รัฐเร่งหางบเพิ่มทุ่มลงต่างจังหวัด
ที่อยุธยาซิตี้พาร์ค จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 27 พ.ย. นายอิสระ ว่อง กุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่หอการค้า จัดสัมมนาหอการค้า ทั่วประเทศ ครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 25-27 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้จัดทำาข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากภาค เอกชน โดยประกาศเป็นปฏิญญาอยุธยา แล้วรวบรวมเป็นสมุดปกขาว เพื่อรายงานสรุปผลส่งมอบ ให้แก่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นำาไปร่วมประกอบการพิจารณาแก้ปัญหาต่อไป
ขณะที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “นวัตกรรม ทำาจริง สู่การขับเคลื่อนประเทศไทย” ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 34 ว่า ปี 2560 รัฐบาลจะใช้งบประมาณขับเคลื่อนประเทศอย่างจริงจัง โดยรัฐบาลพยายามหางบประมาณลงสู่ กลุ่มจังหวัด เพื่อใช้พัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 4.0 โดยมีทั้ง 76 จังหวัด เป็นเครื่องยนต์ สำาคัญ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่อนาคตในอีก 4-5 ปีข้างหน้า โดยไม่ให้กระทบต่อฐานะทางการคลัง หรือมีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีเกิน 45 เปอร์เซ็นต์ จากปัจจุบันที่ 42 เปอร์เซ็นต์ และเชื่อว่า จากนี้ไปใน 1 ปี จะเห็นการสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจให้สมดุล ทั้งภายนอกและภายใน
นายสมคิด กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 60 ที่ลงกลุ่มจังหวัดเดิม 2 หมื่นล้านบาท นั้น รัฐบาลพยายามหาเพิ่มให้เป็น 4 หมื่นล้านบาท จากการเรียกคืนงบประมาณการลงทุนใน โครงการขนาดเกิน 1,000 ล้านบาท และยังใช้จ่ายไม่หมดในปีงบประมาณ 59 คืนมาแล้วซอยเป็น โครงการย่อย ๆ เสริมลงสู่กลุ่มจังหวัด รวมทั้งจะหางบประมาณเพิ่มให้อีกก้อนในปีงบประมาณปี 61 เพื่อให้การขับเคลื่อนดำาเนินการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้รัฐบาลหน้ามีงบประมาณ ดำาเนินการให้ต่อเนื่อง
นายสมคิด กล่าวอีกว่า จากนี้ไปภาคเอกชนจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยรัฐบาลจะให้ เวลาผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัด ไปหารือกับภาคเอกชนและมหาวิทยาลัยในแต่ละจังหวัด1-2 เดือน ไปคิดมาว่าจะทำาอะไรบ้าง ในการขับเคลื่อนจังหวัด แต่ขอให้อย่าทะเลาะกันและอย่าคิดแค่ ว่าจังหวัดจะได้เท่าไหร่ โดยขอให้คิดถึงผลประโยชน์สูงสุดของแต่ละจังหวัด และถือเป็นโอกาสที่ดี ของแต่ละจังหวัด ขณะเดียวกันจะทำาให้ประเทศไทยมีเครื่องยนต์ปั๊มเศรษฐกิจถึง 76 ตัว
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้อยากให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่า เศรษฐกิจของไทยในปี2560 ยังไปได้ ส่วนปีนี้เชื่อว่าจะขยายตัวเกิน 3 เปอร์เซ็นต์ แม้ช่วงไตรมาส 4 จะลดลงไปบ้าง แต่ถือว่า ไม่มากนัก จึงขอให้ช่วยกันประคับประคอง อย่ามัวแต่คิดว่าไม่ดี เพราะจะเป็นการทำาร้ายตัวเอง และปีหน้าจะเข้าสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างจริงจังเพราะรัฐบาลชุดนี้เหลือเวลาทำางานอีกเพียง แค่ 1 ปี จึงต้องเร่งขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า การขับเคลื่อนประเทศไทย สู่การยกระดับ ภาคโมเดลธุรกิจใหม่ ไทยแลนด์4.0 จะยกระดับการค้าและบริการให้มูลค่าเพิ่มจากเดิมที่ขับเคลื่อน โดยการปฏิวัติอุตสาหกรรม และเป็นประเทศการค้า รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจจาก18 กลุ่มจังหวัด ที่กระจายรายได้จากการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วประเทศ พร้อมทั้งน้อมนำาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ด้วย การพัฒนาคนให้มีคุณภาพใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และสร้างเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน รวมถึงผู้ประกอบการที่เข้มแข็ง ตลอดจนการกระจายรายได้จากหัวเมืองใหญ่ ๆ ไปสู่ทั่วประเทศ ตลอดจนการเชื่อมต่อกับกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ทางด้านนางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ลงจากเดิมที่คาดว่าจีดีพีจะโต 3.3 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 3.2 เปอร์เซ็นต์ โดยคาดว่าการส่งออกจะติดลบ 0.4 เปอร์เซ็นต์ อัตราเงินเฟ้อขยายตัว 0.2 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากการท่องเที่ยวที่ลดลง ส่วนปีหน้าคาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 3.6 เปอร์เซ็นต์ การ ส่งออกกลับมาเป็นบวกได้ที่ 1.4 เปอร์เซ็นต์ ด้วยมูลค่า 214,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นางเสาวนีย์ กล่าวด้วยว่า สำาหรับปัจจัยเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี 2559 และปี 2560 อย่างเห็นได้ชัดคือ มาตรการภาครัฐ ที่ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ทำาให้จีดีพีเพิ่มขึ้น 4 หมื่นล้านบาท การขึ้นค่าจ้างขั้นตำ่า ทำาให้จีดีพีเพิ่มอีก 4.5 หมื่นล้านบาท แต่เมื่อหักลบผลกระทบจากการปราบ ทัวร์ศูนย์เหรียญ รายได้จากการท่องเที่ยวจะหายไป9,000 ล้านบาท เท่ากับว่าจะมีเงินเพิ่มเข้าสู่ระบบ กระตุ้นเศรษฐกิจอีก 7.6 หมื่นล้านบาท
ขณะที่นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่าหอการค้า แต่ละภูมิภาค ร่วมกันวางยุทธศาสตร์การค้า และเน้นสินค้าหรือบริการ มีศักยภาพเป็นเรือธงผลัก ดันเศรษฐกิจแต่ละภาค (โปรดักส์แชมเปี้ยน) เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปี 60 ให้เติบโต ใกล้เคียง 4.0 เปอร์เซ็นต์ ตามปฏิญญาอยุธยาที่ต้องการพัฒนาสินค้าและบริการ 4.0 เพื่อขับ เคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้นได้ 0.4-0.7 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี.