‘ภัยคุกคามโลกใหม่’ งานใหญ่ผู้นำาสหรัฐ
แม้จะทราบผลเป็นที่แน่ชัดแล้วสำาหรับศึกเลือกตั้งใหญ่ ที่ทำาให้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้แทนจากพรรครีพับลิกันขึ้นแท่นว่าที่ผู้นำาสหรัฐคนที่ หรัฐคนที่ 45 ซึ่งผลคะแนนทั้งจำานวนคณะผู้เลือกตั้งและผลคะแนนป๊อปปูลาร์ ปปูลาร์ โหวตนำาทิ้งห่างตั้งแต่เริ่มเกม แต่คงเป็นชัยชนะอันหอมหวานที่ไม่มี ไม่มี เวลาให้เฉลิมฉลองได้นาน เมื่อยังมีงานใหญ่รออยู่สำาหรับตำาแหน่ง นง ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอเมริกาบนเวทีโลกที่มี ความท้าทายคอยท่าอยู่รอบด้าน ทั้งประเด็นความมั่นคงและ ความสัมพันธ์ของมิตรประเทศในหลากหลายภูมิภาค
จีน นับเป็นความกังวลก้อนใหญ่ในใจสหรัฐ ด้วยรูป แบบความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนคลุมเครือ แม้ฉากหน้าจะดูว่ารัฐบาล วอชิงตันพร้อมประจันหน้าอย่างผึ่งผาย ด้วยนโยบายถ่วงดุลอำานาจจ ปักกิ่งในภูมิภาคจีนทั้งด้านความมั่นคงและการค้า แต่กระนั้นก็ไม่อาจอาจ ลืมได้ว่ารัฐบาลจีนคือเจ้าหนี้รายใหญ่ นายทรัมป์ประกาศนโยบายหาเสียง หาเสียง ไว้สุดโต่งเรื่องการกดดันทางการค้าอันเป็นบทลงโทษต่อจีน แต่คงไม่ง่าย คงไม่ง่าย ที่จะทำาให้เป็นจริงได้ เนื่องจากในความเป็นจริงยังต้องคำานึงถึงกลไกของ ลไกของ การค้าระหว่างประเทศที่มีอยู่ซึ่งไม่ใช่ กฎหมาย “ตามอำาเภอใจ” ที่จะให้ มหาอำานาจไหนมาใช้ประโยชน์ได้
การแผ่ขยายอำานาจของจีนทั้ง ในด้านการค้าด้วยการผลักดันจัดตั้ง สถาบันการเงินระหว่างประเทศอย่าง ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เอเชีย(เอไอไอบี) ขึ้นมาเพื่อเป็นคู่แข่ง กับธนาคารโลกและกองทุนการเงิน ระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ริเริ่ม แผนพัฒนาทางเศรษฐกิจสุดทะเยอ ทะยาน “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ที่ ครอบคลุมหลากหลายภูมิภาค รวมไปถึงความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(อาร์เซป) ที่ถูกยกขึ้นเทียบเคียงกับแผนความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี) ที่ เป็นผลงานชิ้นเอกของรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา
ขณะที่ทางด้านการทหารและความมั่นคงก็มีการแผ่ขยายอำานาจในทะเลจีนใต้ ทะเลจีนตะวัน ออก รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีและยกระดับนโยบายทางทหาร ซึ่งล้วนเป็นบททดสอบสำาคัญของ ผู้นำาสหรัฐคนใหม่ ไม่เพียงแต่การเผชิญ หน้ากับจีน แต่จะทำายังไงให้ยังสามารถ ซื้อใจพันธมิตรในภูมิภาคโดยรอบจีนไว้ ไ ได้ การพิสูจน์ศักยภาพยังรวมไปถึง ประเด็นเกาหลีเหนือซึ่งเพิ่งทดสอบ นิวเคลียร์ครั้งที่ 5 ไปเมื่อเดือน ก.ย. ที่ ผ่านมา ภายใต้การนำาของนายคิม จองอึน ที่คาดเดายากไม่แพ้นายทรัมป์
พันธมิตรสำาคัญที่ตกอยู่ในวิถี กระสุนอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นต่างคาด หวังว่ารัฐบาลวอชิงตันจะมีความคืบ หน้าในเรื่องนี้ แต่ก็แทบจะไร้ผล การ ผลักดันนโยบายควำ่าบาตรรัฐบาลเปียงยางในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น เอสซี) กลับติดขัดด้วยการโต้แย้งจากจีน เช่นเดียวกับความพยายามในการติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธ เพดานบินสูง (ทาด) เพื่อเป็นยันต์คุ้มภัยให้พันธมิตรในคาบสมุทรเกาหลี
ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียในช่วงรัฐบาลโอบามาที่ผ่านมาตึงเครียดขึ้นเป็นลำาดับ ทั้งการยื้อยุด อำานาจกันเรื่องดินแดนไครเมียในยูเครน ซึ่งนำาไปสู่การประกาศควำ่าบาตรอย่างต่อเนื่องต่อบุคคลและ องค์กรของรัสเซีย การเสริมกำาลังทหารกดดันในภูมิภาคบอลติกซึ่งเปรียบเสมือนชายคาบ้านของกลุ่ม นาโตหรือองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ รวมถึงการที่กองทัพมอสโกส่งกำาลังเข้าร่วม สนับสนุนรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์อัล-อัสซาด ในซีเรีย
อีกหนึ่งภาระหนักของรัฐบาลหน้า คือการพยายามซ่อมและสร้างความเชื่อมั่นต่อบรรดามิตร ประเทศ ตะวันออกกลางในส่วนของกลุ่มอาหรับ รวมถึงตุรกีที่เริ่มคลางแคลงใจต่อการสนับสนุน กองกำาลังเคิร์ดของสหรัฐ ขณะที่ด้านเอเชีย ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในเอเชียตะวันออกกำาลังเผชิญภัย คุกคามจากเกาหลีเหนือและการแผ่อำานาจของจีน ส่วนประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ผู้นำาฟิลิปปินส์ ก็ดูจะเหนื่อยหน่ายเต็มทีกับความสัมพันธ์เก็บเก่ากับอดีตเจ้าอาณานิคม
ด้วยสโลแกนขายฝันที่จะนำาพาอเมริกันชนกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ทรัมป์จึงมุ่งเน้นไปที่ ผลประโยชน์ของชาวอเมริกันเป็นหลัก โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจ การจ้างงาน และประเด็น เรื่องแรงงานอพยพ จึงมีแนวโน้มที่จะทำาให้อเมริกาดำาเนินนโยบายปิดมากขึ้น ซึ่งไม่ส่งผลดีกับทุก ฝ่ายในระยะยาว และด้วยแนวคิดต่อต้านการค้าเสรี จึงไม่ง่ายที่จะคาดหวังความสำาเร็จในข้อตกลง ทีพีพี
ขณะที่ประเด็นด้านความมั่นคงก็มีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งภัยคุกคามรูปแบบใหม่เช่นความ มั่นคงทางไซเบอร์ รวมถึงภัยก่อการร้ายที่มีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว ส่วนปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลง สภาพอากาศที่มีใจความสำาคัญอยู่ที่ความตกลงปารีส อาจต้องเผชิญกับอุปสรรคใหญ่เมื่อผู้นำาใหม่คิด ว่ามันเป็นเพียงเรื่องปาหี่.