เพื่อการประมง
มาจากพระราชดำาริ ที่ได้รับการ สนับสนุนโดยศูนย์วิจัยและ พัฒนาประมงทะเลอ่าวไทย ตอนกลาง (ชุมพร) เล่าให้ฟัง ว่า การทำาประมงของบ้านเกาะ เตียบ ส่วนใหญ่จะเป็นปูม้าเป็น หลัก เพราะเป็นพื้นที่ที่มีปูม้า อาศัยอยู่มาก เนื่องจากพื้นที่ป่า ส่วนใหญ่เป็นป่าชายเลนและมีหญ้าทะเลที่ เหมาะให้ลูกปูได้หลบอาศัย เดิมชาวบ้านจะ จับปูม้าได้ปริมาณมาก ต่อมาจำานวนปูเริ่มลด ลง เนื่องจากทำาการประมงมากจนธรรมชาติ ไม่สามารถผลิตปูม้าได้ทันตามที่ต้องการ เนื่องจากเมื่อจับปูม้าด้วยเครื่องมือประมง ต่าง ๆ อาทิ อวนลาก อวนรุน สอบและอวน จมปู ชาวบ้านก็จะนำาไปขาย จึงทำาให้โอกาส การขยายพันธุ์ของปูม้าลดลง กระทั่งได้มีการ ไปศึกษาธนาคารปูแสมที่จังหวัดตราด จึงได้นำา แนวคิดนั้นมาประยุกต์เป็นธนาคารปูม้ามาตั้ง แต่ปีพ.ศ. 2545 ซึ่งวิธีการทำาธนาคารก็เป็นวิธี การที่ง่ายด้วยวิธีธรรมชาติ คือ นำาแม่ปูม้าที่มี ไข่ติดหน้าท้อง หรือที่เรียกว่า “ไข่นอก กระดอง” มาเลี้ยงในกระชังจนกว่าไข่จะฟัก ออกมาเป็นลูกปูกลับสู่ทะเล
น.ส.จินดา เพชรกำาเนิด นักวิชาการ ประมงชำานาญการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมง ทะเลอ่าวไทยตอนกลาง (ชุมพร) เปิดเผยว่า การดำาเนินงานของโครงการฯดังกล่าว ทางศูนย์ วิจัยฯจะให้ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของปูม้า ซึ่ง ระยะเวลาที่แม่ปูม้าอยู่ในธนาคารปู สังเกตได้ ง่าย ๆ คือ แม่ปูม้าที่มีไข่แก่ติดหน้าท้องจะมีสี ต่างกันออกไป เนื่องจากไข่แก่ไม่เท่ากัน เช่น ไข่ที่มีสีส้ม-เหลือง ใช้ระยะเวลาอยู่ในธนาคาร ปู 4-7 วัน ไข่ที่มีสีนำ้าตาล ใช้ระยะเวลาอยู่ใน ธนาคารปู 2-4 วัน ไข่ที่มีสีเทา ใช้ระยะเวลา อยู่ในธนาคารปู 1-3 วัน และไข่ที่มีสีดำา ใช้ ระยะเวลาอยู่ในธนาคารปู 1-2 วัน ซึ่งไข่สีดำา คือไข่ที่พร้อมจะฟักออกเป็นตัวอ่อน แม่ปู 1 ตัว สามารถผลิตไข่ได้จำานวน 229,538 -2,859,061 ฟอง โดยวงจรชีวิตของปูจะแบ่ง ดังนี้ คือ ระยะแรกเรียกว่า ระยะโซเอี้ย คือ เป็นไข่ปูม้าที่ถูกฟักออกมาแล้ว อายุ1-10 วัน จะมีปริมาณ 650,000 ตัว ระยะที่ 2 คือ ระยะ เมก้าโลปา คือเป็นลูกปูม้าน้อย ที่มีอายุ10-15 วัน ระยะที่ 3 คือ ระยะยังแครบเป็นลูกปูม้าที่ มีอายุ 15-19 วัน และปูม้าที่สามารถวางไข่ได้ จะมีอายุ 3-5 เดือนนั่นเอง.