ประชามติไม่ใช่พิธีกรรม
เป็นการวิเคราะห์แยกแยะกอปรด้วยความห่วงใย
ที่บ่งบอกถึงควำมวิตกกังวลอย่ำงมีเหตุมีผล กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชำ นำยกรัฐมนตรี ระบุ 3 สำเหตุที่ประชำชนไม่ออกไปใช้ สิทธิออกเสียงลงประชำมติร่ำงรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช …. ในวันอำทิตย์ที่ 7 สิงหำคมนี้ เพรำะ 1) ไม่รู้เรื่อง 2) ไม่เห็นชอบ และ 3) ไปเลือกแล้วไม่รู้ว่ำจะเกิดประโยชน์อะไร หรือ เนื่องเพรำะรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย (ฉบับชั่วครำว) พ.ศ. 2557 มิได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับ “หน้ำที่ของปวงชนชำวไทย”
ก่อนหน้านี้ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ระบุในมาตรา
72 ว่ำ บุคคลมีหน้ำที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง “บุคคลซึ่งไปใช้สิทธิหรือไม่ ไปใช้สิทธิโดยไม่แจ้งเหตุอันสมควรที่ทำ�ให้ไม่อำจไปใช้สิทธิได้ย่อมได้ รับสิทธิหรือเสียสิทธิตำมที่กฎหมำยบัญญัติ” ขณะที่ร่ำงรัฐธรรมนูญ ฉบับที่จะลงประชำมติ ระบุในมำตรำ 50 (7) ว่ำ บุคคลมีหน้ำที่ “ไป ใช้สิทธิเลือกตั้งหรือลงประชำมติอย่ำงอิสระโดยค�ำนึงถึงผลประโยชน์ ส่วนรวมของประเทศชำติเป็นสำ�คัญ” ซึ่งมีควำมเหมือนและควำมต่ำง ดังนั้นกำรลงประชำมติครั้งนี้ รัฐบำลและคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ (คสช.) ต่ำงทรำบปัญหำที่อำจเกิดขึ้นจึงแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2557 ให้ยึดเสียงข้ำงมำกของผู้มำออกเสียง มิใช่ของผู้มีสิทธิออกเสียง
น่าสนใจ เมื่อผลส�ารวจความคิดเห็นของส�านัก
ต่ำง ๆ ที่สอบถำมควำมคิดเห็นประชำชนที่เป็นกลุ่มเป้ำหมำยได้ข้อมูลที่ แตกต่ำง บำงสำ�นัก เมื่อนำ�เปอร์เซ็นต์ของ “รับ-ไม่รับ” มำรวมกัน มำกกว่ำ “ยังไม่ตัดสินใจ” แต่บำงสำ�นักพบว่ำ ประชำชนส่วนใหญ่ยังไม่ ตัดสินใจว่ำจะไปลงประชำมติหรือไม่ สอดรับกับ3 สำเหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุไว้ ทว่ำเหตุ “ไปเลือกแล้วไม่รู้ว่ำจะเกิดประโยชน์อะไร” ถือเป็นภำพ สะท้อนของกำรรับรู้และควำมเข้ำใจในร่ำงรัฐธรรมนูญ แม้เป็นภำรกิจ ควำมรับผิดชอบของคณะกรรมกำรกำรเลือกตั้ง(กกต.) แต่ด้วยข้อจำ�กัด ทั้งกฎหมำย งบประมำณ เวลำ อีกทั้งกำรตั้งเป้ำผู้มำใช้สิทธิ80 เปอร์เซ็นต์ และไม่น้อยกว่ำ 57.81 เปอร์เซ็นต์ ในกำรลงประชำมติรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เมื่อวันที่ 19 สิงหำคม พ.ศ. 2550 ยิ่งเป็นควำมท้ำทำยยิ่ง
การไม่ออกมาใช้สิทธิของประชาชน อาจเพราะ
ไม่มีกฎหมำยตัดสิทธิ หรืออำจเพรำะหลำยคนยังเบื่อหน่ำยควำมขัด แย้งทำงกำรเมือง หรือบำงคนอำจเห็นว่ำ “รับ-ไม่รับ” รัฐบำลและ คสช.จะยังสำนต่อภำรกิจตำมโรดแม็พดังเดิม จึงเป็นปัญหำพื้นฐำน ที่ต้องเร่งให้ควำมรู้สร้ำงควำมเข้ำใจกับประชำชนผู้มีสิทธิออกเสียง ในโค้งสุดท้ำย ทั้ง กกต. คสช. รัฐบำล คณะกรรมำธิกำรยกร่ำงฯ และ สมำชิกสภำนิติบัญญัติแห่งชำติ ต้องร่วมผลักดัน อย่ำให้ประชำมติ เป็นพิธีกรรมสร้ำงควำมชอบธรรม โดยผู้มีสิทธิออกเสียงส่วนใหญ่ ไม่มีส่วนร่วมกำ�หนดอนำคตประเทศ.