เรือน้อยออกจากฝั่งไล่ล่าความฝันลูกหนังโลก

ม่น่าเชื่อว่าในห้วงเวลาที่คนไทยกำาลังจะมีความสุขกับความสำาเร็จ ของนักเตะ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ที่ผงาดคว้าแชมป์ลูกหนัง อาเซียน หรือ “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016” มาครองได้เป็น สมัยที่ 5 นั้น

วงการฟุตบอลไทย กลับเกิดกระแสดราม่ามาบดบัง “ความสุข” อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งเรื่องของการจุดพลุไฟของแฟนบอลที่เห็นแก่ตัวในรอบ ชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 ที่เอาชนะ อินโดนีเซีย 2-0 จนเป็นที่มาของการดำาเนิน การตามกฎหมาย ขณะที่ผลกระทบที่ตามมา ฟุตบอลไทยอาจจะถูกลงโทษ จากองค์กรลูกหนังที่เกี่ยวข้องก็ได้ รวมถึงกระแสข่าวสัญญาการคุมทีม ของ “โค้ชซิโก้” เกียรติศักด์ิ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมช้างศึก

แม้ว่าล่าสุด เรื่องของ “ซิโก้” จะยุติลงไปแล้ว เนื่องจาก “บิ๊ก อ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกลูกหนังไทย ออกมาสยบข่าว ลือแล้วว่า พร้อมจะต่อสัญญากับกุนซือจอมตีลังกาอย่างแน่นอน

จากเรื่องร้าย ๆ มาสู่เรื่องดี ๆ เป็นเรื่องที่จรรโลงใจจะดีกว่า ข่าวดีที่ว่าก็คือ “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ จอมทัพร่างเล็กเจ้าของ รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ” 2 สมัยซ้อน จะได้ไป วาดลีลาในฟุตบอลเจลีกของญี่ปุ่นในปีหน้าอย่างแน่นอนแล้วนั่นเอง

ขณะที่ วงการลูกหนังไทย ก็จะเป็นที่รู้จักของลูกหนังโลกมากยิ่ง ขึ้น ที่สำาคัญส่งผลถึงทีมชาติไทยด้วยเช่นกัน อีกจุดคือ “ชนาธิป” ถือเป็น “ไอดอล” ของน้อง ๆ นักเตะเยาวชนอยู่แล้ว ยิ่งได้ไปเล่นในลีกชั้นนำาเช่น นี้ ย่อมเป็นแรงบันดาลใจเพิ่มขึ้นไปอีกแน่นอน

“ซูเปอร์บิ๊กดีล” ที่เกิดขึ้นนี้ผู้ที่ต้องได้รับเครดิตอันดับแรกก็คงจะ เป็น เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่มีนโยบายผลักดันนักเตะไทยไปสู่ระดับ อินเตอร์มาอย่างต่อเนื่อง โดย “บิ๊กเป้” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำานวยการ สโมสรกิเลนผยอง บอกว่า ถ้าตราบใดที่ไทยลีกของเรายังไม่แข็งแกร่งเท่า เจลีก, เคลีก หรือลีกยุโรป ก็ยังหนีไม่พ้นกับวัฏจักรของการเสียนักเตะที่ดี ที่สุดของสโมสรไป แต่แม้เราจะเสียนักเตะที่ดีไป แต่ก็ได้เรื่องการยกระดับ วงการฟุตบอลไทย สร้างเครดิต สร้างมาตรฐานนักเตะจากลีกไทย ซึ่งเป็น นักเตะท้องถิ่นของไทยด้วย

“ผมถือว่าเป็นความสำาเร็จของฟุตบอลไทยและสร้างชื่อเสียง ให้สโมสรด้วย เหมือนกับตอนที่คุณวิทยา เลาหกุล เคยไปเล่นอยู่ที่ ญี่ปุ่นและเยอรมนี ซึ่งเราก็อยากจะเดินตามรอยเส้นทางนั้นเช่นกัน”

ทางด้าน “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย กล่าวว่า เป็นอีกหนึ่งผลงานของนักฟุตบอลทีมชาติไทย ที่ชี้ให้เห็นว่า

“ผมทราบดีว่าในปีนี้เราเพิ่งจะเสีย ตั้ม (ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ย้าย ไปเล่นกับ เชียงราย ยูไนเต็ด) ฉะนั้นหลายคนคงไม่อยากจะเสียนักเตะ กำาลังสำาคัญคนอื่น ๆ ไป แต่นี่เป็นโอกาสที่ผมจะได้พัฒนาตัวเองสักครั้ง หนึ่งในชีวิต ตลอดช่วงครึ่งปีแรกของฤดูกาล 2017 ผมสัญญาว่าจะเต็ม ที่แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในการช่วยเมืองทองทั้งในเกมลีก, ฟุตบอลถ้วย ต่าง ๆ และเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ก่อนที่ผมจะเดินทาง ไปค้าแข้งยังคอนซาโดเล ซัปโปโร ต่อไป”

“นักฟุตบอลอาชีพ” ย่อมต้องเลือกเดินบนถนนลูกหนังอาชีพ ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้ว การไปค้าแข้งเจลีกของ “เมสซี่เจ” จะประสบ ความสำาเร็จหรือล้มเหลวกับเส้นทางที่ได้เลือกแล้วก็ตาม แต่เชื่อว่า แฟนบอลชาวไทยทุกคนจะเป็นแรงใจแรงเชียร์ให้จอมทัพลูกหนังไทย คนนี้ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยพลังใจที่เต็มเปี่ยมอย่างแน่นอน

เพราะนี่คือการเปิดมิติใหม่ ที่จะจารึกประวัติศาสตร์วงการ ฟุตบอลไทยให้ชาวโลกได้รับรู้ว่านักฟุตบอลไทยก็มีดีไม่แพ้นักฟุตบอล ชาติใดในโลกเช่นกัน.