‘โรคเบาหวานเกี่ยวข้องกับตาและความดันโลหิตสูงได้อย่างไร’
เมื่อนึกถึงเบาหวาน หลายคนคง จินตนาการภาพ แผลที่เท้า การตัดขา ตาบอด และไตวาย ผุดขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ สงสัย ไหมว่า ทาไมแค่น้�าตาลสูงจึงท�าให้เกิดโรค� แทรกได้มากขนาดนี้ เบาหวานไม่ใช่โรคที่ เกี่ยวข้องกับน้�าตาลในเลือดสูงเพียงอย่าง เดียว แต่มักจะมาพร้อมกับเพื่อนพ้องที่เรา ไม่ต้องการ เช่น ความดันโลหิตสูงและไขมัน ในเลือดผิดปกติ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบ ต่อหลอดเลือดแดงขนาดเล็กที่ตา ไต และ ปลายประสาท ทั้งยังส่งผลต่อหลอดเลือด ขนาดใหญ่ที่สมอง หัวใจ และหลอดเลือดแดง ที่ขา ทา�ให้อวัยวะดังกล่าวทา�งานผิดปกติเป็น เหตุให้เกิดโรคแทรกที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น โรคเบาหวานเกี่ยวข้องกับตาอย่างไร
ผู้เป็นเบาหวานมีโอกาสเสี่ยงที่จะ ตาบอดมากถึง 25 เท่าของคนปกติ โรคเบา หวานจอตาเป็นสาเหตุที่ส�าคัญของตามัว หรือตาบอด ผู้เป็นเบาหวานประมาณ 1 ใน 3 พบว่าเป็นโรคเบาหวานจอตา จอตาอยู่ด้าน หลังของลูกตา เปรียบเสมือนจอหนังคอยรับ ภาพก่อนที่จะส่งสัญญาณไปสมอง ที่จอตา มีหลอดเลือดแดง หลอดเลือดดา� เส้น ประสาท และจุดรับภาพ ผู้เป็นเบาหวานที่ เป็นเบาหวานมานาน ระดับนา้�ตาลที่ควบคุม ได้ไม่ดีร่วมกับความดันโลหิตสูงส่งผลให้ หลอดเลือดที่ตาผิดปกติ มีการรั่วซึมของ เม็ดเลือดแดงและสารในหลอดเลือดร่วมกับ ภาวะขาดเลือด ในระยะแรกนี้การมองเห็นยัง เป็นปกติ ในกรณีที่การรั่วซึมดังกล่าวเกิดขึ้น ที่จุดรับภาพจนทา�ให้จุดรับภาพบวม การมอง เห็นจะลดลง
เมื่อโรคดา�เนินต่อไป จอตาขาดเลือด มากขึ้น ร่างกายจะสร้างหลอดเลือดขึ้นมา ใหม่ซึ่งมีลักษณะเปราะ แตกง่าย หากหลอด เลือดแตกจะทาให้เลือดออกที่น้�าวุ้นลูกตา� ระยะนี้การมองเห็นจะลดลง หากเป็นเบา หวานจอตามานานจนมีพังผืดดึงรั้งจะท �าให้ จอตาลอกซึ่งจะมีอาการได้แก่ เห็นฝุ่นดา�ลอย เคลื่อนที่ตามการกลอกตา เห็นแสงเหมือน ฟ้าแลบ หรือมีเงาด �า คล้ายม่านบังตาเป็น อุปสรรคต่อการมองเห็น
แพทย์จะทราบว่า ผู้ป่วยเป็นโรคเบา หวานจอตาโดยการถ่ายรูปจอตา หรือขยาย ม่านตาแล้วส่องดูจอตา หากพบว่ามีเบาหวาน จอตารุนแรงจะรักษาด้วยการยิงเลเซอร์หรือ ฉีดยาเข้าในลูกตาเพื่อท �า ลายหลอดเลือดที่ สร้างขึ้นมาอย่างผิดปกติ หรือผ่าตัดในกรณี เลือดออกในน้�าวุ้นลูกตา ซึ่งการรักษาดัง กล่าวสามารถลดอัตราตาบอดได้
เบาหวานจอตาไม่ได้มีผลต่อการมอง เห็นเท่านั้น “จอตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ และไต” ผู้ที่เป็นเบาหวานจอตาสัมพันธ์กับ ความเสี่ยงของโรคไต โรคหัวใจและหลอด เลือด ภาวะเบาหวานจอตานี้ป้องกันได้โดย การควบคุมระดับนา้�ตาล ความดันโลหิตและ ไขมันในเลือด ขอเน้นย า้�ว่า ถึงแม้ไม่มีอาการ ตามัว ผู้เป็นเบาหวานควรได้รับการตรวจตาโดย จักษุแพทย์อย่างสมา่�เสมออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันตาบอดก่อนที่จะสายเกินแก้
เบาหวานนอกจากจะมีผลต่อจอตาแล้ว รูปแสดงจอตาปกติ รูปเบาหวานจอตาระยะที่มีการสร้างหลอดเลือดขึ้นมาใหม่ และหลอดเลือดแตกท า�ให้เลือด ออกที่นา้�วุ้นลูกตา ระยะนี้จะมีอาการตามัว
รูปแสดงจอตาในผู้เป็นเบาหวาน จะเห็นว่ามี หย่อมเลือดออกและมีการรั่วซึมของสารจาก หลอดเลือดเห็นเป็นหย่อมสีเหลือง ยังมีผลต่อเลนส์ตาด้วย ดังจะเห็นได้จากระดับ ความสั้นยาวของสายตาจะเปลี่ยนไปเมื่อระดับ น้�าตาลไม่คงที่ จึงไม่แปลกใจที่ต้องตัดแว่น บ่อย นอกจากนี้ผู้เป็นเบาหวานยังเสี่ยงต่อการ เป็นต้อกระจก ต้อหิน และเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ที่ลูกตาอีกด้วย ความดันโลหิตสูงในผู้เป็นเบาหวาน
ความดันโลหิตสูงพบได้ประมาณ 2 ใน 5 ของผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 (เป็นเบา หวานชนิดที่พบบ่อยที่สุด มักเป็นในผู้ใหญ่หรือ คนอ้วน) ความดันโลหิตสูงเกิดจากหลอดเลือด แดงมีความยืดหยุ่นน้อย มีสารนา้�และเกลือคั่ง ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมีโอกาสจะเป็นโรค หัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคไตและเบาหวาน จอตาได้มากกว่าผู้ที่ความดันโลหิตปกติ
การลดความดันโลหิตในผู้เป็นเบา หวานที่มีความดันโลหิตสูงไม่มาก (ความดัน โลหิตตัวบน 120-139 หรือความดันโลหิตตัว ล่าง 80-90 มิลลิเมตรปรอท) สามารถท�าได้ โดยการปรับพฤติกรรมได้แก่ ลดน้�าหนัก รับ ประทานผักและผลไม้ที่หวานน้อย ดื่มนม พร่อง/ไร้มันเนย ออกก �าลังกาย หยุดบุหรี่ ลดอาหารเค็ม (เกลือไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน) ส�าหรับผู้ที่ความดันโลหิตสูงกว่านั้นต้องกิน ยาลดความดันช่วยด้วย โดยระดับความดัน โลหิตเป้าหมายคือน้อยกว่า 140/90 เมตรปรอท
เมื่อกล่าวถึงการกินยาลดความดัน โลหิต หลายคนเกิดความกังวลว่า แค่นี้ก็กิน ยาเยอะอยู่แล้ว การกินยาลดความดันโลหิต จะทาลายตับไตหรือไม่� ค�าตอบคือ การที่ ความดันโลหิตลดลงโดยการกินยาลดความ ดันโลหิตที่เหมาะสมนั้นไม่ท �า ให้เป็นโรคตับ หรือโรคไต ในทางตรงกันข้ามการควบคุม ความดันโลหิตกลับลดโอกาสที่จะเป็นโรค หรือชะลอการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคเบาหวานจอตาและ โรคเบาหวานลงไต จึงเป็นความสา�คัญที่ต้อง กินยาให้สม า่� เสมอ
สุดท้ายนี้ที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้ ตั้งใจที่จะทา�ให้ท่านท้อแท้เมื่อเป็นเบาหวาน แต่อยากให้รู้เขารู้เรา อย่าประมาทรักษา เบาหวานด้วยการซื้อยากินเองหรือเพิกเฉย ไม่รักษา เนื่องจากเบาหวานเป็นโรคของ หลอดเลือดทั่วร่างกาย การควบคุม ระดับ นา้�ตาล ความดันโลหิต ไขมันในเลือด และ การพบแพทย์อย่างสม่�าเสมอมีความส�าคัญ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและอยู่กับโรค ได้อย่างมีความสุข
(รูปจอตา ขอบคุณ ผศ.นพ.ณวพล กาญจนารัณย์)
รูปตาภาคตัดขวาง(คัดลอกจากhttp:// biology504.blogspot.com/)
ข้อมูลจาก รองศาสตราจารย์ แพทย์ หญิงทิพาพร ธาระวานิช สมาคมโรคเบาหวาน แห่งประเทศไทยฯ. มิลลิ