ตัดสินประหารชีวิตเผาทั้งเป็นจีโน่
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 ธ.ค. ที่ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ผู้พิพากษาได้อ่านคำาพิพากษา ศาลชั้นต้น คดีที่พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นโจทก์ฟ้อง นายพชร เทียนชูศักดิ์ หรือ กัส และ น.ส.จันทราลักษณ์ ลั่นสิน หรือออย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่านายขจร กิจฤกษ์ไทย หรือ จีโน่ อายุ 18 ปี โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ ร่วมแล้ว เห็นว่าคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2557 เวลากลางวัน มีพยานเห็นชัดเจนว่า จำาเลย ที่ 1 คือนายพชร หรือกัส ได้เดินออกมาจากป่าข้างทาง แล้วเอาน้ำามันราดจากนั้นก็จุดไฟเผา นายขจร หรือจีโน่ ผู้ตาย ส่วนจำาเลยที่ 2 น.ส.จันทราลักษณ์ หรือออย เป็นผู้โทรศัพท์ลวงให้ผู้ ตายออกมาพบเพื่อเจตนาฆ่า โดยมีสาเหตุมาจากเรื่องชู้สาว
โดยลักษณะของจำาเลยทั้ง 2 คนนั้น เป็นการกระทำาในลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำา อีก ทั้งพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมมั่นคงน่าเชื่อถือ ศาลจึงพิพากษาว่าจำาเลยทั้งสองมี ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ประกอบมาตรา 83 ประหารชีวิตจำาเลยทั้งสอง แต่คำาให้การในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อ การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือโทษจำาคุกตลอดชีวิตแก่จำาเลยทั้ง 2 คน
ทางด้านของนายวิษณุ กับนางรัชวรรณ กิจฤกษ์ไทย พ่อและแม่ของผู้เสียชีวิต ที่ได้เดิน ทางมารับฟังการอ่านคำาพิพากษาของศาลชั้นต้น พร้อมกับทีมงานทนายประชาชนนั้น ได้ให้ สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังมีคำาพิพากษาว่า วันนี้ทางครอบครัวไม่ได้มาเพื่อมุ่งหวังว่าคำาตัดสิน ของศาลจะออกมาแบบใด เพราะอย่างไรก็ไม่สามารถเรียกคืนสิ่งที่สูญเสียไป คือชีวิตของลูกชาย กลับมาได้อีก ซึ่งทุกคนนั้นก็เคารพในคำาตัดสินของศาล โดยคำาตัดสินที่ออกมาก็เชื่อได้ว่าจะ เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ช่วยให้ดวงวิญญาณของลูกชายไปสู่สุคติ ซึ่งก่อนออกจากบ้านก็ได้จุดธูป ชวนจีโน่ให้มาฟังคำาตัดสินของศาลชั้นต้นในวันนี้ด้วยกัน
ขณะที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายประชาชนบอกว่า หลังจากที่มีคำาพิจารณาของศาล ชั้นต้นออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็คงจะต้องดูว่าทางฝ่ายจำาเลยจะยื่นประกันตัวหรือไม่ ซึ่ง หากมีการขอยื่นประกันตัว ทางตนเองในฐานะทนายฝ่ายโจทก์ก็จะดำาเนินการขอยื่นคัดค้านการ ประกันตัวต่อไป ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการหลบหนีของฝ่ายจำาเลยที่อาจจะเกิดขึ้นได้.