2 นักวิทย์ดีเด่น กับงานวิจัยเพื่อชาวอีสาน
ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคพยาธิ ใบไม้ตับที่นำาไปสู่โรคมะเร็งท่อนำ้าดี ถือเป็น ปัญหาด้านสุขภาพและสาธารณสุขที่สำาคัญของ ไทย โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือ ภาคอีสาน รวมถึงประเทศในแถบลุ่มนำ้าโขง เช่น กัมพูชา ลาว และเวียดนามตอนใต้
ด้วยความสนใจที่จะแก้ปัญหาดังกล่าว อย่างยั่งยืน เป็นที่มาของผลงานวิจัยที่ “ศ.ดร. โสพิศ วงศ์คำา” และ “รศ.ดร.บรรจบ ศรีภา” 2 นัก วิทยาศาสตร์การแพทย์ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) มุ่งสะสมองค์ความรู้ที่สร้างประโยชน์แก่ สังคมมากว่า 30 ปี จนได้รับการยอมรับในระดับ นานาชาติ
และทำาให้ทั้งสองท่านได้รับการเชิดชู เกียรติจากคณะกรรมการมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้เป็น “นักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำาปี 2556”
โดย ศ.ดร.โสพิศ อาจารย์ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มข. บอกถึงผลงานวิจัยที่ทำามา ว่า เป็นการศึกษายีนที่มีความสัมพันธ์กับการก่อ มะเร็ง และการแพร่ลุกลามของมะเร็งท่อนำ้าดี โดย ในระยะ 10 ปีแรก ได้ศึกษาเรื่องแลคตินในพืช ซึ่ง เป็นกลุ่มชีวโมเลกุลในพืชและสัตว์ ที่จับกับหมู่ นำ้าตาลของโมเลกุลอื่นอย่างจำาเพาะ จากนั้นนำา ความรู้มาประยุกต์ใช้กับการวิจัยด้านมะเร็งท่อนำ้าดี ในช่วง 20 ปีต่อมา
ศ.ดร.โสพิศ บอกว่า เนื่องจากมะเร็งท่อ นำ้าดีเป็นมะเร็งที่โตช้าแต่แพร่ลุกลามเร็ว ทำาให้ วินิจฉัยได้เมื่อเป็นระยะท้ายของโรคซึ่งการรักษาไม่ ได้ผลดี การหาตัวบ่งชี้มะเร็งท่อนำ้าดีเพื่อวินิจฉัย มะเร็งท่อนำ้าดีให้ได้อย่างถูกต้องและตั้งแต่ระยะแรก หรือยังไม่แพร่ลุกลาม จะช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการ รักษาในระยะที่การรักษาได้ผลดีมากขึ้น
ทั้งนี้ ตัวบ่งชี้มะเร็งส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม นำ้าตาลบนชีวโมเลกุลหลายชนิด และการสร้าง สายนำ้าตาลเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วตาม สภาวะของเซลล์ ด้วยหลักการดังกล่าว จึงได้มุ่ง เน้นการวิจัยเพื่อตรวจหาหมู่นำ้าตาลบนชีวโมเลกุล ซึ่งนำาสู่การพบมิวซิน MUC5AC ในซีรัม ของผู้ ป่วยมะเร็งท่อนำ้าดี และพัฒนาวิธีตรวจเพื่อให้ สามารถทำาได้ในโรงพยาบาลทั่วไป ทำาให้แพทย์ สามารถวินิจฉัย พยากรณ์โรค และเลือกแนวทาง การรักษาให้กับผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังศึกษายีนที่สัมพันธ์กับการก่อ และการแพร่ลุกลามของมะเร็งท่อ นำ้าดี ซึ่งเป็นข้อมูลสำาคัญที่นำาไปสู่การ พัฒนาการรักษาแนวใหม่แบบมุ่งเป้า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาฤทธ์ิยา และสารสกัดจากสมุนไพรที่ออกฤทธ์ิ ยับยั้งการแบ่งตัวและการแพร่ลุกลาม ของเซลล์มะเร็ง
ด้าน รศ.ดร.บรรจบ หัวหน้า ศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลก ด้านการวิจัยและการควบคุมโรคพยาธิใบไม้ตับ คณะแพทยศาสตร์ มข. บอกว่า ได้ทำาการศึกษา ค้นคว้าและวิจัยเชิงลึกทางด้านกลไกการเกิดโรค โดยเฉพาะด้านอิมมูโนพยาธิวิทยา จนเข้าใจ กระบวนการเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อพยาธิ ใบไม้ตับ
และได้ค้นพบองค์ความรู้ใหม่ที่สำาคัญคือ สารคัดหลั่งจากตัวพยาธิสามารถแทรกซึมผ่าน เซลล์เยื่อบุท่อนำ้าดีแล้วกระตุ้นการอักเสบอย่าง รุนแรงในบริเวณที่ตรวจพบสารจากตัวพยาธิ รวม ทั้งทำาให้มีการแบ่งเซลล์มากขึ้น และมีการตายของ เซลล์ลดลง ซึ่งเป็นกลไกสำาคัญในการนำาไปสู่การ เป็นโรคมะเร็งท่อนำ้าดี
จากงานวิจัยพื้นฐานที่ได้รับการยอมรับ และนำาไปต่อยอดในระดับนานาชาติ รศ.ดร.บรรจบ ยังได้นำาองค์ความรู้ลงพื้นที่ชุมชนและจัดตั้ง “ละว้าโมเดล” โครงการต้นแบบ เพื่อควบคุมและ ป้องกันโรคพยาธิใบไม้ตับแบบบูรณาการ โดย ศึกษาเชื่อมโยงแบบครบวงจรทั้งวงจรพยาธิ พาหะ ระบบนิเวศ และคน แบบชุมชนมีส่วนร่วม
ผลของโครงการกว่า 5 ปี ทำาให้ชุมชนมี ความรู้ความเข้าใจโรคนี้มากขึ้น มีอัตราการติดพยาธิ น้อยลง และที่สำาคัญอัตราการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ ในปลาขาวนาจากแก่งละว้าลดลงจากสูงสุดร้อยละ 70 เหลือเพียงน้อยกว่าร้อยละ 1 ในปัจจุบัน
รศ.ดร.บรรจบ บอกอีกว่าโรคพยาธิใบไม้ ตับเกิดจากการไม่ยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการ บริโภคของประชาชนในพื้นที่ ที่ยังกินปลานำ้าจืดที่ ปรุงไม่สุก นอกจากนี้ยังมีความเชื่อผิด ๆ เรื่องการ กินยาถ่ายพยาธิและการดื่มเหล้าขาวแกล้มปลาดิบ สามารถฆ่าพยาธิได้ ซึ่งผลการวิจัยพบว่า ผู้กินก้อย ปลาแกล้มเหล้าขาว จะติดพยาธิมากกว่าผู้กินก้อย ปลาอย่างเดียว เพราะเหล้าขาวทำาให้พยาธิมีการ แตกตัว และเดินทางเข้าท่อนำ้าดีเร็วขึ้น ส่วนการ กินยาถ่ายพยาธิบ่อย ๆ จะไปกระตุ้นให้เกิดมะเร็ง ท่อนำ้าดีเร็วขึ้น เพราะชาวบ้านกินยาถ่ายพยาธิแล้ว ยังคงกินปลาดิบอยู่อีก ทำาให้เกิดการอักเสบซำ้า ซ้อนนั่นเอง
ผลงานของนักวิจัยไทย ก็แสดงให้เห็น แล้วว่า คนไทยมีความสามารถ เป็นที่ยอมรับใน ระดับนานาชาติ เรื่องของเทคโนโลยีบางอย่างจึง ไม่จำาเป็นต้องพึ่งแต่ของนอกเพียงอย่างเดียวอีก ต่อไป.