Ŏ เจริญพุทธมนต์ถวายพ่อหลวง
เมื่อวันที่1 พ.ย. พสกนิกรทั่วประเทศยัง คงร่วมแสดงความอาลัย ภายหลังพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิ เบศรรามาธิบดีจักรีนฤบดินทรสยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ สวรรคต เริ่มที่ ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ ภายในวัดพระธาตุดอยสุเทพ ตั้งแต่ คืนวันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา มีการจัดพิธีสมโภช พระพุทธเอกูนนวุตายุโกพระพุทธรูปวันเกิดของ รัชกาลที่ 9 ซึ่งตรงกับวันจันทร์ เป็นพระพุทธรูป ประดิษฐ์จากไม้สักสูง 5.20 เมตร นำ้าหนัก 2 ตัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ภายหลังที่ศรัทธา ประชาชนร่วมกันชักลากขึ้นประดิษฐานบนวัด พระธาตุดอยสุเทพในงานมี สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามร่วมประกอบ พิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพุทธาภิเษกพระพุทธ เอกูนนวุตายุโก ซึ่งหลังจากพิธีสมโภชแล้วเสร็จ พสกนิกรข้าราชการและประชาชนทุกหมู่เหล่า กว่า 600 คนร่วมกันจุดเทียนแสดงความอาลัย ถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 มี นายศรันยู มี ทองคำา นายอำาเภอเมืองเชียงใหม่เป็นประธานนำา จุดเทียนแสดงความอาลัย และร่วมร้องเพลง สรรเสริญพระบารมีเพลงพ่อหลวงของแผ่นดิน บริเวณบ้านจังเอิญโค หมู่ที่ 2 ต.ตาอ็อง อ.เมือง นายคำาทรัพย์ ควรหาญ อายุ 51 ปีและนาง พรพิมล ควรหาญ อายุ 49 ปี สองสามีภรรยา เกษตรกรผู้นำาชุมชนน้อมนำาแนวทางพระ ราชดำาริเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวง มา ดำาเนินชีวิตในการทำาการเกษตรจนประสบผล สำาเร็จโดยทั้งคู่ใช้วิธีเกษตรกรรมผสมผสาน ใน พื้นที่รวม10 ไร่ จัดสวนเกษตรในการปลูกพืชได้ อย่างลงตัว รวมไปถึงการขุดบ่อเลี้ยงปลาและ แปลงนาทำาให้ปัจจุบันมีรายได้เลี้ยงครอบครัวทุก วัน ครอบครัวมีความสุขและสามารถแบ่งปันให้ กับชาวบ้านใกล้เคียงได้ด้วยซึ่งทั้งหมดทั้งมวล มาจากน้อมนำาแนวพระราชดำาริเศรษฐกิจพอ เพียงของพระองค์ท่านมาประยุกต์ใช้ทำาให้ ครอบครัวมีแต่ความเจริญ หลังจากนี้จะดำาเนิน ชีวิตตามแนวพระราชดำาริพระองค์ท่านต่อไป เวลาในการแปรอักษรประมาณ 20 นาที จากนั้น ยืนสงบนิ่งเป็นเวลา9 นาที และร่วมกันร้องเพลง สรรเสริญพระบารมี ซึ่งมีพสกนิกรเข้าร่วมใน กิจกรรมนี้กว่า 30,000 คน ราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จฯยัง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2523 ซึ่งนายวรท เปิดเผยด้วยความ ปลาบปลื้มว่า ครั้งนั้นปลื้มปีติเป็นอย่างมาก เพราะตนเองรับราชการเป็นอัยการจังหวัด นครศรีธรรมราชได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ขับ รถยนต์พระที่นั่งให้พระบาทสมเด็จพระปร มินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระ นางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จากสนามบิน นครศรีธรรมราช เสด็จฯไปยังวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร และเสด็จฯไปเสวยพระกระยาหาร ที่กองทัพภาค 4 ก่อนจะไปส่งเสด็จขึ้นเครื่อง บินกลับ ระหว่างทางพระองค์ท่าน ไม่ได้ตรัส เรื่องส่วนพระองค์เลย แต่ทรงตรัสกับราช เลขาฯ ถามแต่เรื่องทุกข์สุขของพสกนิกรชาว จ.นครศรีธรรมราช โดยเฉพาะเรื่องการปลูก ยางพารา และน้ำา ที่ อ.นาบอน และ อ.ฉวาง ทั้งนี้ก่อนพระองค์ท่านเสด็จฯกลับ ทรงตรัส สั้น ๆ ว่า วันนี้อากาศดีนะ ตนเองจึงตอบกลับ ว่าพ่ะย่ะค่ะ สำาหรับรถยนต์ที่ใช้รับ-ส่งเสด็จ ขณะนั้นไปยืมรถเบนซ์ของเพื่อนมารับเสด็จแต่ ได้ไปสั่งทำาผ้าหุ้มเบาะใหม่สำาหรับประทับบน รถยนต์ซึ่งตนเองยังคงเก็บไว้จนถึงปัจจุบัน พร้อมความรู้สึกปลาบปลื้มและสำานึกในพระ มหากรุณาธิคุณมาตลอดกว่า 37 ปีแล้ว ประถมศึกษา เริ่มต้นแปรภาพเป็นพวงมาลา จาก นั้นระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลายและระดับ ชั้นมัธยมศึกษาแปรภาพเป็นเลข 9 ภายหลังแปร อักษรเสร็จสิ้น ได้ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระ บารมีก่อนติดริบบิ้นไว้ทุกข์ให้กับครูชาวต่างชาติ เพื่อไว้แสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงมีพระ มหากรุณาธิคุณให้ชาวต่างชาติได้อาศัยอยู่ในแผ่น ดินไทยได้อย่างร่มเย็นเป็นสุข หลุยก็ได้เข้า ๆ ออก ๆ อยู่กับพระราชวังตลอดมา
ทั้งนี้หลวงปู่หลุย มีชื่อเสียงเป็นที่ เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ตามรอยบาทแห่งบูรพาจารย์ เช่นเดียวกับ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่ขาว อนาลโย และหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ในสมัยนั้น
โดย หลวงปู่หลุย โยมบิดา ชื่อนาย คำาฝอย วรบุตร ลูกชายเจ้าเมืองแก่นท้าว แขวง ไชยบุรี สปป.ลาว และโยมมารดา ชื่อ นางกวย (สุวรรณภา)วรบุตร เกิดที่ จ.เลย ในช่วงวัยเด็ก ท่านศึกษาจบระดับชั้นป.3 และทำางานเป็น เสมียนกับพี่เขย ที่เป็นสมุห์บัญชีสรรพากร อ.เชียงคาน จ.เลย ก่อนเมื่อปี 2464 ได้ย้ายไป ทำางานที่ อ.แซงบาดาล(ธวัชบุรี) และที่ห้อง อัยการภาค จ.ร้อยเอ็ด ด้วยการอุปถัมภ์ของ อัยการภาคร้อยเอ็ด สมัยก่อนนับถือศาสนา คริสต์อยู่ 5 ปี กระทั่งลุงของท่านเรียกว่า เซนต์หลุย หรือ หลุย ท่านจึงถูกเรียกชื่อว่า หลุย ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ต่อมาท่านได้กลับ ใจเปลี่ยนศาสนามานับถือศาสนาพุทธและได้ อุปสมบทเมื่อปี 2466 เป็นพระมหานิกาย ณ อ.แซงบาดาล จ.ร้อยเอ็ด ปฏิบัติธรรมเคร่งครัด เป็นพระอริยสงฆ์ผู้มีศีลวัตรปฏิบัติอันงดงาม