นภัสวรรณ พันธ์เจริญวรกุล หญิงเก่งผู้รับสองบทบาท ‘SINGLE MUM และผู้บริหารสุดแกร่ง’ เ
การันตีความสำเร็จด้วย 10 รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ พร้อมต่อยอดยกระดับสู่การสร้างสรรค์โลกอนาคตที่ยั่งยืน
หมือนเพิ่งจะผ่านไปเมื่อวันวาน ที่ ‘คุณออยนภัสวรรณ พันธ์เจริญวรกุล’ ยอมเปิดประตูโลก ส่วนตัวให้ HELLO! ได้พาทุกคนไปทำความรู้จักและ สัมผัสชีวิตแสนจะเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความสุข รายล้อมเมื่อ 3 ปีก่อน มาครั้งนี้แม้จะมีบางอย่าง เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทั้งการเริ่มต้นธุรกิจใหม่และ สถานะใหม่กับการเป็น ‘single mum’ ของ ‘น้องลิดา -ลลิดา และน้องลนา-ลลนา พงษ์พานิช’ สองสาว น้อยลูกแฝดวัย 7 ขวบ ที่คอยเติมความรักความ อบอุ่นให้ตลอดเวลา
ประโยคกล่าวสวัสดีต้อนรับพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม ของเธอ ทำให้เรารู้สึกถึงความใจดีตั้งแต่ยังไม่เปิดบท สนทนา จากนั้นเธอก็เชื้อเชิญให้ทีมงานนั่ง พลันกวัก มือเรียกแม่บ้านให้นำของว่างเป็น ‘ข้าวเหนียวหน้า สังขยา’ เมนูขนมไทยที่เราคุ้นเคย มาเสิร์ฟให้แขกผู้ มาเยือนได้ลิ้มลองความอร่อย ระหว่างที่ทุกคนกำลัง ละเลียดกับรสชาติ คุณออยจึงขอแนะนำตัวเองอย่าง เป็นทางการอีกครั้ง ก่อนอัพเดตเรื่องราวใหม่ๆ ที่เกิด ขึ้นตลอด 3 ปีที่ผ่านมาว่า “ตอนนี้ออยกำลังยุ่งกับ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอยู่ในช่วงเตรียมเปิดตัว โครงการที่พักอาศัยครบวงจร บนพื้นที่กว่า 47 ไร่ ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายใต้ชื่อ ‘The Wealth Property’ นอกจากนั้นออยยังได้เริ่มธุรกิจด้าน Food and Beverage ชื่อ ‘ช่อโสน’ ค่ะ”
การเริ่มต้นของสิ่งใหม่
ดวงตาเป็นประกายของคุณออยทำให้เราสัมผัสได้ ถึงความตื่นเต้นกับสิ่งที่เธอกำลังเริ่มต้นใหม่ “ถือว่า ออยได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจมานานเลยค่ะ ออยติดรสชาติ การทำอาหารของคุณแม่ (คุณสมทรง พันธ์เจริญ วรกุล) มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะด้วยความที่เราอยู่ร่วม กันเป็นครอบครัวใหญ่มีพี่น้อง 6 คน ซึ่งคุณแม่จะจัด สำรับอาหารขึ้นโต๊ะในแต่ละมื้อหลายอย่างมากๆ และออยก็ได้ซึมซับวิธีการเลือกและสรรหาวัตถุดิบใน การประกอบอาหารของคุณแม่ซึ่งจะประณีตมาก แม้แต่เมนูง่ายๆ ที่ทุกคนคุ้นเคย เช่น แกงจืดเต้าหู้ ที่สำรับบ้านออย คุณแม่ก็จะให้ความสำคัญในการ เลือกใช้วัตถุดิบ อย่างเต้าหู้ของคุณแม่จะต้องเป็น ร้านประจำที่คุณแม่เลือกมาแล้วเท่านั้น และอาหาร บางจานอาจประกอบไปด้วยวัตถุดิบที่มีความพิเศษ จากสามจังหวัดเลยก็ได้ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ ออยชอบออกไปหาของอร่อยกิน ไม่ว่าจะเดินทางไป ที่ไหนในทุกโอกาส ต้องไม่พลาดตามชิมเมนูขึ้นชื่อ จนเป็นที่มาของการเริ่มต้นร้านช่อโสน ออยต้องการ นำเสนออาหารไทยพื้นบ้านหลากหลายเมนูในหนึ่ง สำรับ ประเภท ต้ม ผัด แกง ทอด ให้ครบรสชาติ ดั้งเดิม เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ดแบบไทยๆ”
นอกจากนั้นคุณออยยังย้อนภาพจำวัยเยาว์ให้ฟัง ด้วยว่า คุณแม่ของเธอชอบถนอมอาหาร ท่านจะไม่
ทิ้งขว้างของเลย เช่น กระเทียมดอง ผักกาดดอง ใน แต่ละครั้งจะทำปริมาณมากเพื่อแบ่งปันให้เพื่อนบ้าน ได้ชิมความอร่อยด้วย จนหลายคนติดใจในรสชาติ ดังนั้นเธอจึงยกต้นตำรับจากรสมือคุณแม่มาให้ทุกคน ได้ชิม ทั้งกุ้งแม่น้ำย่าง แกงหมูเทโพ น้ำพริกต่างๆ เมนูโปรดที่คุณออยกินมาตั้งแต่เด็กๆ แต่อาจจะมีการ ปรับเปลี่ยนวัตถุดิบตามความต้องการของลูกค้าบ้าง ที่สำคัญคือเน้นการนำเสนอที่น่าสนใจ การประดับ ตกแต่งความสวยงามด้วยดอกไม้ไทยและงานใบตอง การจัดสำรับที่นำเครื่องจักสานหัตถกรรมไทยอันเป็น เอกลักษณ์มาร่วมถ่ายทอดความงดงามแบบไทย ผสมผสานความเป็นตัวตนและความชอบของนาย หญิงเจ้าของร้านได้อย่างลงตัว
และแม้จะสนุกกับธุรกิจใหม่ แต่คุณออยยอมรับ ว่า “การทำธุรกิจ Food and Beverage นั้นค่อนข้าง แตกต่างจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเรา เริ่มต้นด้วยรูปแบบออนไลน์ เน้นเดลิเวอรี่ ซึ่งใหม่ มากๆ สำหรับออย จึงต้องเรียนรู้อะไรอีกมากมาย โชคดีที่ออยมีทีมงานและที่ปรึกษาที่มีความสามารถ ตอนนี้ช่อโสนได้เปิดให้บริการมาได้กว่า 3 เดือน ผล ตอบรับดีไม่น้อยเลยทีเดียว พร้อมกำลังต่อยอดสู่ บริการเคเทอริ่ง จัดเลี้ยงนอกสถานที่ทุกรูปแบบ ไป จนถึงการบริการในรูปแบบ One Table ออยดีใจที่ ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลป วัฒนธรรมไทยผ่านเมนูอาหารต่างๆ และโครงการใน อนาคตสำหรับช่อโสน นั้นคือการเปิดร้านอาหารไทย โบราณ โดยจะกลับไปสู่จุดกำเนิดของเราที่จังหวัด พระนครศรีอยุธยาค่ะ เพื่อพาทุกๆ ท่านไปสัมผัส บรรยากาศดั้งเดิมสไตล์กรุงเก่าเล่ากลิ่นอายไทย ร่วมสมัย และในส่วนธุรกิจอสังหาฯ ออยเองได้รับ ประสบการณ์มาจากธุรกิจของครอบครัวตั้งแต่รุ่น คุณพ่อคุณแม่ ซึ่งสิ่งสำคัญคือการวางทำเลที่ตั้ง การ ออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่ลงตัว และสาธารณูปโภคที่มี คุณภาพครบครัน เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย และ ออยให้ความสำคัญในเรื่องศาสตร์ของทิศทางที่ ถูกต้องเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ผู้พักอาศัย”
อย่างไรก็ตามผู้บริหารหญิงคนเก่งบอกว่า “เป็น ความท้าทายทุกครั้ง เวลามีปัญหาก็พร้อมที่จะปรับ แก้ ออยจะไม่ปล่อยให้ปัญหาต่างๆ ในการทำงาน ค้างคา เราจะรีบวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหา เพื่อ หลีกเลี่ยงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ”
สถานะใหม่ แต่บทบาทคงเดิม
แน่นอนว่าการรับบทบาทเป็นทั้งเจ้านายดูแล ลูกน้องกับงานนอกบ้าน และการเป็น ‘single mum’ ดูแลลูกๆ ฝาแฝดในบ้าน สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ คน หนึ่งดูไม่ง่ายเลย แต่คุณออยกลับบอกว่า “ออยยังคง ใช้ชีวิตเป็นปกตินะคะ เพราะยังทำงานควบคู่ไปกับ การรับบทบาทคุณแม่ไปด้วย ไม่มีอะไรแตกต่าง
‘ลูกๆ จะดีใจมาก เวลาที่เราต้องการ อะไรจากเขา หรืออยากให้เขาทำอะไร ให้เรา ถ้าเขาสามารถทำให้เราได้ แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เขาจะรีบ ทำให้ด้วยความภาคภูมิใจ’
ไปจากเดิมมาก ทุกคนอาจจะต้องพบเจอการ เปลี่ยนแปลงในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่ว่าใครจะ เปลี่ยนแปลงทางด้านไหน และที่ผ่านมาก็มีเรื่อง ราวดีๆ มีความทรงจำดีๆ มากมายสำหรับออย ใน ช่วงที่ผ่านมาออยได้อยู่กับตัวเอง ได้ใช้ความคิด และตัดสินใจสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ทุกๆ เรื่องที่ผ่าน เข้ามา จึงมีการไตร่ตรองอย่างละเอียดรอบคอบ ใช้เวลาอยู่กับลูกๆ และได้เจอเพื่อนๆ บ่อยขึ้นค่ะ ออยใช้หลักของ Positive Thinking ซึ่งเป็นเกราะ ป้องกันให้เราในทุกๆ ด้านอยู่เสมอค่ะ และช่วย สร้าง energy ที่ดีให้เราในทุกๆ วัน”
พอเข้าประเด็นเรื่อง ‘ลูก’ น้ำเสียงของผู้เป็น ‘แม่’ ปรับโทนอ่อนโยน สื่อถึงความรักความผูกพัน ได้ชัดเจน “ลูกคือสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ ความ ประทับใจและสิ่งที่น่าจดจำเกี่ยวกับลูกๆ เกิดขึ้น ทุกวัน ยิ่งตอนนี้ลูกๆ เริ่มโต 7 ขวบแล้ว เป็นวัยที่ น่ารักมากค่ะ เขารู้จักดูแลเอาใจใส่คนอื่นมากขึ้น ลูกๆ จะดีใจมากเวลาที่เราต้องการอะไรจากเขา ถ้าเขาสามารถทำให้เราได้แม้เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เขาจะรีบทำให้ด้วยความภาคภูมิใจ”
ระหว่างที่คุณออยพูดถึงลูกๆ สาวน้อยฝาแฝด เธอยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข จนเราที่นั่ง ล้อมวงฟังกันอยู่ ยังอดยิ้มตามไม่ได้ ก่อนเธอจะ เล่าต่อว่า “ในช่วงเวลาที่ออยกำลังเดินทางกลับ จากข้างนอก หากเด็กๆ ทราบ ลนาจะรีบนำ กระดาษมานั่งวาดรูปทำเป็นการ์ด และวางไว้ บนโต๊ะทำงานของออยเกือบทุกวัน แต่จะเป็น ประโยคเดิมๆ ‘I love you mummy. I will care for you forever. We will stay together forever.’ เขาเป็นเด็กโรแมนติกมากๆ ค่ะ บาง ครั้งที่เขาเล่นซุกซนและทำให้เราเป็นห่วง เขาก็จะ เขียนเพิ่มเติมว่า I’m sorry ที่ทำให้ you unhappy. เพราะ You always make me happy. I want to make you happy too. เป็นภาษาง่ายๆ ของเด็ก ที่ ผู้ใหญ่อย่างเราอ่านแล้วประทับใจมากเลยค่ะ”
พร้อมกันนี้คุณออยยังขอสารภาพว่า “เป็นคนที่ ห่วงลูกมาก เพราะถึงแม้จะเป็นลูกผู้หญิง แต่ก็มี แอบซนอยู่บ้างตามประสาเด็กๆ ยิ่งเวลาที่เห็นเขา ปีนป่าย ก็กลัวว่าจะหล่นลงมาเจ็บ บางทีพากันขึ้น ไปห้อยโหนกับประตู จะโมโหก็ทำไม่ลง กลายเป็น เรื่องขำๆ ในแต่ละวันเลยค่ะ ฉะนั้นออยต้องมั่นใจ ว่า ลูกๆ อยู่ในที่ที่ปลอดภัย มีคนดูแลที่ออยไว้ใจ ได้ถึงจะทำให้ออยสบายใจ และสามารถทำงาน อื่นๆ ต่อได้” ทันทีที่เล่าวีรกรรมของลูกๆ จบ ‘ลิดา’ แฝดผู้พี่ก็เดินเข้ามากอดและหอมคุณแม่ฟอดใหญ่ เห็นแบบนี้แล้วใครจะโกรธลงใช่ไหมคะ
ส่วนเรื่องอนาคตของลูกๆ คุณออยย้ำถึงความ เดิมที่เคยบอกเล่าไว้ครั้งก่อนให้ฟัง “ไม่ได้กำหนด หรือคาดหวังอะไรค่ะ ดูไปตามความชอบและ ความเหมาะสมของเขาแต่ละคน ลูกๆ ทั้งสองคนมี ความแตกต่างกัน ลนาเป็นเด็กที่แอ็กทีฟ ชอบเล่น กีฬา ฝันอยากเป็นนักฟุตบอล และชอบร้องเพลง ส่วนลิดาเป็นสาวหวาน รักความสวยงาม เราจะ สนับสนุนเขาไปในทางที่เขาทั้งสองถนัด ไม่บังคับ ให้เขาเป็นในสิ่งที่เราต้องการ ถ้ามีเวลาว่างใน วันหยุด ออยจะพาลูกๆ ไปต่างจังหวัด ให้เขาได้ไป เจอโลกกว้าง หรือไม่ก็กลับไปเยี่ยมคุณยาย
‘ออยต้องมั่นใจว่าลูกๆ ต้องอยู่ในที่ปลอดภัย มีคน ดูแลที่ออยไว้ใจได้ ถึงจะทำ ให้ออยสบายใจ และสามารถ ทำงานอื่นๆ ต่อได้’
และญาติๆ ที่อยุธยาบ้าง เพราะเด็กๆ บางครั้ง มีความสนใจท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ก่อน เดินทางออยจึงต้องทำการบ้านหาข้อมูลเตรียมไว้ ด้วย เวลาเขามีข้อสงสัยแล้วถาม จะได้อธิบายให้ ลูกๆ เข้าใจได้อย่างถูกต้อง หรืออันไหนที่ไม่ทราบ จริงๆ จะรีบหาคำตอบให้เขาทันที พร้อมกันนี้ออย พยายามปลูกฝังความเป็นไทยสอดแทรกเข้าไป ด้วยอยู่เสมอค่ะ”
Work Life Balance: สร้างสมดุลให้กับชีวิต
นอกจากทุ่มเทเวลาให้ทั้งการทำงานและดูแล ลูกๆ ควบคู่กันไป แต่คุณออยก็ไม่ลืมให้เวลาดีๆ กับตัวเอง “ในช่วงผ่านมา ออยมีโอกาสได้พักผ่อน อย่างเต็มที่ ในแต่ละวัน พยายามที่จะตื่นเช้าเพื่อ ออกไปเดินเร็วรอบๆ หมู่บ้านสักครึ่งชั่วโมง พอ เรียกเหงื่อได้บ้าง ส่วนเรื่องอาหาร เมื่ออายุมากขึ้น คงจะกินทุกอย่างที่ชอบไม่ได้ ก็ต้องเลือกกินของ ที่มีประโยชน์ เพื่อสุขภาพที่ดีของเรา รวมไปถึง การดูแลผิวพรรณที่ออยให้ความความสำคัญใน ทุกๆ ขั้นตอน ทั้งการทำความสะอาด การบำรุง และการป้องกัน โดยเฉพาะผิวหน้า หลังใช้เครื่อง สำอางในแต่ละวัน”
อีกทั้งยังไม่ทิ้งความสุขกับการตามหาผ้าไทยมา เก็บสะสม เป็นงานอดิเรกที่เกิดจากความหลงใหล ในเสน่ห์ของ ‘ผ้าไทย’ ที่คุณออยแชร์เรื่องราวว่า “สมัยเป็นวัยรุ่น คุณแม่จะบอกเสมอว่าเป็นผู้หญิง ควรมีผ้าซิ่นเอาไว้นุ่งบ้าง ซึ่งเราก็ยังไม่ได้ชอบอะไร ขนาดนั้น จนวันหนึ่งไปเห็นผ้าไทย บวกกับได้เห็น ช่างทอผ้าที่เขาใช้ความเพียรพยายามในการเรียง ร้อยเส้นไหม กว่าจะได้ผ้าหนึ่งผืน บางผืนใช้เวลา ทอนานเกือบหนึ่งปี ทำให้รู้สึกหลงรักผ้าไทยมากๆ เวลาที่มีโอกาสได้เจอผ้าที่มีการทอขั้นตอนพิเศษ ก็จะเก็บสะสมไว้ ผ้าไทยของทุกภาคทุกชุมชน หมู่บ้านล้วนแล้วแต่มีเสน่ห์ และเรื่องราวจากรุ่นสู่ รุ่น เป็นศิลปะไทยที่งดงาม ไม่ว่าจะเป็น นางพญา ผ้าซิ่น ผ้าไหมแพรวา ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าไหมยกดอก และอื่นๆ อีกมากมาย ทุกครั้งที่ได้เจอผืนที่ถูกใจ ออยจะรู้สึกตื่นเต้นดีใจ และหลายครั้งที่โชคดีได้ผ้า โบราณจากฝีมือช่างทอรุ่นก่อนมาสะสมไว้ ล่าสุด เดินทางไปจังหวัดเชียงรายและแวะไปที่ชุมชน ทอผ้า ก็ได้ผ้าผืนหนึ่งมา ซึ่งเจ้าของไม่ได้ตั้งใจนำ ออกมาวางขาย แต่พอเราไปถึงเขาเปิดตู้ให้ชมผ้า ที่เขาทำและเก็บรักษาไว้เมื่อนานมาแล้ว ตั้งแต่ สมัยครูบาอาจารย์ที่เคยสอนเขาทอผ้า แต่ไม่รู้อะไร ดลใจให้เขาเปิดตู้ให้เราชม และอนุญาตให้เราดูแล ผ้าผืนนั้นต่อ เขาเชื่อว่าผ้าทุกผืนมีเจ้าของ ทำให้ ออยยิ่งรู้ถึงคุณค่าของผ้าแต่ละผืนเลยค่ะ”
พูดคุยกันมาถึงตรงนี้ ทำให้เราเข้าใจแล้วว่า ความสุขอยู่รอบๆ ตัวของเธอจริงๆ “เราควรอยู่กับ ปัจจุบัน และเตรียมรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ในอนาคต ออยคิดเสมอว่า ยังมีสิ่งดีๆ อีกมากมาย รอเราอยู่ เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ย่ำอยู่กับที่ พร้อม ที่จะก้าวเดินต่อไปเพื่อรับสิ่งดีๆ เหล่านั้น มีความ สุขในทุกๆ วัน และไม่ลืมที่จะให้คุณค่ากับทุกสิ่ง ที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนรัก มิตรภาพที่ดีอื่นๆ อีกมากมาย งานที่เรารัก และทุก อย่างที่เป็นเรา แค่นี้ก็ทำให้ออยสัมผัสได้แล้วว่า ออยโชคดีมากแค่ไหนค่ะ”
‘ผ้าไทยของทุกภาค ทุกชุมชน ทุกหมู่บ้าน ล้วนแล้วแต่มีเสน่ห์ และมีเรื่องราวจากรุ่นสู่รุ่น เป็นศิลปะไทยที่งดงาม’
ในปี 2020 Kbank Private Banking ภายใต้การนำทีมของคุณจิรวัฒน์ สุภรณ์ ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย ได้รับ 10 รางวัล จากเวทีระดับโลก 6 สถาบัน ซึ่งรางวัลทั้งหมดถือเป็นเกียรติประวัติและความ ภาคภูมิใจในการมุ่งมั่นและทุ่มเทในการให้บริการลูกค้าไพรเวทแบงก์ของ ทีมงานทุกคน และยังถือเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นผู้ให้บริการไพรเวทแบงก์ ชั้นนำของประเทศไทยที่มีคุณภาพเทียบเท่าระดับสากล
โดย Kbank Private Banking ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจากหลากหลายสถาบันทั่ว โลก ไม่ว่าจะเป็น Financeasia’s Country Awards 2020 โดย Financeasia ฮ่องกง PWM Wealth Tech Awards 2020 by Professional Wealth Management ลอนดอน สหราชอาณาจักร รวมถึง Global Private Banking Innovation Awards 2020 โดย
The Digital Banker สิงคโปร์ เป็นต้น
“ตั้งแต่ต้นปีมานี้ ถือเป็นอีกมิติหนึ่งที่สถาบันการจัดรางวัลมีการจัดอันดับอย่าง ละเอียดมากขึ้น ให้ความสำคัญในด้านต่างๆ มากขึ้น แทนที่จะให้เป็นยอดเยี่ยมเพียง แค่รางวัลเดียว แต่กลับมีการแตกแยกย่อยออกไป ทำให้เราได้เห็นภาพชัดขึ้นว่า เรา ได้รับรางวัลในด้านไหนบ้าง” คุณจิรวัฒน์เอ่ยนำถึงรางวัลที่ได้รับ ก่อนจะขยายความ ถึง 4 รางวัลที่เรียกว่าเป็นความภาคภูมิใจอันสูงสุด
“เราได้รับรางวัล Best Private Bank - Thailand จาก Financeasia’s Country Awards 2020 ซึ่งเป็นการการันตีว่าเราเป็นไพรเวทแบงก์ดีที่สุดในประเทศไทย เรา ได้รับ Winner: Best Digital Customer Experience in Wealth Management จาก สถาบัน Digital CX Summit & Awards by The Digital Banker สิงคโปร์ ซึ่งมีการระบุไว้
อย่างชัดเจนเลยว่ารูปแบบการให้บริการของเราได้สร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า หรืออย่างสถาบัน Global Private Banking Innovation Awards 2020 by The Digital Banker, Singapore เราก็ได้รางวัลยอดเยี่ยมจากการเป็นผู้ให้บริการไพรเวทแบงก์ที่มี การปรับตัวใช้เทคโนโลยีทางด้านดิจิทัลเข้ามาสนับสนุนและให้บริการแก่ลูกค้า และ รางวัล Thailand - Best for ESG (Environment Social Governance) ซึ่งถือว่า Kbank Private Banking เป็นผู้นำในเมืองไทยที่เน้นมิติในด้านสิ่งแวดล้อม และการดำเนินการ อย่างโปร่งใส
“เราให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาด้านดิจิทัลก็เพื่อสร้างความสะดวกสบายใน การส่งมอบบริการให้ลูกค้า เราได้รางวัลทางด้าน Digital Customer Experience นั่น เป็นตัวบอกว่า ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการบริการของเรา นอกจากนี้เรายัง ได้รางวัลด้าน ESG เกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ผมว่านี่คือ ความสุขขั้นสุดยอดเลย มันไม่ใช่เรื่องการทำเพื่อความสุขส่วนตัว แต่เป็นการทำเพื่อ โลก ผมคิดว่าเราค่อยๆ ขยับจากเรื่องความสุขรอบตัว ความสุขของครอบครัว ความ สขุ ของธรุ กจิ สว่ นตวั ไปสสู่ ง่ิ แวดลอ้ ม สงั คม เศรษฐกจิ และประเทศชาติ เราจะสง่ เสรมิ และส่งมอบ Perfect Wealth ที่กว้างขึ้น เราให้บริการลูกค้า 10,000 กว่าคน แต่ลูกค้า เหลา่ นส้ี ามารถสง่ ตอ่ ความสขุ ทย่ี ง่ั ยนื ไปสผู่ คู้ นในวงกวา้ ง ผมวา่ นค่ี อื คำตอบในพนั ธกจิ ของเรา”
ในความสำเร็จที่ได้รับมา คุณจิรวัฒน์ยกเครดิตให้กับการทำงานเป็นทีมเวิร์กที่ดี “ผมว่าข้อแรกที่สำคัญที่สุดเลยก็คือเรามีเป้าหมายชัดเจน ข้อสอง เวลาเราเห็น เป้าหมายชัด แล้วมันไม่เพียงตอบโจทย์ตัวเราเอง แต่เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า เพื่อตอบ โจทย์สังคมส่วนรวม มันจะมีความภาคภูมิใจในการทำงาน พลังขับเคลื่อนมันจะแรง และข้อสาม เราเป็นทีมงานที่มีความลึกซึ้งในหลากมิติของการให้บริการทางด้าน ไพรเวทแบงกิ้ง เราเข้าใจโจทย์อย่างลึกซึ้ง ว่าจะปรับเปลี่ยนตัวเองและลูกค้าไปสู่ เศรษฐกิจและสังคมโลกอย่างยั่งยืนได้ในแนวทางไหน พอเราเข้าใจลึกทุกอย่างจึง ดำเนินไปได้ด้วยจังหวะที่เชื่อมต่อสอดประสานกันได้อย่างราบรื่น
“รางวัลเหล่านี้มีความสำคัญในมุมของคนทำงานที่เราสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ หรือตอบโจทย์ที่ตั้งไว้ ช่วยยืนยันว่าเราเป็นคนทำงานที่มีคุณภาพ ในมุมหนึ่งมันสร้าง ความภูมิใจให้แก่คนทำงาน อีกมุมหนึ่งมันก็เป็นเหมือนตราประทับแห่งการยอมรับ เพราะธุรกิจของเรามันเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆ ทองๆ เพราะฉะนั้นความน่าเชื่อถือเป็น เรื่องสำคัญ ผมว่าถ้ารางวัลมัน Speak Themselves ก็ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจมากขึ้น ว่าเราเป็นทีมงานคุณภาพ”
จากรางวัลอันทรงเกียรติที่ได้รับ เสมือนเป็นพันธกิจสำคัญให้ทาง Kbank Private Banking สานต่อคำมั่นสัญญาที่จะส่งมอบความมั่งคั่งที่สมบูรณ์แบบ สร้างความสุข เพื่อชีวิตที่ไร้กังวลให้กับลูกค้าคนพิเศษของธนาคาร ทั้งยังต่อยอดแนวคิดการลงทุน อย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) ซึ่งเป็นพลังแห่งการสร้างความเปลี่ยนแปลงอัน ยิ่งใหญ่ให้คนรุ่นถัดไปใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ
“เรื่อง Sustainability เป็นแผนต่อยอดระยะยาว ผมเรียนย้ำเลยว่าการลงทุนที่ยั่งยืน สามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันก็จะสร้างความเสียหายน้อย ที่สุด เพราะฉะนั้นเราทำจริงจังครับ ในอนาคตข้างหน้ากิจการใดก็ตามที่ไม่มีแนวทาง การดำเนินธุรกิจที่โปร่งใส ควบคู่ไปกับการสร้างสิ่งแวดล้อม สังคมให้ดีขึ้น กิจการ เหล่านั้นจะถูกละเลย อาจจะต้องหยุดชะงักเพราะถูกสั่งยกเลิกจากทางภาครัฐ อาจ จะถูกยึดใบอนุญาต อาจจะถูกต่อต้านจากสังคมและผู้บริโภค เสียความสามารถใน การแข่งขัน และแบรนด์ก็ได้รับความน่าเชื่อถือน้อยลง ท้ายที่สุดแล้วกิจการเหล่านั้น จะกลายเป็นผู้แพ้อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นเรื่องสิ่งแวดล้อมมันไม่ใช่เป็นแค่กระแส แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นในระยะยาว และชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสร้างผลสัมฤทธิ์ ให้ลูกค้าได้เห็น ผมเชื่อว่าในอนาคตลูกค้าจะมีส่วนร่วมทำให้โลกนี้มันยั่งยืนได้ร่วมกัน กับเรามากขึ้น
“การสร้างพอร์ตการลงทุนที่ยั่งยืนให้แก่ลูกค้ามีทั้งหมด 3 เรื่อง คือ 1) การลงทุน ด้วยตัวของมันเอง เราต้องมีกระบวนการแนะนำการลงทุนที่ยั่งยืนอย่างเป็นระบบให้ แก่ลูกค้า 2) ต้องลงทุนในเป้าหมายที่เราคำนึงถึง ซึ่งก็คือความยั่งยืน เราทั้งมองหา
และสร้างสรรค์ Positive Impact Investing Fund หมายถึงการลงทุนที่สร้างผลกระทบ ในเชิงบวก ทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และ 3) เราจะร่วมกันทำเรื่องการ แบ่งปัน เพราะเราเชื่อว่า ถ้าพอร์ตลูกค้าดี ธุรกิจดี แต่ว่าสังคมโดยรวมไม่ดี ก็จะมี ปัญหาสังคมตามมา มันต้องมีทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ เราก็จะต้องมีการแบ่งปันในวงกว้าง ด้วย เพื่อที่เราจะได้ชนะไปด้วยกัน ผมว่านี่คือแนวทางสำคัญมากๆ ที่ทาง Kbank Private Banking และลูกค้ากำลังจะดำเนินไปด้วยกัน”
เฉกเช่นเดียวกับทุกสนามการแข่งขันที่ย่อมต้องมีแพ้และชนะเปลี่ยนมือกันไป คุณจิรวัฒน์กล่าวปิดท้ายถึงการรักษาตำแหน่งผู้นำของไพรเวทแบงก์ในประเทศไทย ไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า
“ปรัชญาในการทำงานของ Kbank Private Banking ไม่เปลี่ยนในเรื่องการส่งมอบ ความมั่งคั่งที่สมบูรณ์ แต่ผมคิดว่าการเป็น Perfect Wealth มันหยั่งรากลึกมาก เราเรียนรู้จากลูกค้าว่า Perfect Wealth ที่แท้จริง ต้องประกอบไปด้วยการแบ่งปัน คือ ฉันชนะคนเดียวไม่ได้ คนรอบข้างต้องชนะ สังคมต้องชนะ เศรษฐกิจต้องชนะ ต้องไป ด้วยกันหมดเลย
“เช่นเดียวกับปรัชญาในเรื่องการแข่งขัน เราสัญญาไม่ได้ว่าเราจะเป็นที่หนึ่ง ตลอดไป เพราะเราตัดสินตัวเองไม่ได้ และมีหลายเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ แต่เรา สัญญาว่าเราจะเก่งขึ้น ดีขึ้น เพื่อประโยชน์ของลูกค้าและสังคม เราเชื่ออย่างนั้นและ ผมมั่นใจว่าพวกเราทีมงานสามารถทำได้ ผมเชื่อว่าด้วยเป้าหมาย และพลัง ขับเคลื่อนที่ชัดเจน จะทำให้เรายืนอยู่ได้ในระยะยาว และเราจะทำประโยชน์ให้มาก ขึ้น เพราะเราให้ความสำคัญในการสร้างประโยชน์ยิ่งๆ ขึ้นไปครับ”
‘เวลาเราเห็นเป้าหมายชัด แล้วมันไม่เพียง ตอบโจทย์ตัวเราเอง แต่เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า เพื่อสังคมส่วนรวม มันจะมีความภาคภูมิใจ ในการทำงาน พลังขับเคลื่อนมันจะแรง’