เริ่มแล้ว..วิธีข่มขู่
ท้าทายอำานาจของ คสช. ไม่ใช่จัดฉากและสร้างภาพ “นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” คณะทำางานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กองพิสูจน์หลักฐาน สามารถตรวจสอบสารโลหะ ที่เป็นหัวกระสุน เกี่ยวข้องกับกระสุนปืน ได้ ที่สำาคัญไม่พบหัวกระสุน ที่ใครหวังยิงวัตถุบางอย่าง กับคำาให้สัมภาษณ์นายเรืองไกร ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานได้เข้ามาพิสูจน์หลักฐานแล้ว ซึ่งก็ พิสูจน์ได้ชัดเจนว่ารูที่กระจกไม่ใช่ลูกปืนเพราะไม่มีสารตะกั่ว หรืออาจจะเป็นการยิง
อย่างว่าละครับ..มือกฎหมายที่เคยได้รับฉายา ’แจ๊คผู้ฆ่า ยักษ์“โชว์ฝีมือล้ม “นายสมัคร สุนทรเวช” หัวหน้าพรรคพลัง ประชาชน จนพ้นเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี” และยังมีบทบาท ตรวจ สอบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างต่อเนื่อง ย่อมมี สิทธิคิดว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจเกี่ยวข้องกับบทบาทนักตรวจ สอบ เดี๋ยวรอดูซิว่า เจ้าหน้าที่ตำารวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีบทสรุปออกมาอย่างไร
พูดถึงกระบวนการข่มขู่ ต้องบอกว่าสมัย “ระบอบทักษิณ” ยังมีอำานาจบาตรใหญ่ ผ่านทั้งทางตัวแทนนอมินี ดูเหมือนฝ่าย ตรงข้าม และผู้ที่มีบทบาทตรวจสอบโดนกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะ เป็น กกต. ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ โดนกันถ้วนหน้า บางทีผู้ก่อ เหตุก็จับได้บ้าง บางทีก็ปล่อยให้หลุดมือไปบ้าง
บางทีคนก่อเหตุ ยังเที่ยวไปคุยโม้โอ้อวด กับมวลชนทำานอง ว่า วันนี้เที่ยวไปยิงระเบิดใส่ที่นั่นใส่ที่นี่ แต่ในที่สุดผลกรรมก็ตาม ไล่ล่า ไม่ได้อยู่รอรับบทลงโทษ จากโลกนี้ไปเรียบร้อยครับ
คิดดูขนาด บ้านพักอดีตประธานศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการ ป.ป.ช. โดนยิงถล่มด้วยอาวุธ สงครามอย่างถ้วนหน้า ที่เลวร้ายสุด ๆ คือการคุกคาม ด้วยการใช้ เงินฟาดหัว กรณีนำาเงินใส่ถุงขนม 2 ล้านบาท ไปมอบให้เจ้าหน้าที่ ธุรการศาลฎีกา ส่งอดีตนายตำารวจไปหว่านล้อม ตุลาการศาล รัฐธรรมนูญ แต่ทั้งสองเหตุการณ์ คนรับไม่สนองตอบคนให้
ไหน ๆ เขียนถึงเรื่องการข่มขู่แล้ว มาอ่านดูเรื่องนี้กัน หน่อยครับ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำารงตำาแหน่งทางการเมือง ในระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชิน วัตร อดีตนายกฯ เดินทางมาร่วมฟังการไต่สวนพยานจำาเลยนัดที่ 6 คดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นจำาเลย ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ กรณีไม่ยับยั้งโครงการรับ จำานำาข้าว
องค์คณะผู้พิพากษา ยังแจ้งว่า อัยการโจทก์ได้ยื่นคำาร้อง ระบุว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ขณะกำาลังจะออกจากห้อง พิจารณา มีบุคคลชาย-หญิงที่ได้เข้ามาร่วมฟังการพิจารณาคดี แสดงพฤติกรรมลักษณะข่มขู่โจทก์ด้วยการจ้องหน้าด้วยความ เคียดแค้น จนทำาให้เกิดความหวาดกลัว กดดันในการทำาคดีนี้ ดังนั้นศาลจึงจะออกข้อกำาหนดเตือนผู้ที่อยู่ในห้องพิจารณาและ บริเวณโดยรอบศาล
ห้ามแสดงพฤติกรรมข่มขู่โจทก์-จำาเลย และพยาน ใน ลักษณะที่เกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกายและทรัพย์สินของ โจทก์-จำาเลย และพยาน รวมทั้งห้ามพกพาอาวุธหรือถ่ายภาพใน ห้องพิจารณา และกระทำาการใดอันเป็นการละเมิดอำานาจศาล ซึ่ง องค์คณะฯ จะให้ติดประกาศข้อกำาหนดนี้ไว้ที่หน้าอาคารศาล โดย ให้ทุกคนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ ฐานละเมิดอำานาจศาล
สำาหรับบุคคลที่โจทก์อ้างถึง และมีภาพถ่ายยืนยันต่อ ศาลแล้ว ศาลจะออกหมายเรียกมาไต่สวนในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ เวลา 09.30 น. โดยองค์คณะฯ กล่าวกับคู่ความทั้งสองฝ่ายอีกว่า หาก เป็นการกระทำาที่เกิดขึ้นจริง ถือว่าอาจทำาให้คดีนี้เกิดความไม่เป็น ธรรมกับทุกฝ่าย
วันนี้ต้องช่วยกัน ปกป้องกระบวนการยุติธรรม คุ้มครอง ไม่ให้ถูกคนชั่วคนเลวคุกคาม และทำาร้ายด้วยวิธีการเดิม ๆ. คนดี ต้อง