เสริมเขี้ยวกกต.ปิดฉาก‘เสือกระดาษ’

เปิดโฉมหน้า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พ.ศ..(ร่างเบื้อง ต้น) เพื่อเผยแพร่ต่อผู้เกี่ยวข้องและประชาชนเพื่อประกอบการรับ ฟังความคิดเห็น (ยังอาจมีการแก้ไขเพิ่มเติม) ออกมาแล้ว “ทีม การเมืองเดลินิวส์” ได้รับเกียรติจาก อ.ประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการ ร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ผู้มีบทบาทส า�คัญในการร่าง พ.ร.ป.ฉบับนี้ มาสรุปสาระส า�คัญว่ามีอะไรที่เป็นเรื่องใหม่บ้าง

“อดีต กกต.” บอกว่า การจะทา�ให้การเลือกตั้งสุจริตและเที่ยง ธรรม จะประกอบด้วย 3 ส่วนคือ 1. กกต.ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบ จัดการเลือกตั้ง 2. พรรคการเมืองและผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และ 3. ประชาชน เมื่อ กกต.มีความสา�คัญ ในร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. คราวนี้จึงได้มีการปรับปรุง “หน้าที่” และ “อา�นาจ” ของ กกต. โดย เพิ่มจา�นวน กกต. จากเดิม 5 คน เป็น 7 คน สาเหตุที่เพิ่มเพราะ ภาระหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านประชามติจะมีมากขึ้น โดย 2 คนจะมาจากการคัดเลือกของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ซึ่งจะมี ต า� แหน่งเป็นอธิบดีผู้พิพากษาหรืออธิบดีอัยการ ส่วนอีก 5 คนจะมา จากคณะกรรมการสรรหาซึ่งมีประธานศาลฎีกาเป็นประธาน

หน้าที่และอา�นาจของ กกต. ในร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะมุ่งไป ให้มีความกล้าหาญ ปราศจากอคติในการปฏิบัติหน้าที่ เน้นทา�งาน “เชิง รุก” ให้มากขึ้น ไม่ใช่นั่งรอคนมาร้อง ถ้าเห็นว่ามีอะไรที่ไม่ถูกต้อง หรือมีการบอกว่ามีการขนคนมาลงคะแนนเลือกตั้งโดยไม่ชอบธรรม กกต. ต้องไปสืบสวน สอบสวนเพื่อหาคนกระทา�ความผิดทันที ไม่ใช่ รอคนมาแจ้งเหมือนที่ผ่าน ๆ มา และในร่างรัฐธรรมนูญ กกต.เพียงคน เดียว ถ้าไปตรวจพบอะไรที่ไม่ถูกต้อง เช่น มีข้อมูลว่ามีคนกา�ลังจะนา� เงินไปแจก กกต.คนเดียวก็สามารถสั่งระงับได้เลยว่าที่ลงคะแนนใน หน่วยเลือกตั้งนี้มีการซื้อเสียงกัน ก็ให้หยุดไว้ก่อน แล้วก็มารายงาน กกต.ที่ส่วนกลาง ซึ่งในอดีต กกต.ไปพบแล้วก็ทา�อะไรไม่ได้ต้องกลับ มารายงานส่วนกลาง รอสา�นวนมาก่อนถึงจะมีมติออกมา ถ้าเป็นแบบ เก่าก็คงทา�งานไม่ทัน แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้เราให้กกต.ทา�งานเชิงรุก ถ้า พบการทุจริต หรือการกระท า�ที่ไม่ถูกต้องก็สั่งระงับไว้ก่อน และถ้า หากมีหลักฐาน กกต.สามารถ “ระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งชั่ว คราว” ซึ่งหมายถึงบุคคลนั้นก็ลงเลือกตั้งในครั้งนั้นไม่ได้

ในส่วนของ กกต.จังหวัด (กกต.จว.) เดิมจะมีประจ�าทุก จังหวัด จังหวัดละ 5 คน โดยเป็นคณะกรรมการซึ่งอยู่ประจ า� ถาวร 4 ปี เมื่ออยู่ประจ า� ในพื้นที่ก็มีการกล่าวหากันว่าคนที่เป็นนักการเมือง หรือท า� อะไรไม่ถูกไม่ต้องในพื้นที่ ก็พยายามมามีอิทธิพล เพราะรู้ว่า ใครอยู่ที่ไหน ตรงไหนบ้าง คราวนี้ก็จะมีคณะกรรมการอีก 1 ชุด เรียก ว่า “ผู้ตรวจการเลือกตั้ง” จังหวัดหนึ่งจะมี 5-7 คนขึ้นอยู่กับเป็น จังหวัดเล็กหรือใหญ่ ประกอบด้วยคนที่มีภูมิล า� เนาอยู่ในจังหวัดนั้น และคนที่อยู่นอกภูมิล า� เนาจังหวัดนั้นอีกส่วนหนึ่ง จะมีความหลาก หลายมากขึ้น ดังนั้น “ผู้ตรวจการเลือกตั้ง” จะมีหน้าที่ในช่วงที่มี การเลือกตั้ง เช่น มีการเลือกตั้ง ส.ส. ทั่วไป ก็จะมีการตั้งคณะกรรม การฯ ชุดนี้ไปปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่มีการเลือกตั้ง ซึ่งชุดนี้ก็จะไป ตรวจเมื่อมีข้อมูลด้านการข่าวต่าง ๆ ก็จะส่งมาที่ ผอ.การเลือกตั้ง ประจ า�จังหวัด ซึ่งเป็นพนักงานของสา�นักงาน กกต. หรือรายงานมา ที่ กกต.ในกรุงเทพฯ เพื่อด �าเนินการสืบสวน สอบสวน ตรงนี้พูด ง่าย ๆ ก็จะท �า ให้การเลือกตั้งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนักการเมืองใน พื้นที่ และเป็นการสกัดการพยายามวิ่งเต้น