกับไตเติ้ล เขาจะบอก หม่าม้าจะซื้อไป ทำไม อีกตัวซื้อไปยังไม่ได้ใส่เลย (หัวเราะ) เขาจะ คนละแบบ” น้องชายเล่าเสริมว่า “จริงๆ พอชม หม่าม้าสวยปั๊บ คุณแม่ก็จะเพลินกับการช็อปปิ้ง ผมก็ จะแว้บไปโซนเสื้อผ้าตัวเอง ถือโอกาสช็อปรวมกับคุณ แม่เสียเลย เป็นแผน ส่วนพี่ชายเขาจะเป็นคนไม่ชอบ ซื้อของ บางทีผมก็ต้องเป็นคนซื้อให้ เลือกให้ใส่ไปเลย แต่พอให้แล้ว ใส่หรือไม่ใส่นี่อีกเรื่องหนึ่ง”
ผลลัพธ์สมใจซูเปอร์มัม
เรียกได้ว่าลูกชายทั้งสองคนเติบโตมาได้สมใจ คุณแม่ แถมยังช่วยแบ่งเบาภาระเรื่องงานได้ตรงตาม ความตั้งใจ เชื่อได้ว่าในอนาคต Go Hair และ Toseé จะก้าวไปได้อย่างดี และแตะตัวเลขสวยสมใจกว่านี้ แน่นอน “ทั้งเรื่องชีวิตและการงาน ลูกๆ ทั้งสองคนเขา ไม่ได้มีอะไรน่าห่วงนะ เพราะเขาจะมีความรับผิดชอบ ต่อตัวเองเสมอ รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรอยู่แล้ว เพียง แต่ว่าถ้าเป็นเรื่องงาน เราเป็นแม่ก็อยากจะจี้ให้เขา เข้าใจงานมากขึ้นและเร็วขึ้น แต่ถ้าเทียบกับวัยที่เพิ่ง เริ่มทำงานแบบนี้ก็ถือทั้งคู่เรียนรู้ได้ไวมากๆ แล้ว” ดร.ผ่องพรรณกล่าว สำหรับเรื่องงานอาจต้องค่อยเป็น ค่อยไป แต่สิ่งที่พ่อและแม่สอน ลูกๆ ล้วนจดจำอย่าง ใส่ใจได้ทุกคำ
“เรื่องการใช้ชีวิต คุณแม่ค่อนข้างปล่อยให้เราได้ ทำในสิ่งที่ชอบ แต่จะบอกว่าเวลาทำอะไรให้นึกถึง ครอบครัว ส่วนเรื่องธุรกิจ คุณแม่จะเน้นไปที่ความ ซื่อสัตย์กับลูกค้า ย้ำเสมอว่าเราต้องไม่เอาเปรียบผู้ บริโภคนะลูก สินค้าแต่ละชนิดที่ผลิตขึ้นมาถ้าไม่ดี 100% คุณแม่จะไม่มีทางเอาออกมาขาย เรา strict กับ เรื่องคุณภาพมาก” คุณไตเติ้ลกล่าว “อีกเรื่องที่ทั้ง คุณพ่อและคุณแม่สอนเสมอคือความซื่อสัตย์และ จริงใจ ที่เราให้กับผู้บริโภค ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก นอกจากนี้เวลาทำอะไรต้องไม่ทำความเดือดร้อนให้ คนอื่น เราต้องรับผิดชอบตัวเองได้” คุณโต๊ดเสริม