พบยาปลุกเซ็กซ์ผสมในกาแฟผง
เมื่อวันที่27 ม.ค. นพ.สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างอาหารเสริมและกาแฟสำาเร็จรูปที่มีการโฆษณาสรรพคุณในการช่วยลด นำ้าหนักและเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ตั้งแต่ปี 56-59 พบว่า กาแฟสำาเร็จรูปชนิดผง 130 ตัวอย่าง ผสมยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ34 ตัวอย่าง หรือ ร้อยละ26.2 โดยเป็น ยาซิเดลนาฟิล 33 ตัวอย่าง และทาดาลาฟิล 1 ตัวอย่าง ส่วนการตรวจหากลุ่มยาลดความ อ้วน 344 ตัวอย่าง พบผสมไซบูทรามีน ซึ่งเป็นสารต้องห้าม 47 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 13.7
ส่วนผลการตรวจผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เพื่อหายาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ 287 ตัวอย่าง พบว่า ลอบผสมยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศสูงถึง 123 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 42 โดยเป็นการผสม ยาซิเดนาฟิล 86 ตัวอย่าง ทาดาลาฟิล 6 ตัวอย่าง นอกจากนี้ยังพบว่า มีการผสมยาอย่างน้อย 2 ตัว ร่วมกัน อีก 31 ตัวอย่าง โดยเป็นการผสมระหว่างซิเดนาฟิลกับทาดาลาฟิล 24 ตัวอย่าง และซิเดนา ฟิลร่วมกับวาเดนาฟิล7 ตัวอย่าง และในการตรวจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อหายาลดความอ้วน ตัว ยาออลิสเตด 187 ตัวอย่างพบ 22 ตัวอย่าง ตรวจหาไซบูทรามีน 849 ตัวอย่างพบ 163 ตัวอย่าง และ ตรวจพบการผสมไซบูทรามีนร่วมกับออลิสเตด 3 ตัวอย่าง นอกจากนี้ยังมียาลดความอยาก อาหารชื่อเฟนฟูรามีน 1 จาก 245 ตัวอย่าง ยาระบายฟีนอฟทาลีน 1 จาก 245 ตัวอย่าง
“เมื่อก่อนเราพบการลักลอบผสมยาสเตียรอยด์มากประมาณร้อยละ 20 แต่ตอนนี้พบน้อย ลงแล้วเหลืออยู่ประมาณร้อยละ 2 แต่สิ่งที่พบมากขึ้นคือ ยาเสริมสมรรถภาพทางเพศ และพวกยา ลดความอ้วนนี่เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก ทั้ง ๆ ที่เป็นยาต้องห้ามอย่างไซบูทรามีนลดความอยากอาหาร ทำาให้นอนไม่หลับเพิ่มความดันเลือดและการบีบของหัวใจ เสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจตาย เส้นเลือดใน สมองแตก กับอีกตัวซึ่งเป็นยาขับไขมันซึ่งทำาให้อุจจาระเป็นฟอง ร่างกายขาดสารอาหารโดยเฉพาะ กลุ่มที่ต้องขับเคลื่อนโดยไขมัน ส่วนกลุ่มยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศนั้นเป็นยาล้วนแต่เป็นยาที่ต้อง ใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ทั้งนั้น เพราะมีผลต่อการทำางานของหัวใจ โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำา ตัวอยู่แล้วยิ่งอันตรายมาก ทำาให้เสียชีวิตได้ ถ้าใช้ไม่ถูก หรือใช้เกินขนาด ปัญหาคือเราไม่รู้ว่าที่ใส่ไป นั้นปริมาณเท่าไหร่” นพ.สุขุม กล่าว และว่า เมื่อมีการดำาเนินคดี ส่วนใหญ่เจ้าของมักอ้างว่าโดน ลอกเลียนแบบ.