Daily News Thailand

‘การฝังเข็มกับการชะลอวัย’

-

ความแก่คือ กระบวนการช­ราภาพ เกิดจาก การที่เซลล์เริ่มโปรแกรมกร­ะบวนการขจัดตัวมันเอง โดยในวัยที่มีอายุน้อยจนกระทั่งเมื่อเข้าถึงวัยหนุ่ม สาว กระบวนการท­า�งานของร่างกายจะดา�เนินไปใน ทิศทางการสร้างและเจริญเติบโตเป็นหลัก และใน วัยผู้ใหญ่การทา�งานของร่างกายจะดา�เนินไปในทาง รักษาเซลล์ เมื่ออายุของเซลล์มากขึ้นก็จะเสื่อมและ ตายไปในที่สุด ฉะนั้นกระบวนการ­ทา�ลายจะมากกว่า กระบวนการเ­สริมสร้างความเสื่อมของเซลล์เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อย่างอัตโนมัติร่วมกับอิทธิพลแวดล้อม เมื่อเซลล์ตายมากขึ้น กระบวนการ ทา�งานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายก็ค่อย ๆ ลดลง สมมุติฐานความแก่

นักวิจัยได้พยายามที่จะหาสาเหตุของความแก่ และตั้งสมมุติฐานที่ เกี่ยวข้องกับความแก่ไว้ดังนี้

ความผิดปกติในยีน : อาจเกิดขึ้นเองตามเวล­า หรือเกิดจากปัจจัย อื่น ๆ เช่น สารเคมีและรังสีซึ่งก่อให้เกิดความเสื่อมของเซลล์ โดยปกติยีนจะ เป็นตัวบงการเซลล์ว่าเมื่อไหร่ควรจะแบ่งตัว และแบ่งตัวอย่างไรเพื่อให้ เซลล์ใหม่ทา�หน้าที่ที่เหมาะสมในร่างกาย ในคนปกติเมื่ออายุมากขึ้นเซลล์จะ ค่อย ๆ เสื่อมและตายไป

การสะสมของ­สารพิษ : การสลายตัวของไขมันในเซลล์ก่อให้เกิดการ อุดตันหรือตกตะกันในเซลล์ เกิดการเปลี่ยนแปลงของข­บวนการทา�งานใน เซลล์ที่ผิดไปจากปกติ ทา�ให้เซลล์เสื่อมสภาพลง

อนุมูลอิสระ : อนุมูลอิสระเป็นสารที่เกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นซึ่ง เป็นปฏิกิริยาระหว่าง สารใด ๆ กับออกซิเจนในกระบว­นการเผาผลา­ญอาหาร ในร่างกาย อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น เพียงตัวเดียวจะสามารถ­เหนี่ยวนา�ทา�ให้เกิด ปฏิกิริยาออกซิเดชันที่สามารถผลิตอนุมูลอิสระ ได้อีกเป็นพัน ๆ โมเลกุล นับ เป็นปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ต่อร่างกาย เพราะถ้าปฏิกิริยานี้เกิดขึ้นมากและ บ่อยจะทา�ให้ร่างกายสะสมอ­นุมูลอิสระมากมาย ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่าอนุมูลอิสระ นี้เป็นต้นเหตุของโรค มะเร็ง โรคหัวใจ โรค ทางเดินหายใจ ข้อเสื่อม ต้อกระจก รวมทั้งเร่ง กระบวนการแ­ก่ที่ใคร ๆ ไม่ต้องการ

นอกจากอนุมูล อิสระที่เกิดขึ้นแล้ว ร่างกายยังจะต้องต่อสู้ กับอนุมูลอิสระจากสิ่งแวดล้อม เช่น รังสีอัลตราไวโอเล­ต รังสีเอ็กซ์ ความร้อน ควันพิษต่าง ๆ อาหารที่ปนเปื้อนสารพิษ แอลกอฮอล์ และความเครียดที่เกิด ขึ้น สิ่งเหล่านี้ทา�ให้เกิดอนุมูลอิสระสะสมเพิ่มขึ้นในร่างกาย ทา�ให้เกิดสภาวะ เครียดในระบบกา­รทา�งานของร่างกาย

โดยปกติร่างกายจะมีการขจัดอนุมูลอิสระเหล่านี้โดยใช้สารแอนตี้ออก ซิเดนท์จากอาหาร และจากเอนไ­ซม์ที่เซลล์ผลิตขึ้นในร่างกาย ทา�หน้าที่ป้องกัน หรือยับยั้งปฏิกิริยาที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ นักวิจัยเชื่อว่าถ้ามีสารแอนตี้ออก ซิเดนท์ในร่างกายมากก็จะช่วยลดการเกิดเซลล์มะเร็ง และความเสื่อมใน ร่างกายได้

วิธีการป้องกันก็คือการรับประทานอาห­ารที่มีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ ในธรรมชาติให้พอเพียงกับที่ร่างกายต้องการ สารแอนตี้ออกซิเดนท์ใน ธรรมชาติ ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี เคโรทีนอยด์ เบต้าเคโรทีน และซีลีเนียม วิตามินซีทา�หน้าที่ขจัดอนุมูลอิสระภายในเซ­ลล์ ส่วนเคโรทีนอยด์ เบต้าเคโร ทีน และวิตามีนอีซึ่งทา�หน้าที่ละลายไขมัน จะทา�หน้าที่ขจัดอนุมูลอิสระออก จากส่วนของไขมันในร่างกาย

การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในร่างกาย : ระดับฮอร์โมนหลายชนิดใน ร่างกายที่เกี่ยวกับความแก่ ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มีระดับสูงในวัยคนหนุ่มสาว และ ค่อย ๆ ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น นักวิจัยจึงเชื่อว่า การลดระดับลงของฮอร์โมน เหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความแก่

ระบบภูมิคุ้มกันลดประสิทธิภาพ : ต่อมไทมัสซึ่งอยู่ส่วนบนของช่อง อกมีความสา�คญัในระบบภูมิคุ้มกัน ต่อมนี้มีขนาดใหญ่สุดเมื่อเข้าวัยหนุ่มสาว และเมื่ออายุ 50 ปี ต่อมนี้มีขนาดเล็กลงจนแทบมอ­งไม่เห็น ฉะนั้นหน้าที่ดัก จับหรือการต้านเชื้อโรคและไวรัสที่เข้าสู่ร่างกายหรือทา�ลายเซลล์มะเร็งจึงลด ลง การขาดสารอ­าหารประเภท­โปรตีน วิตามินอี บี 6 และสังกะสี จะลดการ ทา�งานของระบบ­ภูมิคุ้มกัน ทา�ให้สุขภาพอ่อนแอและเสื่อมโทรมได้ง่าย

อายุการทา�งานของเซลล์ได้ถูกกา�หนดไว้แล้ว : แต่ละเซลล์ในร่างกาย ของคนสามาร­ถแบ่งตัวได้ ประมาณ 50 ครั้ง และเมื่อแบ่งตัว ได้ถึงจา�นวนนั้นเซลล์จะตายโดยอัตโนมัติ ดังนั้นอายุของเซลล์ จึงมีความสา�คัญต่อการเจริญเต็มที่ของเซลล์ ซึ่งมีผลต่อระบบ ภูมิคุ้มกัน นักวิจัยเชื่อว่าอายุของเซลล์ที่ถูกกา�หนดไว้เป็น กุญแจสา�คัญในกระบวนก­ารควบคุมการแก่ การลดหรือเร่ง กระบวนการธ­รรมชาติ ทา�ให้ก่อเกิดการเป็นมะเร็งได้

พลังงานจากอาห­าร : นักวิจัยรู้กันมานานแล้วว่าสัตว์ บางชนิดเมื่อถูกจา�กัดการให้ปริมาณอาหาร อายุจะยืนขึ้น นัก วิจัยจึงเชื่อว่าการที่จะชะลอความ­แก่ได้ก็โดยการลดแค­ลอรี จากอาหารที่บริโภคประจา�วัน ดังนั้นการจา�กัดอาหารโดยก­าร รับประทานให้น้อยลงกว่าในวัยผู้ใหญ่จะช่วยให้แก่ช้าลง

ในปัจจุบันพบว่ามีเพียง 2 อย่างที่ทางการแพทย์ ยอมรับว่าสามารถชะล­อการเสื่อมสภาพ หรือ ความชราภาพ ได้จริง ๆ คือ การออกกา�ลังกาย และการดื่มนา้�อย่างเพียงพอประมาณ­2 ลิตร/ วัน ส่วนตัวผู้เขียนเห็นว่า นอกจากความ­ชราภาพจะเกิดจากทฤษฎีต่าง ๆ ข้าง ต้นแล้ว ยังเกิดจากความเสื่อมของกระดูกสันหลังที่เสื่อมลงทุกวัน แล้วทา�ให้ เกิดความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ทั้งการสร้างเซลล์เพื่อซ่อมแซม ส่วนที่สึกหรอจะลดลง­แล้ว ยังทา�ให้อวัยวะต่าง ๆ ทา�งานได้น้อยลง เกิดการ สะสมของของ­เสียตามทฤษฎีต่าง ๆ นั่นเองอธิบายได้โดย

กระดูกสันหลังของคนเราเ­ป็นแกนกลางรับนา้�หนักของร่างกายตั้งแต่ ศีรษะลงมาตาม­ลา�ตัว และกระจายผ่านตะโพกไปยังขา 2 ข้าง ขณะที่เราเดิน หรือวิ่ง พบว่า มีแรงกระแทกร่างกายของเร­าลงสู่พื้นดิน ซึ่งจะสะท้อนกลับสู่ ตัวเรา ground reaction force เมื่อแรงสะท้อนกลับสู่ตัวเราหมอนรอ­งกระดูก จะทา�หน้าที่เป็นตัวรับแรงกระแทก­shockabsor­ber ช่วยทา�ให้แรงสะท้อนนั้น สลายไปไม่สามารถส่งผ่านไปสู่สมองที่ลอยอยู่ในน้า�ไขสันหลังได้ ช่วยให้สมอง ไม่ได้รับการกระทบก­ระเทือนเนื่องจากสมองถูกขึงอยู่ด้วยเส้นเลือดปลายตัน เท่านั้น หากมีแรงกระเทือนขึ้นไปถึงสมองก็อาจทา�ให้สมองกระทบก­ระเทือน จากการกระแ­ทกกับกะโหลกศีรษะ หรือการฉีกขาดของเส้นเลือดที่ขึงตึง ระหว่างสมองกับกะโหลกศีรษะได้

เมื่อคนเราอายุ ประมาณ30 ปีขึ้นไป หมอนรองกระ­ดูกมักจะเริ่มเสื่อม สภาพเนื่องจากแรงกร­ะแทกที่ได้รับมาเป็นเวลานาน จะเกิดการยุบตัวของ หมอนรองกระ­ดูกทา�ให้ช่องว่างระหว่างกระดูกสันหลัง ซึ่งเป็นรูที่รากประสาท ออกมาจากไข­สันหลังตีบแคบลง ส่งผลให้รากประสาทถูกกดทับ รากประสาทที่ออกมาจาก กระดูกสันหลัง ประกอบ ด้วย 1.เส้นประสาทที่ ไป เลี้ยงอวัยวะภายใน หรือ กล้ามเนื้อตามแขนขา 2.เส้นประสาทที่ ไป เลี้ยงกล้ามเนื้อหลัง และ ผิวหนังตามDermat­ome นั้น ๆ 3.เส้นประสาทระบ­บอัตโนมัติที่ไปเลี้ยงเส้นเลือด รูขุมขนต่าง ๆ เมื่อรากประสาท­ถูกกดทับก็จะทา�ให้กล้ามเนื้อกระดูกสันหลังหดสั้น เกิดแรงบีบให้รูที่รากประสาทอ­อกมาตีบแคบลงไปอีก ทา�ให้อวัยวะที่เลี้ยงด้วย รากประสาทเ­ดียวกันเกิดการอักเสบ และการตายข­องเซลล์ตามมา

เมื่อหมอนรองกร­ะดูกเสื่อมลงพร้อม ๆ กันทั้งแนวกระดูกสันหลัง ก็ ทา�ให้เกิดความเสื่อมและชราภา­พของอวัยวะทั่วทั้งตัว การซ่อมแซมส่วนที่ เสียหายก็ทา�ไม่ได้ ระบบอัตโนมัติไม่ทา�งาน ทา�ให้เกิดการบวมของ­เส้นเลือด ต่าง ๆ การขับถ่ายและทา�ลายของเสียไม่สามารถทา�ได้ จนทา�ให้เกิดความเสีย หายต่ออวัยวะที่ไม่อาจฟื้นคืน ทา�ให้เกิดผมขาว ผมร่วง ภูมิแพ้ หอบหืด กระเพาะอาห­ารเรื้อรัง ลา�ไส้แปรปรวน หัวใจบีบตัวไม่ได้ เกิดเส้นเลือดหัวใจ ตีบ ปอดขยายไม่ได้ เกิดการติดเชื้อ การขับเสมหะไม่ดี เพราะ Cilia ไม่ดี ไต ทา�งานน้อยลง ขับถ่ายของเสียไม่ได้ ตับอ่อนสร้าง insulin ไม่ได้ กล้ามเนื้อ เกิดการอักเสบเรื้อรัง เอ็นอักเสบเรื้อรัง แผลเรื้อรัง เป็นต้น

การฝังเข็มสามารถลดก­ารเสื่อมถอยของสภ­าวะเหล่านี้ได้โดยการสลาย พังผืดบริเวณกล้ามเนื้อหลังที่เกิดจากการกดร­ากประสาทเป็นเวลานาน ทา�ให้ การกดทับเส้นประสาทลดล­ง อวัยวะต่างๆสามารถซ่อมแซมฟื้นฟูสภาพตัวเอง ได้ กระตุ้นการทา�งานของอวัยวะต่างๆดีขึ้น เพิ่มกา�ลงักล้ามเนื้อหลังเพื่อให้ ช่วยรับแรงกระแทก­จากพื้นดินทา�ให้ชะลอการเสื่อมของหมอนร­องกระดูกสัน หลังและการงอก­ของแคลเซียมรอบกระดูกสันหลัง ดังนั้นตามความเห็นของ ผู้เขียน จะเห็นได้ว่าการฝังเข็มที่ถูกต้องสามารถบา�รงุสุขภาพของร่างกาย และ ลดการเสื่อมสภาพของอ­วัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างแท้จริง

ข้อมูลจาก แพทย์หญิงอารีย์ กิจศิริกุล ผู้อา�นวยการศูนย์เวชศาสตร์ ฟื้นฟูและกายภาพบ­า�บดั โรงพยาบาลจุฬารัตน์3 และแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลพ­ญาไท 2 http://www.phyathai.com

 ??  ??
 ??  ??
 ??  ??
 ??  ??
 ??  ??

Newspapers in Thai

Newspapers from Thailand