จนท.เมียนมาร์เยี่ยมชมสปสช.ไทย
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนน แจ้งวัฒนะ คณะเจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน ด้านสวัสดิการสังคมสาธารณรัฐแห่งสหภาพ เมียนมาร์ ได้เยี่ยมชมการดำาเนินงานหลัก ประกันสุขภาพของประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วน หนึ่งของหลักสูตรความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ไทยและสหภาพเมียนมาร์ ในการพัฒนาความ ร่วมมือระหว่างประเทศ
นายแพทย์วีระวัฒน์ พันธ์ครุฑ รอง เลขาธิการ สปสช. ได้บรรยายสรุปภาพรวม ของระบบหลักประกันสุขภาพว่าเริ่มจากความ เห็นชอบร่วมกันระหว่างภาควิชาการ ภาค การเมือง และภาคประชาชน ร่วมกันเสนอ กฎหมาย และต่อมาเป็นพระราชบัญญัติหลัก ประกันสุขภาพแห่งชาติขึ้นในปี 2545 และเกิด สำานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติขึ้น เพื่อทำาหน้าที่บริหารจัดการงบประมาณและ โพธารามที่มีลูกบ้านนับหน้าถือตา รวมทั้งเป็น นักธุรกิจร้อยล้าน ที่มีเครื่องปั่นไฟฟ้าขนาดใหญ่ กว่า 300 เครื่อง และรถบรรทุกอีกไม่ตำ่ากว่า 60 คัน ซึ่งจะเร่งสอบปากคำา เพื่อติดตามตัวคนร้าย มาดำาเนินคดีต่อไป. สิทธิประโยชน์ให้กับประชาชนไทย ซึ่งปัจจุบัน มีคนไทยที่มีสิทธิหลักประกันจำานวนทั้งสิ้น เกือบ 49 ล้านคน โดยได้รับการดูแลด้าน สุขภาพ ทั้งบริการตรวจรักษาและการส่งเสริม ป้องกันโรคโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เป็นหลัก ประกันด้านสุขภาพที่มั่นคงให้กับคนไทย ซึ่ง ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของ ประเทศไทยโดยรวม
ด้านนายหล่าเมียวออง เจ้าหน้าที่อาวุโส จากกระทรวงแรงงานและความมั่นคงทาง สังคมของสหภาพเมียนมาร์ เปิดเผยว่า จากการ ศึกษาดูงานในครั้งนี้ พบว่าระบบหลักประกัน สุขภาพถ้วนหน้าของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นโครงการที่ ดีและช่วยเหลือคนไทยให้ไม่ต้องล้มละลาย เพราะการเจ็บป่วย ทั้งนี้ สหภาพเมียนมาร์ให้ ความสำาคัญกับการสร้างหลักประกันสุขภาพให้ แก่ประชาชนทุกคน เนื่องจากทุกคนมีศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน. (มหาชน) หรือพีทีทีจีซี รั่ว ที่เกาะเสม็ด จ.ระยอง เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา สร้างความ เสียหายและส่งผลกระทบหลายฝ่าย ซึ่งกระทรวง พลังงาน ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง มีกำาหนดให้สรุปภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 7 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการ เปิดเผยจากแหล่งข่าวในคณะกรรมการสอบ สวนข้อเท็จจริง ว่า ยังไม่สามารถสรุปข้อเท็จจริง ได้ เนื่องจากยังมีรายละเอียดในการตรวจสอบ จำานวนมาก และมีหลายประเด็นที่ต้องตรวจ สอบเพิ่มเติม และต้องใช้เวลา คาดว่าจะได้ข้อ สรุปภายในเดือนนี้อย่างแน่นอน ก่อนรายงาน กระทรวงพลังงานให้ทราบต่อไป
ด้าน นายบวร วงศ์สินอุดม กรรมการผู้ จัดการใหญ่ พีทีทีจีซี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะ กรรมการบริษัทฯ นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. มี มติอนุมัติให้ฝ่ายจัดการดำาเนินการตามข้อเสนอ แนะของคณะกรรมการ ปตท. ที่ให้ยกเลิกการ ใช้ท่ออ่อน จากบริษัทผู้ผลิตที่ใช้ในปัจจุบันไว้ ก่อน โดยขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำาเนิน การเปลี่ยนท่อดังกล่าว คาดว่าจะแล้วเสร็จภาย ในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ พีทีที โกลบอล เคมิคอล ยัง เร่งศึกษาแนวทางในการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ ใช้ขนถ่ายนำ้ามันในทะเล ตามมาตรการแก้ไข ปัญหาระยะยาว จากเดิมเป็นท่อชั้นเดียว มาเป็น ท่อ 2 ชั้น ซึ่งจะมีระบบไฟเตือนฉุกเฉิน ช่วย ให้แก้ปัญหาได้ทันท่วงทีเพื่อลดความเสี่ยงลง โดยการดำาเนินการปรับเปลี่ยนท่อขนถ่ายนำ้ามัน จะมีการเตรียมแผนการรองรับ ด้านมาตรการ ป้องกันอุบัติเหตุตามมาตรฐานสากลอย่างเข้ม ข้น ก่อนยื่นอนุมัติใช้ท่ออย่างเป็นทางการจาก หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป
ส่วนที่กระทรวงคมนาคม นายศรศักด์ิ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการป้องกันและขจัดมลพิษทางนำ้า เนื่องจากนำ้ามัน (กปน.) เผยว่า กรมควบคุม มลพิษได้แต่งตั้งคณะทำางานติดตามประเมิน สถานการณ์แก้ไขและฟื้นฟูผลกระทบ ออกเป็น 7 กลุ่มเพื่อดูแลสภาพแวดล้อมให้ครอบคลุมทุก ด้าน พร้อมตรวจสอบคุณภาพนำ้าทะเล รอบเกาะ เสม็ด ที่คาดว่ารับผลกระทบรวม 23 จุด เป็น ระยะเวลา 1 ปี จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ โดย การตรวจสอบคุณภาพนำ้าทะเล และสารปน เปื้อน จะสรุปผลได้ภายในวันที่ 13 ส.ค.นี้
ทั้งนี้ภายในสิ้นเดือนส.ค.ผู้ที่ได้รับผล กระทบโดยตรง เช่น ชาวประมง น่าจะได้รับเงิน ชดเชยก่อน ส่วนผู้ประกอบการโรงแรม ผู้ค้า ของชำาร่วย ผู้ประกอบการรถโดยสารขนาดเล็ก และกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ยังอยู่ระหว่างรวบรวมผล กระทบ ซึ่งผู้ประกอบการเองก็ยังไม่ได้รวบรวม ตัวเลข ขณะที่กรมฯจะเสนอในที่ประชุมคณะ อนุกรรมการ กปน.พิจารณาแบบฟอร์มแจ้ง ความเสียหาย เพื่อให้สะดวกในการรวบรวม ข้อมูลด้วย
สำาหรับการสอบสาเหตุของเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้น คณะกรรมการ กปน. และกรมเจ้าท่า กำาลังดำาเนินการคาดว่าข้อสรุปทั้งหมดจะสรุปได้ ภายในสิ้นเดือนส.ค.นี้ ส่วนการที่ ปตท.จะขอ หยุดใช้ท่ออ่อนส่งนำ้ามันที่มีปัญหาแล้ว เปลี่ยน มาใช้วิธีการส่งนำ้ามันทางเรือแทนชั่วคราวนั้น ทางกรมเจ้าท่าเห็นว่า การขนถ่ายนำ้ามันทางเรือ มีความเสี่ยงเรื่องการรั่วไหลมากกว่าการส่งทาง ท่อ จึงให้ ปตท. กลับมาใช้วิธีการส่งนำ้ามันทาง ท่อตามเดิมโดยให้ถอดท่ออ่อน ซึ่งมีอยู่2 ท่อน ออก แล้วให้เพิ่มเรือเฝ้าระวังจากเดิม 1 ลำาเป็น 2 ลำา เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขนถ่าย นำ้ามัน
ส่วนในพื้นที่การขจัดคราบนำ้ามันบริเวณ อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ล่าสุดทัพเรือภาคที่ 1 จัดกำาลังพลจากหน่วยบรรเทาสาธารณภัยจาก หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และหน่วยบัญชา การต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ดำาเนินการขจัด คราบนำ้ามันที่ปนเปื้อน ด้วยการพลิกทรายบริเวณ ชายหาดด้วยกำาลังคนและรถไถ ใช้แผ่นซับ นำ้ามัน ทุ่นซับนำ้ามันซับคราบนำ้ามันที่ปนเปื้อน บริเวณชายหาด ผลการปฏิบัติสามารถขจัดคราบ นำ้ามันได้กว่าร้อยละ 97
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว. สาธารณสุข กล่าวว่า ผลการตรวจวิเคราะห์สาร ปนเปื้อนในตัวอย่างอาหารทะเล ประเภทหอย แมลงภู่สด ปลาสด 8 ตัวอย่าง พบว่าทุกรายการ อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน บางตัวอย่างแม้พบสาร โลหะหนักบ้าง แต่อยู่ในระดับที่ตำ่ากว่าเกณฑ์ กำาหนด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ส่วนผลการตรวจหา สารอนุพันธ์ของเบนซินในปัสสาวะของผู้ปฏิบัติ