คนไทยเครียดเรื่องเศรษฐกิจที่สุด
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. สถาบันวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอยูโพล) เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำารวจเรื่อง “ดัชนีความเครียดของคนไทย” กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชน ในเขตกรุงเทพมหานครและหัวเมืองใหญ่ จำานวนทั้งสิ้น 2,000 ตัวอย่าง ดำาเนินโครงการระหว่าง วันที่ 1 ก.ค.-31 ส.ค.ที่ผ่านมา ผลสำารวจโดยภาพรวม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นกลุ่ม ตัวอย่างมีความเครียดน้อย ซึ่งมีคะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.28 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน โดยปัจจัยที่ทำาให้เกิดความเครียดมากที่สุดคือ ด้านเศรษฐกิจ/การเงิน คะแนน ความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.85 คะแนน โดยเฉพาะในเรื่องราคาสินค้าแพง ปัญหาหนี้สิน/รายรับ ไม่พอกับรายจ่าย และค่าครองชีพสูง ตามลำาดับ รองลงมาคือปัจจัย ด้านการทำางานและด้าน การเรียน คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.81 คะแนน
เมื่อพิจารณาจำาแนกตามพื้นที่ พบว่าตัวอย่างที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร มี ความเครียดมากกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในต่างจังหวัด คือมีคะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.32 คะแนน โดยเครียดเรื่องเศรษฐกิจ/การเงินมากที่สุด รองลงมาคือเรื่องการทำางาน และสิ่ง แวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาการจราจร/รถติด ในขณะที่ตัวอย่างที่อาศัยอยู่ในต่างจังหวัด มีระดับ ความเครียดน้อยกว่า คือมีคะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.24 คะแนน โดยเครียดในเรื่อง การเรียนมากที่สุด รองลงมาคือ การงาน และเครียดเรื่องเศรษฐกิจ/การเงิน ตามลำาดับ
เมื่อสอบถามถึงวิธีการปฏิบัติตนเมื่อรู้สึกเครียด พบว่า 1.เครียดเรื่องเศรษฐกิจ/การเงิน พบว่า ตัวอย่างครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.00 ใช้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ประหยัด ลดค่าใช้จ่าย ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ใช้จ่ายแต่สิ่งที่จำาเป็น 2. เครียดเรื่องการงาน พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่คือร้อย ละ 23.11 ระบุทำาใจยอมรับ อดทน ร้อยละ 18.37 ตั้งใจทำางานและทำาหน้าที่ของตัวเองให้ดี ที่สุด และหากิจกรรมที่ทำาแล้วมีความสุข เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เที่ยว และ 3. เครียดเรื่องการ เรียน พบว่า ตัวอย่างเกือบครึ่งหรือร้อยละ 48.11 แก้ปัญหาโดยใส่ใจการเรียนให้มาก ตั้งใจเรียน อ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียน. ความ การให้บริการแบบเสร็จสิ้น ณ จุดเดียว รวมทั้งการทำางานของพนักงานสอบสวนแบบ ทีมบูรณาการ ซึ่งมีความพร้อมรองรับการ ทำางานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีต่าง ๆ เพิ่มมาก ขึ้น โดยเฉพาะการมีทีมนิติวิทยาศาสตร์ประจำา โรงพัก ช่วยให้พี่น้องประชาชนมีความเชื่อมั่น ศรัทธาและไว้วางใจต่อการทำางานของพนักงาน สอบสวนและการรวบรวมพยานหลักฐานมาก ขึ้น เชื่อว่าการอำานวยความยุติธรรมเบื้องต้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำารวจ ที่เป็นต้นธารใน กระบวนการยุติธรรม ได้รับการยอมรับจาก สังคมและประชาชนโดยทั่วไปมากขึ้น.