หมู่บ้านผี เหยื่อหรือหัวหมอ
เป็นความจริงที่รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์
ชินวัตร ต้องรีบเร่งแก้ไขแต่เนิ่น ๆ อย่าปล่อยให้เหตุการณ์เลยเถิดเข้า ทำนองกวา่ถั่วจะสุกงาก็ไหม้ นั่นคือ กรณี “เดลินิวส” เปดิโปงกลุม่ นายทุนและกลุม่ชาวบา้นเขา้ไปกอ่สรา้ง “หมูบ่า้นผี” ปลูกสรา้งบา้นนับ ร้อย ๆ หลังถึง 4 แห่ง ในพื้นที่ที่เตรียมการก่อสร้างเขื่อนโปร่งขุนเพชร และเขื่อนยางนาดี ใน อ.หนองบัวระเหว อ.เทพสถิต และอ.บ้าน เขวา้ จ.ชัยภูมิ ซึ่งอยูภ่ายใตโ้ครงการบริหารจัดการทรัพยากรนํ้าอยา่ง ยั่งยืนและแก้ไขปัญหาอุทกภัยของรัฐบาล วงเงินงบประมาณ 350 000 ลา้นบาท เพียงมุง่หวังไดร้บั เงินชดเชยหลังละ ลา้นบาท แมจ้ะมีคำสั่ง โยกย้ายนายอำเภอหนองบัวระเหว ปลัดอำเภอฝ่ายปกครองและนาย ทะเบียน ไปช่วยราชการที่อื่น แต่จะมีเจ้าหน้าที่ ข้าราชการหรือนักการ เมืองอื่น ๆ เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ ก็เป็นกรณีที่ต้องดำเนินการหาข้อยุติ
ก่อนหน้านี้
รัฐบาลมอบหมายให้ นพ ทศพร
เสรีรักษ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ไปตรวจสอบร่วมกับ นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ และผู้เกี่ยวข้อง พบว่ามีชาวบ้าน บางสว่นที่เขา้ใจผิดและมีอีกจำนวนมากที่ถูกกลุม่นายทุนหลอกใช้ ตกเป็นเหยื่อในความไม่รู้ ซึ่งรัฐบาลและทางการจำเป็นต้องบังคับ ใชก้ฎหมายและใชม้าตรการทางการปกครองโดยเด็ดขาด สำหรับผู้ ที่มีเจตนาแอบแฝงเข้าข่ายฉ้อฉล หวังเงินชดเชยค่าเวนคืนที่ดินทั้ง ที่ไม่มีสิทธิ และมีความเป็นไปได้สูงสำหรับผู้ที่กระทำผิด ไม่เข้า หลักเกณฑ์เงื่อนไขของทางการจะออกมาตั้งแง่ต่อต้านการก่อสร้าง เขื่อนในพื้นที่ต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อโครงการบริหารจัดการ ทรัพยากรนํ้าฯ ที่ทำเกือบทั่วประเทศในที่สุด
ขณะที่ นายปลอดประสพ
สุรัสวดี รองนายก
รัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการนํ้าและ อุทกภัย ได้ตั้งคณะอนุกรรมการป้องกันการฉ้อฉลการก่อสร้าง สิ่ง ปลูกสร้างหรือใช้พื้นที่เพื่อเรียกร้องค่าชดเชยจากรัฐบาล ประกอบ ด้วย ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่จากกระทรวงมหาดไทย และอัยการ เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาซํ้ารอยในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ นับเป็น เจตนาที่ดี แต่ในทางปฏิบัติไม่แน่ใจว่าจะบังเกิดผลสัมฤทธิ์ เนื่อง เพราะธรรมชาติของระบบราชการ จะดำเนินการใดก็ต่อเมื่อเกิด ปัญหาแล้วเป็นส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับกรณีประชาชนที่บุกรุกคูคลอง หรือสถานที่สาธารณะต่าง ๆ หากไม่มีผู้ร้องหรือไม่มีการกระทำให้ รัฐเสียหาย ทางราชการก็จะไม่เข้าไปแตะต้องหรือยุ่งเกี่ยวด้วย
หากพิจารณาถึงสาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหา คง
ต้องแยกประเด็นที่ประชาชนตกเป็นเหยื่อนายทุน กรณีหนึ่ง ประชา ชนที่มีเจตนาแอบแฝง กรณีหนึ่ง และนายทุนหรือนักการเมืองอยู่ เบื้องหลัง อีกกรณีหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลจำต้องใช้หลักนิติศาสตร์ดำเนิน การตั้งแต่ไม้อ่อนไปจนถึงไม้แข็งตามลำดับ โดยมิมีการละเว้นหรือ เลือกปฏิบัติ ขณะเดียวกันควรยึดหลักรัฐศาสตร์ควบคู่กัน ด้วยการ ทำความเข้าใจกับมวลชนที่เข้าใจผิด เพื่อป้องกันและลดกระแสต่อ ต้านที่ขาดเหตุผลและไร้ความชอบธรรมในอนาคต.
ศักดา นพสิทธิ์